ฟันธง!ทองน้ำวังไม่คุ้มลงทุนเชิงพาณิชย์

ลำปาง - ทรัพยากรธรณีเขต 1 เดินหน้าเจาะสำรวจทองคำหาปริมาณที่แท้จริงที่วังเหนือ เมืองลำปาง พบมีแค่ให้ชาวบ้านร่อนเป็นอาชีพเสริม ไม่เหมาะพัฒนาในเชิงพาณิชย์สำรวจแล้วมีปริมาณน้อยไม่คุ้มการลงทุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายนิทัศน์ ภู่วัฒนกุล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ได้ลงพื้นที่ตรวจดูการร่อนทองของชาวบ้าน บ้านป่าเหน่ง ต.วังแก้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และแสดงความเป็นห่วงว่าชาวบ้านจะมาร่อนหาทองคำกันทั้งหมู่บ้าน จนลืมอาชีพหลัก ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะมีทองคำมากน้อยแค่ไหนและสามารถทำเป็นอาชีพได้หรือไม่ จึงได้สั่งการให้นายสมบูรณ์ โฆสิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 จังหวัดลำปาง ลงพื้นที่สำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่นำเครื่องมือขุดเจาะสำรวจทองคำ โดยทำการขุดเจาะบริเวณแม่น้ำวังตั้งแต่บ้านฮ่างหมู่ 2 บ้านป่าเหน่งหมู่ 4 รวม 7 จุด ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

นายสมบูรณ์ กล่าวว่า เป็นการขุดเพื่อตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์จำนวนปริมาณทองคำในพื้นที่ว่ามีมากน้อยแค่ไหน เพื่อประกอบด้านวิชาการ เนื่องจากว่าที่ผ่านมาในทางวิชาการมีการคาดว่าน่าจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่มากนัก จึงไม่มีการลงทุนเพราะไม่คุ้มค่ากับเครื่องจักรที่มีราคาแพง

ในการขุดเจาะสำรวจปริมาณแร่ทองคำจะใช้เครื่องมือเจาะแบบใช้แรงคน โดยจะขุดกลางลำน้ำวัง ความลึกหลุมละประมาณ 1 เมตรกว้าง 1 เมตร ห่างกันประมาณ 7 จุด เพื่อตรวจหาชั้นกระสะ หรือชั้นดินว่า มีแร่หนาเท่าไหร่ ใต้ลงไปนั้นจะมีชั้นกระสะอีกหรือไม่ เพราะการสะสมของแร่อาจจะมีมากกว่าหนึ่งชั้นก็ได้ และถ้าหากว่าการพบชั้นกะสะด้านใต้ลงไปอีกก็ถือว่าปริมาณทองคำอาจมีมากกว่าที่เห็นอยู่

แต่การดำเนินงานเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา สามารถเจาะได้เพียงหลุมเดียว ลึกประมาณ 1.50 เมตร พบเพียงแค่ดินปนทรายกับก้อนหินขนาดใหญ่เท่านั้น ยังไม่สามารระบุได้ชัดเจน ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไปอีก 6 หลุม รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงอีกจำนวนหนึ่งด้วย

ทั้งนี้ การขุดสำรวจได้เสร็จสิ้นในช่วงเย็นวานนี้ (7 ก.พ.) และได้มีการหาค่าเฉลี่ยปริมาณทองคำใต้ดินปรากฏว่า จากการสุ่มขุดสำรวจรวมทั้งสิ้น 7 หลุม ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร พบทองคำปริมาณมากสุดคือ มากกว่า 3 กรัมต่อตัน จำนวน 1 หลุม ส่วนอีก 6 หลุมพบทองคำน้อยกว่า 1 กรัมต่อตัน

เมื่อนำทองคำที่ได้มาหาค่าเฉลี่ยแล้วพบว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีปริมาณทองคำน้อยกว่า 1 กรัมต่อตัน ซึ่งเหมาะและเพียงพอสำหรับให้ชาวบ้านร่อนหาทองคำเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น ไม่เหมาะที่จะพัฒนา หรือทำในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด เนื่องจากมีปริมาณทองคำไม่มากพอสำหรับการลงทุน

ดังนั้น จึงอยากฝากชาวบ้านที่มาร่อนหาทองคำว่าขอให้การร่อนทองเป็นอาชีพเสริมเท่านั้นอย่ายึดเป็นอาชีพหลักคือการเกษตร เพราะหากหน้าฝนมาถึงก็หาทองไม่ได้และเมื่อไม่ยึดอาชีพหลักคือการเกษตรก็จะสูญเสียโอกาสทั้งหมดไปด้วย