ASTVผู้จัดการรายวัน – “ซีพีออลล์” ปรับทิศลงทุนชูโมเดลผุดฮับย่อมผลิตเบเกอรี่สด ทั่วประเทศ ป้อนร้านยูริ คัดสรร คาดอีก 5 ปี 120 ฮับ ตั้งงบลงทุนปีนี้ 5,000 ล้านบาท เพิ่มเซเว่นอีเลฟเว่นอีก 500 สาขา เดินหน้าขอสิทธิ์บริษัทแม่ขยายเข้าจีน เวียดนาม คาดอีก 2 ปีชัดเจน
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้าน “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับโมเดลการขยายธุรกิจในปีนี้ใหม่โดยมุ่งลงทุนขยาย “โรงงานขนาดย่อม” หรือ ฮับการผลิตเบเกอรี่สด เพื่อป้อนเครือข่ายร้านยูริ คัดสรร ปัจจุบันมีประมาณ 100 แห่ง คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 200 แห่ง ซึ่งเป็นธุรกิจห้องที่ 3
ของเซเว่นอีเลฟเว่น (ห้องแรกคือเซเว่นอีเลฟเว่น ห้องที่สองคือร้านบุ๊คสไมล์) จากเดิมมีครัวในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นแต่ละสาขา แต่ใช้พื้นที่มาก
ตามแผนงานใน 5 ปี คาดว่าต้องลงทุน 120 ฮับ รองรับกว่า 6,300 สาขาในเบื้องต้น ซึ่งฮับ 1 แห่ง จะป้อนเครือข่ายร้านยูริ คัดสรร 50 สาขา นอกจากนี้จะมีการสร้างโรงงานผลิตอาหารแช่เย็น หรือ ชิลล์ฟู้ด ย่านพัทยา ชลบุรี อีกด้วย เซเว่นอีเลฟเว่นมีแผนขยายตลาดอาหารแช่เย็น (ชิลล์ฟู้ด) เบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
รองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่ที่นิยมความสะดวก รวดเร็ว
ส่วนแผนลงทุนปีนี้ ตั้งงบไว้ที่ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดสาขาใหม่ 500 แห่งใช้งบ 2,000 ล้านบาท ที่เหลือ 1,000 ล้านบาท ใช้ปรับปรุงสาขาเก่าที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป และอีก 1,000 ล้านบาท เป็นงบลงทุนศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันออก และอีก 1,000 ล้านบาทเป็นงบลงทุนด้านไอที และพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
นายปิยะวัฒน์ กล่าวถึงความคืบหน้าแผนการลงทุนในต่างประเทศด้วยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาขอสิทธิ์ประกอบการ (ไลเซ่นส์) ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งในประเทศจีน และเวียดนาม คาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้าจะชัดเจนมากขึ้น ซึ่งซีพีออลล์ขยายธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นเบอร์ 1 มาหลายปีทั้งในแง่การเปิดสาขาอย่างรวดเร็ว และร้านต่อร้านที่มีลูกค้าเข้าสูงสุดเทียบทั่วโลก
ดังนั้นด้วยศักยภาพที่มีอยู่จึงมั่นใจว่า บริษัทแม่จะให้เราขอไลเซ่นส์เพื่อสยายปีกในจีน
ช่วงที่ผ่านมา บริษัทแม่ได้ทยอยให้สิทธิ์ประกอบการในบางมณฑลกับรายอื่นบ้างแล้ว อาทิ เซียงไฮ้ ปักกิ่ง กวางเจา ขณะที่กำลังสำรวจตลาดจีนตอนใต้ ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวดีมาก คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีด้วยกันก่อนตัดสินใจให้ไลเซ่นส์กับนักลงทุนที่สนใจ โดยบริษัทแม่ได้เข้าศึกษาตลาดเชิงลึกมาอย่างต่อเนื่อง แบ่งพื้นที่ประเทศจีนเป็น 10 โซนการลงทุนด้วยกัน
แต่ละโซนมีขนาดประชากรเฉลี่ย 100 ล้านคน
ขณะที่ประเทศเวียดนาม ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาเงินเฟ้อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทแม่ต้องศึกษาตลาดอย่างรอบคอบอีกครั้ง
ปัจจุบัน ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทยมีประมาณ 6,300 สาขามากเป็นอันดับ 3 ของเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วโลก โดยมีประเทศญี่ปุ่นมีสาขามากที่สุด 13,000 กว่าสาขา อันดับสองคือสหรัฐอเมริกามี 6,500 สาขา ส่วนอันดับที่ 4 ประเทศเกาหลี มี 5,000 สาขส แซงไต้หวันที่ลงไปอยู่อันดับ 5 มีสาขารวม 4,800 สาขา
หากมองในแง่ปริมาณลูกค้าเข้าร้าน ประเทศไทยจะมีมากสุดเฉลี่ย 1,200 คนต่อวันต่อสาขา ญี่ปุ่น 1,000 คนต่อวันต่อสาขา ไต้หวัน 980 คนต่อวันต่อสาขา อเมริกา 950 คนต่อวันต่อสาขา เกาหลี 400 คนต่อวันต่อสาขา โดยเซเว่นอีเลฟเว่นในไทยสามารถทำยอดขายเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อวันต่อสาขา จากอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ย 53 บาทต่อคนต่อครั้ง
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้าน “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับโมเดลการขยายธุรกิจในปีนี้ใหม่โดยมุ่งลงทุนขยาย “โรงงานขนาดย่อม” หรือ ฮับการผลิตเบเกอรี่สด เพื่อป้อนเครือข่ายร้านยูริ คัดสรร ปัจจุบันมีประมาณ 100 แห่ง คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 200 แห่ง ซึ่งเป็นธุรกิจห้องที่ 3
ของเซเว่นอีเลฟเว่น (ห้องแรกคือเซเว่นอีเลฟเว่น ห้องที่สองคือร้านบุ๊คสไมล์) จากเดิมมีครัวในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นแต่ละสาขา แต่ใช้พื้นที่มาก
ตามแผนงานใน 5 ปี คาดว่าต้องลงทุน 120 ฮับ รองรับกว่า 6,300 สาขาในเบื้องต้น ซึ่งฮับ 1 แห่ง จะป้อนเครือข่ายร้านยูริ คัดสรร 50 สาขา นอกจากนี้จะมีการสร้างโรงงานผลิตอาหารแช่เย็น หรือ ชิลล์ฟู้ด ย่านพัทยา ชลบุรี อีกด้วย เซเว่นอีเลฟเว่นมีแผนขยายตลาดอาหารแช่เย็น (ชิลล์ฟู้ด) เบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
รองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่ที่นิยมความสะดวก รวดเร็ว
ส่วนแผนลงทุนปีนี้ ตั้งงบไว้ที่ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดสาขาใหม่ 500 แห่งใช้งบ 2,000 ล้านบาท ที่เหลือ 1,000 ล้านบาท ใช้ปรับปรุงสาขาเก่าที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป และอีก 1,000 ล้านบาท เป็นงบลงทุนศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันออก และอีก 1,000 ล้านบาทเป็นงบลงทุนด้านไอที และพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
นายปิยะวัฒน์ กล่าวถึงความคืบหน้าแผนการลงทุนในต่างประเทศด้วยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาขอสิทธิ์ประกอบการ (ไลเซ่นส์) ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งในประเทศจีน และเวียดนาม คาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้าจะชัดเจนมากขึ้น ซึ่งซีพีออลล์ขยายธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นเบอร์ 1 มาหลายปีทั้งในแง่การเปิดสาขาอย่างรวดเร็ว และร้านต่อร้านที่มีลูกค้าเข้าสูงสุดเทียบทั่วโลก
ดังนั้นด้วยศักยภาพที่มีอยู่จึงมั่นใจว่า บริษัทแม่จะให้เราขอไลเซ่นส์เพื่อสยายปีกในจีน
ช่วงที่ผ่านมา บริษัทแม่ได้ทยอยให้สิทธิ์ประกอบการในบางมณฑลกับรายอื่นบ้างแล้ว อาทิ เซียงไฮ้ ปักกิ่ง กวางเจา ขณะที่กำลังสำรวจตลาดจีนตอนใต้ ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวดีมาก คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีด้วยกันก่อนตัดสินใจให้ไลเซ่นส์กับนักลงทุนที่สนใจ โดยบริษัทแม่ได้เข้าศึกษาตลาดเชิงลึกมาอย่างต่อเนื่อง แบ่งพื้นที่ประเทศจีนเป็น 10 โซนการลงทุนด้วยกัน
แต่ละโซนมีขนาดประชากรเฉลี่ย 100 ล้านคน
ขณะที่ประเทศเวียดนาม ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาเงินเฟ้อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทแม่ต้องศึกษาตลาดอย่างรอบคอบอีกครั้ง
ปัจจุบัน ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทยมีประมาณ 6,300 สาขามากเป็นอันดับ 3 ของเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วโลก โดยมีประเทศญี่ปุ่นมีสาขามากที่สุด 13,000 กว่าสาขา อันดับสองคือสหรัฐอเมริกามี 6,500 สาขา ส่วนอันดับที่ 4 ประเทศเกาหลี มี 5,000 สาขส แซงไต้หวันที่ลงไปอยู่อันดับ 5 มีสาขารวม 4,800 สาขา
หากมองในแง่ปริมาณลูกค้าเข้าร้าน ประเทศไทยจะมีมากสุดเฉลี่ย 1,200 คนต่อวันต่อสาขา ญี่ปุ่น 1,000 คนต่อวันต่อสาขา ไต้หวัน 980 คนต่อวันต่อสาขา อเมริกา 950 คนต่อวันต่อสาขา เกาหลี 400 คนต่อวันต่อสาขา โดยเซเว่นอีเลฟเว่นในไทยสามารถทำยอดขายเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อวันต่อสาขา จากอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ย 53 บาทต่อคนต่อครั้ง
