นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)(THANI) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2555 บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 30-35% จากยอดคงค้างสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2554 ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยจะทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น และตั้งเป้าเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อรถบรรทุกป้ายแดงภายใน 3 ปี หรือมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 35% จากปัจจุบันที่ระดับ 18-20% หรืออยู่ในกลุ่ม TOP 7 หรือมียอดคงค้างสินเชื่อประมาณ 20,000 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธบริษัทจะเน้นเข้าไปในพอร์ทของลูกค้าธนาคารธนชาตที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ จะเริ่มที่จังหวัดระยองปีนี้เป็นปีแรกเนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องใช้รถบรรทุกเป็นจำนวนมาก และจะขยายสินเชื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขาในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขา รวมทั้งสิ้น 7 สาขา
"ธุรกิจของเราจะมีซ้ำซ้อนกับธนชาตซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของสินเชื่อเช่าซื้อ เพราะจะเน้นรถเพื่อการพาณิชย์ และมีตลาดเฉพาะอยู่แล้ว อย่างรถบรรทุกมือสองที่เราเป็นอันดับ 1 อยู่ แต่ต่อไปจะเริ่มบุกตลาดรถป้ายแดง หรือ รถ Big Bike คืออะไรที่ธนชาตทำเราจะหยุด อะไรที่เราทำธนชาตจะส่งต่อมาให้ และการเข้ามาของธนชาตก็จะช่วยซัพพอร์ตทางด้านเงินทุน และ Back Office ให้กับบริษัทด้วย ซึ่งจะทำให้การรุกธุรกิจทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพื่อ Refinance โดยอยู่ระหว่างขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น ในวงเงินประมาณ 2-5 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี ซึ่งคาดว่าจะออกได้ประมาณเดือนมี.ค. ซึ่งในส่วนของดอกเบี้ยนั้น หลังจากที่บริษัททริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น BBB+ จากเดิม BBB- ทำให้คาดว่าบริษัทจะประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 0.50-1.00%
นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการ THANI กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตได้มากกว่า ปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 204.87 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรที่เพิ่มขึ้นไม่มากเมื่อเทียบปี 53 เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองทั่วไปเพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท จึงกดดันกำไรสุทธิ และในปี 55 บริษัทยังเตรียมตั้งสำรองเพิ่มอีก 40-50 ล้านบาทเช่นกัน
"ในไตรมาส 1/55 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดนิ่งมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/54 หลังเกิดน้ำท่วม แต่ตั้งแต่ ธ.ค.-ม.ค.สินเชื่อเริ่มกลับมาขยายตัวได้ค่อนข้างมาก หวังทั้งปี 55 กำไรสุทธิจะโตกว่าปี 54 แน่นอน เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อยังโต" นายวิรัตน์ กล่าว
สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบันอยู่ในระดับ 1-1.5% และตั้งเป้าควบคุมให้อยู่ระดับไม่เกิน 3% ใกล้เคียงปี 54 โดยช่วงน้ำท่วมยอมรับว่ามีลูกค้าได้รับผลกระทบบ้าง ส่วนใหญ่เป็นพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ส่วนบุคคลและรถปิกอัพ เป็นมูลหนี้ประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งได้มีการผ่อนผันการชำระหนี้ 3 เดือน ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าบางส่วนกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติแล้ว
สำหรับกลยุทธบริษัทจะเน้นเข้าไปในพอร์ทของลูกค้าธนาคารธนชาตที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ จะเริ่มที่จังหวัดระยองปีนี้เป็นปีแรกเนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องใช้รถบรรทุกเป็นจำนวนมาก และจะขยายสินเชื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขาในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขา รวมทั้งสิ้น 7 สาขา
"ธุรกิจของเราจะมีซ้ำซ้อนกับธนชาตซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของสินเชื่อเช่าซื้อ เพราะจะเน้นรถเพื่อการพาณิชย์ และมีตลาดเฉพาะอยู่แล้ว อย่างรถบรรทุกมือสองที่เราเป็นอันดับ 1 อยู่ แต่ต่อไปจะเริ่มบุกตลาดรถป้ายแดง หรือ รถ Big Bike คืออะไรที่ธนชาตทำเราจะหยุด อะไรที่เราทำธนชาตจะส่งต่อมาให้ และการเข้ามาของธนชาตก็จะช่วยซัพพอร์ตทางด้านเงินทุน และ Back Office ให้กับบริษัทด้วย ซึ่งจะทำให้การรุกธุรกิจทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพื่อ Refinance โดยอยู่ระหว่างขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น ในวงเงินประมาณ 2-5 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี ซึ่งคาดว่าจะออกได้ประมาณเดือนมี.ค. ซึ่งในส่วนของดอกเบี้ยนั้น หลังจากที่บริษัททริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น BBB+ จากเดิม BBB- ทำให้คาดว่าบริษัทจะประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 0.50-1.00%
นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการ THANI กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตได้มากกว่า ปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 204.87 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรที่เพิ่มขึ้นไม่มากเมื่อเทียบปี 53 เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองทั่วไปเพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท จึงกดดันกำไรสุทธิ และในปี 55 บริษัทยังเตรียมตั้งสำรองเพิ่มอีก 40-50 ล้านบาทเช่นกัน
"ในไตรมาส 1/55 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดนิ่งมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/54 หลังเกิดน้ำท่วม แต่ตั้งแต่ ธ.ค.-ม.ค.สินเชื่อเริ่มกลับมาขยายตัวได้ค่อนข้างมาก หวังทั้งปี 55 กำไรสุทธิจะโตกว่าปี 54 แน่นอน เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อยังโต" นายวิรัตน์ กล่าว
สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบันอยู่ในระดับ 1-1.5% และตั้งเป้าควบคุมให้อยู่ระดับไม่เกิน 3% ใกล้เคียงปี 54 โดยช่วงน้ำท่วมยอมรับว่ามีลูกค้าได้รับผลกระทบบ้าง ส่วนใหญ่เป็นพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ส่วนบุคคลและรถปิกอัพ เป็นมูลหนี้ประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งได้มีการผ่อนผันการชำระหนี้ 3 เดือน ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าบางส่วนกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติแล้ว