ASTVผู้จัดการรายวัน - “ตำรวจไทย”โคตรมั่ว! รับ “เปาโล” คนละๆ คนกับภาพสเกตช์ ก่อนฟุ้งต่อ “อาทริส” จัดส่งแอมโมเนียมไนเตรทไป “ไลบีเรีย” ด้านสื่อสวีเดนบินสัมภาษณ์ในเรือนจำ “อาทริส” โวย “ยิว” ปั้นหลักฐานยัดข้อหา สื่ออีกรายก็ยืนยัน "อาทริส" มีอาชีพเป็นแค่ “ช่างทำผม” ด้าน “เหลิม” แทงกั๊ก! เหลือผู้ต้องสงสัยอีกกี่ราย
วานนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. และชุดสอบสวน บช.ภ.7 ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ผู้ต้องหาความผิด พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ หลังสามารถขอหมายจับเพื่อนร่วมขบวนการคือนายเปาโล หรือซามิ แซม หรือเจมี เปาโล อายุ 42 ปี ชาวเลบานอนในข้อหาเดียวกันได้เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 19 ม.ค. นี้
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อนุชัย ดำเนินการขอหมายจับเพื่อนร่วมขบวนการนายอาทริสต่อศาลอาญา โดยศาลได้อนุมัติหมายจับนายเปาโล (Paolo)หรือซามิ แซม (Sami Sam) หรือเจมี เปาโล (Jieme Paolo) อายุ 42 ปี ชาวเลบานอน เลขที่ 64/2555 ลงวันที่ 19 ม.ค.ข้อหาร่วมกันครอบครองยุทธภัณฑ์ (แอมโมเนียมไนเตรท) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มเติมแล้วแจ้งส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.รณศิลป์ตรวจสอบรายชื่อที่ได้ออกหมายจับว่าได้เดินทางออกนอกประเทศไปหรือยัง พร้อมทั้งมอบหมายให้ พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม. ทำการตรวจสอบรายละเอียดภาพบุคคลที่เดินทางเข้าออกประเทศพร้อมนายอาทริส
**รับเปาโลคนละๆคนกับภาพสเกตช์
สำหรับนายเปาโล หรือซามิ แซม หรือเจมี เปาโล ที่ออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเพื่อนที่เช่าบ้านเดียวกับนายอาทริสที่ย่านมหาชัย จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นคนละคนกับภาพสเกตช์ที่ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.นำมาแถลง ซึ่งยังไม่ทราบชื่อต้องขอตรวจสอบบุคคลดังกล่าวก่อนว่าเป็นใคร ชื่ออะไรก่อนดำเนินการต่อไป
ส่วนการเข้าตรวจค้นบ้านที่นายอาทริสกับพวกได้เช่าไว้อีกหลังซึ่งอยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าโลตัส จ.สมุทรสาคร เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายทาง บช.ภ.7 และ บก.ภ.จ.สมุทรสาคร ให้ดำเนินการตรวจสอบสถานที่ผู้ต้องหาเข้าพักทั้งหมดในการเดินทางเข้าออกทั้ง 11 ครั้ง ซึ่งบ้านเช่าหลังนี้เป็นบ้านที่นายอาทริส นายเปาโล และเพื่อนร่วมขบวนการเคยมาเช่าไว้ปี 2552 ถึงปลายปี 2553 ก่อนย้ายไปเช่าที่บ้านเข้าไปตรวจพบสารแอมโมเนียมไนเตรตจำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบไม่พบอะไร เพราะหลังจากนายอาทริสและเพื่อนย้ายออกไปก็มีผู้มาเช่าต่ออีก 3 ราย จึงไม่เหลือร่องรอยอะไร แต่ได้ทำการสอบปากคำพยานที่อยู่ละแวกนั้นพบว่านายอาทริสและนายเปาโลเคยมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่จริง จึงสั่งการให้ดำเนินการสอบสวนขยายผลในพื้นที่ต่อไป
ด้านการดำเนินการตรวจสอบหาที่มาสารแอมโมเนียมไนเตรตที่ตรวจพบที่บ้านเช่านายอาทริสนั้น พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ทั้งในส่วนที่มาและที่จะไปส่ง ซึ่งทางตำรวจมีหลักฐานพอสมควร แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวนการสอบสวนจึงไม่สามารถเปิดเผยได้ เกรงว่าส่งผลกระทบต่อรูปคดี
**อ้าง“อาทริส”จัดส่งไป“ไลบีเรีย”
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า จุดประสงค์ของนายอาทริสที่เข้ามาประเทศเป้าหมายในการส่งวัตถุระเบิด ซึ่งจะว่าจ้างบริษัทส่งออกที่ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิทซอย 3 เพื่อส่งวัตถุประกอบระเบิดทางตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 1 ตู้ เพื่อไปยังประเทศในแถบตะวันออกกลาง 3 ประเทศ โดยหนึ่งในนั้นมีประเทศไลบีเรีย โดยนายอาทริสได้รับค่าจ้าง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 160,000 บาท จากนายเอโบล อาลีกาลีน เพื่อเข้ามาดูสิ่งของที่บ้านเช่าที่นายอาทริส เช่าไว้ที่ ต.กาหลง จ.สมุทรสาคร ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมส่งไปยังประเทศเป้าหมายหรือไม่ ขณะเดียวกัน ในการเดินทางเข้าออกประเทศไทย 2 ปี ทั้ง 11 ครั้ง นายอาทริสได้ร่วมกับชาวเลบานอนกระทำผิดร่วมกันบรรจุวัตถุต้องสงสัยในกล่อง โดยมีผู้ร่วมขบวนการ คือ 1.นายเปาโล 2.นายอาบาส (Abass) 3.นายอัลลา (Alaa)
**แจงอาทริสเช่าตู้คอนเทนเนอร์แล้ว
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.กล่าวว่า หลังจากที่นายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ให้การเพิ่มเติมว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นสถานที่ประกอบระเบิด เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบก็ได้ไปยังบ้านหลังดังกล่าวแล้วแต่ไม่พบ ล่าสุดมีการไปสอบปากคายอาทริสเพิ่มเติมอีกที่เรือนจำกรุงเทพฯ ถึงรายละเอียดของบ้านอีกครั้ง เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มก่อการร้ายจะทำการซุกซ่อนสารตั้งต้นผลิตระเบิดไว้อีกที่หนึ่ง
พร้อมกันนี้ พล.ต.ท. วินัย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าบ้านหลังดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ เพราะว่าขณะนี้ได้เบาะแสเยอะพอสมควร เช่น เป็นบ้านที่มีถังน้ำสีน้ำเงิน รอบๆบ้านมีคนงานโดยน่าเชื่อว่า บ้านน่าจะอยู่ใกล้โรงงานแห่งหนึ่ง คาดว่าไม่นานก็หาพบ บ้านดังกล่าวคิดว่าเป็นบ้านที่พักอาศัยมากกว่าที่จะเก็บวัตถุพวกสารตั้งต้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มก่อการร้ายมีการเช่าตู้คอนเทรนเนอร์มากถึง 10 ตู้ อาจจะมีสารตั้งต้นซุกซ่อนไว้อีกหรือไม่ พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า ไม่มี เมื่อสองเดือนก่อน ก่อนที่นายอาทริส จะมาได้มีการประสานจะเช่าตู้ไปต่างประเทศแต่ว่า ยังไม่ได้ลงในรายละเอียดว่าจะไปวันไหน แต่มีการติดต่อประสานยืนยันว่าจะมาเช่าตู้ เราก็เชิญเจ้าของตู้คอนเทรนเนอร์มาสอบปากคำแล้วก็ให้การว่า มีการติดต่อจริง เพราะฉะนั้นเราถึงได้บอกว่า ประเทศไทยไม่น่าจะเป็นเป้าหมายในการดำเนินการของก่อการร้าย อีกทั้งยังมีสิ่งรองรับให้เราเชื่อว่า จะมีการขนส่งไปยังต่างประเทศที่ 3 จุดนี้
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ชุดพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับนายเปาโล เพิ่มเติมอีกคนหนึ่ง โดยมีหน้าที่ เป็นคนที่ร่วมมากับนายอาทริส มาเช่าบ้านที่พบสารตั้งต้น จากการสอบปากคำเจ้าของอาคาร และบุคคลพยานแวดล้อมยืนยันว่า เห็นนายเปาโล มาด้วยกันกับนายอาทริสอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้มีชาวเลบานอนอีก 3 คน เชื่อว่าคงมาเตรียมการเกี่ยวกับวัตถุสารตั้งต้นแต่ว่าพยานก็เห็นเมื่อ 6 เดือน ที่ผ่านมา ส่วนชายเสื้อเขียวนั้นเป็นเรื่องการข่าว ซึ่งบุคคลดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะเข้าก่อเหตุในประเทศไทย ทั้งนี้ทางเรายังไม่รู้ว่า ชายเสื้อเขียวนั้นชื่ออะไร และทางนายอาทริส ก็ไม่รู้จักกับชายเสื้อเขียว ทั้งนี้ขบวนการก่อการร้ายนั้นต้องเข้าใจด้วยว่า การทำงานแต่ละส่วนก็จะถูกตัดตอนกันไป อย่างเช่น นายอาทริส มีหน้าที่มาดูว่าของเรียบร้อยหรือไม่พอดูแล้วเขาก็กลับไป ส่วนคนที่จะมาขนไปก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
**ตำรวจ พบบ้านเช่า "อาทริส" ในพื้นที่
พล.ต.ต.ธยาฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดสมุทรสาคร ได้พบบ้านเช่าของ นายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ โดยที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเช่าตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สมุทรสาคร ซึ่งเป็นบ้านเช่าที่ทาง นายอาทริส ได้นำตำรวจมาดูก่อนหน้านี้ แต่จำทางไม่ได้นั่นเอง เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ได้แจ้งไปยังทางชุดสืบสวนในคดีนี้ ให้เข้าตรวจสอบแล้ว ซึ่งไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากบ้านหลังนี้ นายอาทริส เคยเช่าและย้ายออกไปกว่า 1 ปีแล้ว โดยทางชาวบ้านละแวกนั้น ยืนยันว่า ระหว่างที่เช่าอยู่จะมีชาวต่างชาติ 2 - 3 คน วนเวียนเข้าออกตลอดเวลา ก่อนที่ นายอาทริส จะย้ายไปอยู่ตึกแถวที่ถูกตรวจค้นจนเจอสารตั้งต้นระเบิด
**เหลิม แทงกั๊ก เหลือผู้ต้องสงสัยอีกกี่ราย
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการออกหมายจับนายเจมส์ แซมมี เปาโล สัญชาติเลบานอน ในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ ว่า ตนทราบมาตั้งแต่ต้น และทำงานใกล้ชิดกับพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยหลักของเราคืออย่านำประเทศไทยไปเป็นคู่กรณี และรักษาความปลอดภัยให้ได้ ให้เป็นข่าวน้อยๆ ซึ่งเราก็ทำสำเร็จ ส่วนที่เป็นข่าวอึกกระทึกครึกโครมเพราะสหรัฐอเมริกาเขาเตือนภัย คนก็แตกตื่น ทั้งนี้ ต่อไปนี้เราจะยึดหลึกความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ให้ข่าว ส่วนสหรัฐฯถ้ายังไม่หยุดก็เป็นเรื่องของสหรัฐฯ เพราะผบ.ตร.ได้พบกับนางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯแล้ว และตนขอยืนยันว่าเราคุมสถานการณ์ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกหมายจับนายเจมส์ แซมมี เปาโล จะทำให้ไทย ถูกมองว่าเป็นคู่กรณีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ อย่างไรก็มีวิธีการไม่ให้ไทยเป็นคู่กรณี เมื่อถามว่า ยังมีกลุ่มของนายอาทริส ฮุสเซน นอกเหนือจากที่ออกหมายจับหลงเหลืออีกใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่พูด เดี๋ยวตระหนกตกใจ เอาเป็นว่าตำรวจคุมสถานการณ์ได้ ส่วนจะออกหมายจับเพิ่มเติมอีกหรือไม่ขอไม่บอก เป็นความลับในสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
**โวยยิวปั้นหลักฐานยัดข้อหาก่อการร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ aftonbladet.se สื่อสวีเดน ส่งนักข่าวมากรุงเทพฯ สัมภาษณ์ อาทริส ฮุสเซน ผู้ตกที่เป็นผู้ต้องหาพัวพัน สมาชิกฮิซบุลเลาะห์กลุ่มก่อการร้าย ที่ถูกทางการจับกุมตัว โดยนักข่าวสวีเดน ขอสัมภาษณ์กรณีพิเศษในคุกกับเจ้าหน้าที่ไทย ในเรือนจำคลองเปรม ช่วงเช้าวันที่ 19 ม.ค. โดยนักข่าวสวีเดน ถาม อาทริส ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา คุณถูกจับกุมตัว หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยการเตรียมก่อการร้ายในไทยและยังมีข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ครอบครอง โดย อาทริส ที่อยู่ในชุดนักโทษสีฟ้า ในอยู่ในห้องกระจก ให้สัมภาษณ์ว่า ตนบริสุทธิ์ ของที่ระบุว่าเป็นการเตรียมก่ออาชญากรรม โดยการพบจากตำรวจไทย ในบ้านของตนนั้น อาจจะเป็นการบริการเสริมหน่วยราชการลับอิสราเอล (มอสซาด) โดย อาทริส กล่าวว่า ตนได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากตำรวจไทย แต่ตนไม่ได้ติดต่อกับทางครอบครัวของตน ในเลบานอนเลย ตอนนี้อยู่ในคุก ตนได้อ่านเอกสารบางอย่าง และพบรายละเอียดเพิ่มเติมของการจับกุมของตน และโดนต้องหา เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดตนดำเนินธุรกิจปกติ
ทั้งนี้ อาทริส ถูกจับกุมเมื่อวันพฤหัสบดี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่เขาจะกลับไปที่เลบานอน โดยเขาถูกควบคุม และในความดูแลของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อสอบปากคำและในวันจันทร์ ตำรวจได้นำตัวเขาไปยังบ้านพัก ซึ่งเป็นคลังสินค้า พบสิ่งของมากมาย และมีแอมโมเนีย ที่สามารถใช้ในการผลิตวัตถุระเบิด อาทริส เผยว่า ค่ำวันหนึ่งตำรวจพาออกจากคุก และนั่งไปกับรถไปที่บ้านแห่งหนึ่ง ในนั้นตนถูกสอบปากคำ โดยผู้ชาย 3 คน ที่เห็นได้ชัดว่า มาจาก Mossad (หน่วยราชการลับอิสราเอล) ตนเป็นชื่อแรกของพวกเขา พวกเขาก็อ้างว่าตนโกหกเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
ในรายงานของสื่อสวีเดน ระบุว่า อิสราเอล และ สหรัฐ ได้เตือนให้พลเมืองของตนเองในไทย และ กทม. ระวังการแก้แค้น ตั้งแต่ 18 ธ.ค.ปีที่ผ่านมา โดยระบุอาจจะเป็นเป้าหมายสำหรับผู้ก่อการร้าย ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่เป็นไปได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ของอเมริกา กับอิหร่าน ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
**คำต่อคำอาทริส บอกสื่อสวีเดนตนบริสุทธิ์
นักข่าว - Mossad จะต้องการตัวคุณทำไม
อาทริส - ตนเป็นมุสลิมชีอะห์ แต่ไม่ได้เป็นฮิซบุลเลาะห์ แต่ตนอาศัยอยู่ในพื้นที่นอกกรุงเบรุต ที่พวกเขามีปัญหาความรุนแรง บางทีมันทำให้ตนตกเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาของ Mossad
นักข่าว - คุณไปถึงสวีเดนเมื่อไหร่?
อาทริส - ตนย้ายมาในปี 1989 และกลายเป็นพลเมืองของสวีเดน ในปี 1994 ตั้งแต่ได้แต่งงานแล้วในเลบานอน ครอบครัวย้ายมาแล้วยังสวีเดน และทำงานเป็นช่างตัดผม 10 ปี ในโกเตนเบิร์ก และครอบครัวได้ย้ายกลับไปที่เลบานอน ปี 2005 ตนมีลูก 4 คน ชาย 2 หญิง 2
นักข่าว - คุณมีสองสัญชาติ
อาทริส - ใช่ในเลบานอน และสวีเดน ตนได้รับหนังสือเดินทางใหม่ของสวีเดน ในปี 2005 ซึ่งจากนั้นที่ถูกต้องสำหรับ 10 ปี หลังเดินทางไปยังสวีเดนในปี 2010 ที่จะได้รับหนังสือเดินทางที่มีลายนิ้วมือ
นักข่าว - คุณทำอะไรในเลบานอน หลังจากที่ย้ายจากสวีเดน
อาทริส - ตนเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในการขายต้นไม้ขนาดเล็ก เช่น บอนไซญี่ปุ่น นำเข้าจากปากีสถาน พวกเขา แต่มันก็ไม่ดีมากนัก
นักข่าว - คุณทำธุรกิจในไทย
อาทริส - ใช่, มีตนเป็นหุ้นส่วนในเลบานอน ที่นำเข้าสินค้าจากเอเชีย แต่เขามีปัญหาใหญ่ในการเดินทาง เพราะหนังสือเดินทางเป็นสัญชาติเลบานอน แต่ตนมีหนังสือเดินทางสวีเดน และก็สามารถที่จะเดินทางได้อย่างอิสระโดยไม่ยุ่งยาก ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มต้นทำธุรกิจในประเทศไทย
นักข่าว - คุณทำอะไร ประเภทของธุรกิจที่จะทำเป็นอย่างไร
อาทริส - เราซื้อสินค้าในเอเชีย และส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ รวมทั้ง เลบานอน โดยยืนยันว่า พัดลม กระดาษถ่ายเอกสาร, และแพ็คน้ำแข็งที่มันบรรเทาอาการปวด ซึ่งเป็นของเข้าจริงๆ ในถุงเหล่านั้นมีแอมโมเนีย แต่เป็นสินค้าทำธุรกิจถูกกฎหมาย เราไม่เคยมีธุรกิจกับปุ๋ยเคมี ซึ่ง มอสซาดอาจจะเสริมเข้าไปให้ในที่พักสินค้าของ
นักข่าว - เกิดอะไรขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดี เมื่อคุณถูกจับกุม อาทริส - ตนเพียงเตรียมบินกลับบ้านที่เลบานอน เมื่อตนไปถึงสนามบิน เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว และได้นำสัมภาระตนไป X - ray พวกเขาพาไปที่ศูนย์กักกันในสนามบินและสอบปากคำ ตนเพียงมีของบางอย่างกับเสื้อผ้าและอุปกรณ์ไอโฟน และบางส่วนเป็นแฟลชไดร์ฟ ฮาร์ดไดร์ฟ ซึ่งตนมักจะขายพวกเขาในเลบานอน และจากนั้นตนถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ก่อการร้าย แต่ตนขอบอกว่า ตนบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ กับข้อหาผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายพัวพันกลุ่มฮิซบุลเลาะห์
ทั้งนี้ http://www.aftonbladet.se ระบุว่าจากกรณีการจับกุมตัว นายอาทริส ฮุสเซน ได้สร้างปัญหามาก ทางการทูตสหรัฐ และไทย ขณะที่ ซีไอเอ ก็ปฏิเสธที่จะถามไปยังสวีเดน และ เลบานอน ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ สื่อสวีเดน รายงานว่า ข้อกล่าวหาของ นายอาทริส นอกจากพัวพันต้องสงสัยก่อการร้ายแล้ว ยังต้องหาในคดีครอบครองสารแอมโมเนียมไนเตรท ผิดกฎหมายซึ่งอาจทำให้จำคุกได้ถึง 5 ปี
**รายงานอาทริสบอกMossadจัดฉาก
อีกด้าน “เดอะ โลคอล สวีเดน นิวส์ อิน อิงลิช” สื่อสวีเดน ภาคภาษาอังกฤษ และ “ฟ็อกซ์นิวส์” สื่อดังสหรัฐ รายงานการให้สัมภาษณ์ของ นายอาทริส ฮุสเซน ชายชาวเลบานอน วัย 47 ปี ผู้ถือสัญชาติเลบานอน และสวีเดน และตกเป็นผู้ต้องหาพัวพันกลุ่มก่อการร้ายฮิซบุลเลาะห์ ที่ถูกทางการไทย จับกุมตัวในสนามบินสุวรรณภูมิ และถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมาย มีสารตั้งต้นผลิตระเบิด อย่างเช่น ปุ๋ยยูเรีย และแอมโมเนียมไนเตรท
ซึ่ง นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ Aftonbladet (อัฟตันปลาเด็ท) สื่อสวีเดน ที่บินตรงเข้าสัมภาษณ์ นายอาทริส เป็นกรณีพิเศษ กับเจ้าหน้าที่ ในเรือนจำคลองเปรม
โดย สื่อสวีเดน รายงานคำกล่าวของอาทริส ซึ่งยืนยันว่า ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ 100% โดยบอกว่า ของกลางที่เป็นวัสดุจำนวนมาก ที่ตำรวจไทยพบในสถานที่จัดเก็บสินค้าของตน โดยยืนยันว่า กระดาษ, แฟ้ม, พัดลม และ แพ็คน้ำแข็งแก้ปวด เป็นธุรกิจถูกกฎหมายของตนเองจริงๆ แต่พวกปุ๋ย และสารผลิตระเบิดที่พบนั่น อาจเป็นหน่วยราชการลับอิสราเอล (Mossad) เป็นผู้จัดขึ้น หรือมีคนนำไปวางไว้ เพื่อยัดเยียดให้ตนเอง
โดย สื่อสวีเดน และสื่อสหรัฐ ก็รายงานคำกล่าวของ นายอาทริส กับนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ Aftonbladet (อัฟตันปลาเด็ท) ว่า ของดังกล่าวที่ตนทำธุรกิจ เป็นแพ็คน้ำแข็ง ประกอบด้วย แอมโมเนียไนเตรท ซึ่งนายอาทริส ฮุสเซน กล่าวว่า เราไม่เคยซื้อขายในเรื่องปุ๋ย มันคงได้รับการจัดฉาก ซึ่งอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ Mossad ทั้งนี้ 2 สื่อ รายงานว่า ตำรวจไทย เชื่อว่า นายอาทริส ฮุสเซน พัวพันเชื่อมโยงเกี่ยวกับกลุ่มฮิซบุลเราะห์
**สื่อสวีเดนอีกรายยืนยันแค่ช่างทำผม
รายงานข่าวของแท็บลอยด์เก่าแก่ของสวีเดน ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1830 ระบุว่า นายอาทริสได้อพยพออกจากเลบานอน มาตั้งรกรากในสวีเดน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 และได้รับสัญชาติสวีดิชตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 ไม่น่าจะเป็นสมาชิกของกลุ่มหัวรุนแรงที่ถูกทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำอย่างฮิซบอลเลาะห์แต่อย่างใด พร้อมตั้งข้อสงสัยถึงการที่เจ้าหน้าที่ของไทย ควบคุมตัวนายอาทริสที่สนามบินในกรุงเทพฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (12 ม.ค.) ขณะที่เขากำลังจะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เลบานอน หลังเสร็จสิ้นการมาตรวจความเสียหายของโกดังสินค้าที่เช่าไว้ในประเทศไทยจากเหตุน้ำท่วม
นายอาทริส ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างละเอียดจากทางการสวีเดน จนได้รับสถานะพลเมืองนั้น เคยประกอบอาชีพเป็นช่างทำผมอย่างสุจริตในเมืองโกเธนเบิร์ก ของสวีเดน นานหลายปี ก่อนจะย้ายกลับไปอยู่ที่เลบานอนในปี ค.ศ. 2005 และหันมาประกอบธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้า
**สว.มะกันอ้างแค่ต้องการให้ระวัง
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.30 น. นายจอห์น แมคเคน สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ประจำมลรัฐแอริโซนา นายโจเซฟ ลีเบอร์แมน สมาชิกวุฒิสภาประจำมลรัฐคอนเนตทิคัต นางเชลดอน ไวท์เฮาส์ วุฒิสภามลรัฐโรดไอส์แลนด์ เข้าเยี่ยมคารวะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โดยเข้าพบเป็นเวลา 30 นาที โดยนายจอห์น เปิดเผยถึงกรณีที่ทางสหรัฐฯมีการเตือนพลเมืองสหรัฐฯในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ว่า ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้ และหารือกันในเรื่องของความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯกับประเทศไทยในเรื่องนี้ด้วย ส่วนประกาศที่ออกไปเป็นการเตือนภัยเพื่อให้รู้ตัวไว้ก่อน ซึ่งในการเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ ตนและวุฒิสมาชิกทั้งหมดที่มาก็รู้สึกปลอดภัย และก็ขอขอบคุณเรื่องของความร่วมมือทางด้านการข่าว และการทหารของไทยด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯของไทยได้ขอให้สหรัฐฯปลดป้ายเตือนหรือไม่ เพราะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย นายจอห์น แมคเคน กล่าวว่า นายกฯไม่ได้ขอให้ยกเลิกประกาศเตือน แต่ตนขอย้ำอีกครั้งว่า ที่ประกาศออกไปเพื่อต้องการให้คนระวังตัวเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรให้กับธุรกิจหรือการท่องเที่ยว
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศแรกที่ถอนประกาศแล้ว