วานนี้ (16 ม.ค.)นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ มีความจริงใจเป็นกลาง ในเรื่อง การส่งเรื่องของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทำการพิจารณากรณีที่ นายจตุพร ขาดสมาชิกภาพการเป็นส.ส. อันเนื่องมาจากการไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ที่ประธานสภาฯ ยังไม่ได้ส่งเรื่องดังกล่าวไป โดยอ้างว่า ไม่มีกฎหมายบังคับว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร โดยกล่าวว่าจะดำเนินการพร้อมกับเรื่องที่รัฐบาลยื่นถอดถอน นายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งตนไม่ติดใจในเรื่องดังกล่าว
“ แต่อยากเรียกร้องให้ประธาน มีความจริงใจ และความเป็นธรรม และประสิทธิภาพ กรณีเดียวกัน ที่ผมยื่นต่อประธานวุฒิสภาฯ ในข้อเท็จจริงเดียวกัน โดยเป็นการยื่นถอดถอน 8 ส.ส. ที่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ ที่ขณะนี้ประธานวุฒิสภา ได้ดำเนินการเสร็จไปประมาณ 1 เดือน และส่งเรื่องไปที่ป.ป.ช. แล้ว แต่ทางประธานสภาฯ กลับไม่ดำเนินการใดๆ เลย จึงอยากจะเรียกร้องของให้นายสมศักดิ์ ได้ปฏิบัติตัว ด้วยความเป็นกลางให้สมศักดิ์ศรี การเป็นประธานสภาฯ ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหน จะได้สมชื่อว่าเป็นขุนค้อน ตัวจริง”
นายสาธิต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนก็จะยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของ 8 ส.ส. ที่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ ที่ผ่านมา เมื่อ 2 เดือน ที่นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ออกมารับปากว่าเรื่องดังกล่าว 2 เดือนน่าจะแล้วเสร็จ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
ส่วนกรณีที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นักโทษคดีก่อการร้าย ออกมาเขียนคำร้อง ขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่า จะไปบวชนั้น ตนเห็นว่าถ้ามีความจริงใจ และคิดอย่างนั้นจริ ง ตนจึงขอเสนอให้รัฐบาลแต่งตั้ง นายอริสมันต์ เข้าเป็น 1 ในคณะกรรมการปรองดอง เพราะสัญญาณที่ส่งมาจากนายอริสมันต์ นั้น เป็นการยอมรับจข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า เป็นคนที่ทำผิดต่อประเทศ ต่อสังคม อาจจะมีการตำหนิรัฐบาลชุดที่แล้วอยู่บ้างตรงนั้นเป็นสิทธิ แต่อย่างน้อยการเข้าสู่กระบวนการปรองดอง จำเป็นที่ต้องแยกถูก ผิด และ แยกหลักนิติรัฐให้ได้ การส่งสัญญาณของนายอริสมันต์ ที่ออกมา มีเนื้อหาที่ฟังได้ว่า มีการสำนึกผิดในการกระทำที่ได้ดำเนินการไป ตรงนี้คิดว่าถ้าเข้าสู่กระบวนการปรองดอง ตรงนี้จะเกิดประโยชน์
เมื่อถามว่า การบวชของนายอริสมันต์ จะเป็นข้ออ้างในการเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่าตรงนี้เป็นดุลพินิจของศาล ว่าเป็นข้ออ้างหรือไม่ เพราะการบวช อยู่ในประเทศก็ได้ ส่วนที่บอกว่าจะเดินทางไปบวชที่ประเทศอินเดีย ก็อาจเป็นแฟชั่น แต่ทั้งหมดอยู่ที่ศาล
“ แต่อยากเรียกร้องให้ประธาน มีความจริงใจ และความเป็นธรรม และประสิทธิภาพ กรณีเดียวกัน ที่ผมยื่นต่อประธานวุฒิสภาฯ ในข้อเท็จจริงเดียวกัน โดยเป็นการยื่นถอดถอน 8 ส.ส. ที่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ ที่ขณะนี้ประธานวุฒิสภา ได้ดำเนินการเสร็จไปประมาณ 1 เดือน และส่งเรื่องไปที่ป.ป.ช. แล้ว แต่ทางประธานสภาฯ กลับไม่ดำเนินการใดๆ เลย จึงอยากจะเรียกร้องของให้นายสมศักดิ์ ได้ปฏิบัติตัว ด้วยความเป็นกลางให้สมศักดิ์ศรี การเป็นประธานสภาฯ ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหน จะได้สมชื่อว่าเป็นขุนค้อน ตัวจริง”
นายสาธิต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนก็จะยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของ 8 ส.ส. ที่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ ที่ผ่านมา เมื่อ 2 เดือน ที่นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ออกมารับปากว่าเรื่องดังกล่าว 2 เดือนน่าจะแล้วเสร็จ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
ส่วนกรณีที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นักโทษคดีก่อการร้าย ออกมาเขียนคำร้อง ขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่า จะไปบวชนั้น ตนเห็นว่าถ้ามีความจริงใจ และคิดอย่างนั้นจริ ง ตนจึงขอเสนอให้รัฐบาลแต่งตั้ง นายอริสมันต์ เข้าเป็น 1 ในคณะกรรมการปรองดอง เพราะสัญญาณที่ส่งมาจากนายอริสมันต์ นั้น เป็นการยอมรับจข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า เป็นคนที่ทำผิดต่อประเทศ ต่อสังคม อาจจะมีการตำหนิรัฐบาลชุดที่แล้วอยู่บ้างตรงนั้นเป็นสิทธิ แต่อย่างน้อยการเข้าสู่กระบวนการปรองดอง จำเป็นที่ต้องแยกถูก ผิด และ แยกหลักนิติรัฐให้ได้ การส่งสัญญาณของนายอริสมันต์ ที่ออกมา มีเนื้อหาที่ฟังได้ว่า มีการสำนึกผิดในการกระทำที่ได้ดำเนินการไป ตรงนี้คิดว่าถ้าเข้าสู่กระบวนการปรองดอง ตรงนี้จะเกิดประโยชน์
เมื่อถามว่า การบวชของนายอริสมันต์ จะเป็นข้ออ้างในการเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่าตรงนี้เป็นดุลพินิจของศาล ว่าเป็นข้ออ้างหรือไม่ เพราะการบวช อยู่ในประเทศก็ได้ ส่วนที่บอกว่าจะเดินทางไปบวชที่ประเทศอินเดีย ก็อาจเป็นแฟชั่น แต่ทั้งหมดอยู่ที่ศาล