วานนี้ (15 ม.ค.)นายเทพไท เสนพงษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดครม.สัญจร ที่ จ.นครศรีธรรมราช ในครั้งต่อไปด้วยเพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติให้กับกลุ่มคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยเท่านั้นเหมือนเช่นกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยปฏิบัติการจัดประชุมครม.นัดแรกที่จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่ตนตั้งข้อสังเกตคือมีการจัดงบประมาณพัฒนาจ.เชียงใหม่จำนวนหมื่นล้านบาทโดยอ้างปัญหาการจราจรและปัญหาอื่นๆ ซึ่งไม่อยากให้เกิดปัญหาเหมือนในอดีตที่พ.ต.ท.ทักษิณเคยประกาศว่าจังหวัดเลือกพรรคเพื่อไทยก็จะได้รับการพัฒนาก่อน ดังนั้นการนำโครงการเมกกะโปรเจกทั้งหมดไปลงที่จ.เชียงใหม่ก็ไม่สามารถเลี่ยงคำวิจารณ์นี้ได้
“ผมขอเรียกร้องว่า หากจะทุ่มเทให้จังหวัดต่างๆโดยจัดงบประมาณลงไปก็ควรจะทำให้ทั่วถึงกัน โดยเฉพาะครม.สัญจรนัดต่อไปอยากจะให้เลือกพื้นที่ที่มีปัญหา และรัฐบาลต้องนำงบประมาณไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน เช่นที่จ.นครศรีธรรมราช ที่ตอนนี้มีปัญหาอุทกภัยระลอกสองอย่างหนัก และจะเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก นายกฯควรไปจัดครม.สัญจรที่นั่นเพื่อระดมงบประมาณไม่ต้องถึงหมื่นล้าน ขอแค่พันล้านเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างครบวงจรเพื่อให้ปัญหานี้ผ่านพ้นไปได้ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ส่วนการแก้ปัญหาจราจรที่มีปัญหาไม่น้อยกว่าในจ.เชียงใหม่ ผมของบประมาณแค่ 25 เปอร์เซนต์ของจ.เชียงใหม่ ทั้งที่ทั้งสองจังหวัดมีพื้นที่เท่ากัน ไม่อยากให้เลือกปฏิบัติเฉพาะพื้นที่ที่มีส.ส.พรรคเพื่อไทย ผมสนับสนุนให้มีการจัดครม.สัญจร แต่ต้องมีความเป็นธรรม”
**ปูปัดใช้โมเดลพี่ชายประชุมครม.สัญจร
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลไม่อยากให้เป็นโมเดลเดิมคือของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะวันเวลาได้ผ่านมาหมายปีแล้ว วันนี้การประชุมครม.สัญจร ต้องเป็นรูปแบบของ “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งต้องทำรากใหญ่ก่อน แล้วถึงลงไปยังรากของประชาชน คือลงไปในรายละเอียด แต่ถ้าเราไม่มีโครงแล้วลงไปหาประชาชน เราจะบอกกับเขาไม่ได้ ส่วนนโยบายรัฐบาลในการแจกแท็ปเล็ตให้กับโรงเรียนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่กังวลอย่างหนึ่งคือ กลัวแจกไปมากแล้วไม่ได้ประโยชน์ ซึ่งต้องมีการใช้ให้ถูกทาง เพราะถ้ามากไป ก็เป็นอันตราย ทำน้อยก็ไม่ได้ ต้องทำให้พอดี ศึกษาข้อดีข้อเสีย ต้องใจเย็นๆ
****นายกฯอู้กำเมืองอ้อนคนเชียงใหม่
ภายหลังประชุม ครม. เมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้เดินทางทางมายังแหล่งน้ำหนองบัวพระเจ้าหลวง ต.เชิงดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูหนองบัวพระเจ้าหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งเพื่อฟื้นคืนสภาพของแหล่งน้ำให้มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ที่ใช้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำพร้อมเป็นพื้นที่เก็บกักน้ำให้สามารถบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง อีกทั้งเป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้ประโยชน์สำหรับชุมชน
โดยมีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.ศึกษาธิการ น.ส.ชินนิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ และประชาชน รวมถึงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้การต้อนรับ
เมื่อมาถึงนายกฯได้กราบนมัสการพระพุทธิรังษี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด ซึ่งเจ้าอาวาสได้มอบพระมหาจักรพรรดิ์ ให้กับนายกฯ จากนั้นชมรมผู้สูงอายุอ.ดอยสะเก็ดได้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับนายกฯ
ก่อนที่นายกฯจะขึ้นเวทีกล่าวทักทายด้วยภาษาเหนือ ตอนหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบ ซึ่งได้มาประชุมครม.สัญจรร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ซึ่งจะเป็นการเชื่อมการพัฒนาในภาคเหนือ ทั้งในเรื่องการเดินทาง การท่องเที่ยว สินค้าเกษตร ทั้งนี้ตนดีใจที่วันนี้ได้มาดูแหล่งน้ำหนองบัวพระเจ้าหลวงดอยสะเก็ด และอยากให้เชียงใหม่เป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อที่จะดูแลน้ำท่วมและน้ำแล้ง
"ทำงานมา 4 เดือน เหนื่อยก็เหนื่อย แต่พอกลับมาบ้านเมื่อใด ก็อบอุ่นทุกครั้ง ขอขอบคุณรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยให้โครงการแก้มลิงแห่งนี้สำเร็จ" นายกฯ กล่าว
**“ยงยุทธ”บอกครั้งที่ 2 อุดรธานี
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ว่า ล่าสุดมี 4 จังหวัดที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจคือ จังหวัดสุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต และสงขลา ซึ่งจะว่าด้วยสังคม และเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนการเมืองคงไม่ว่ากันอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่พื้นที่ของเรา แต่ก็ต้องพยายาม ซึ่งจะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม
ส่วนการประชุมครม.สัญจรครั้งที่สองจะเป็นพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งน่าจะเป็นจังหวัดอุดรธานี ประชุมครม.สัญจรครั้งที่ 3 ภาคใต้ นอกจากนี้จะลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม อย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สิงห์บุรี ส่วนพื้นที่ภาคใต้ที่นายกฯยังไม่ลงไป เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า น้ำมาเร็วไปเร็ว ซึ่งพื้นที่ภาคใต้ตนลงไปเอง ซึ่งการลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ของนายกรัฐมนตรีในลักษณะค่ำไหนนอนนั้น คงไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นทัวร์นกขมิ้น ไม่นอนตามวัด แต่อาจจะเป็นลักษณ์นอนแบบกางเต็นท์ในป่า เมื่อจังหวัดนั้นๆจัดให้มีการประชุมครม.แล้ว นายกฯก็จะลงอีกรอบหนึ่ง โดยจะไปดำเนินโครงการในลักษณะ เช่น การปลูกป่า หากเลือกไปจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว ก็จะได้ทั้งเรื่องของการฟื้นฟูและการปลูกป่า รวมถึงเพื่อได้รับทราบความต้องการของท้องถิ่นด้วย
**ไม่หวั่นถูกมองสัญจรสิ้นเปลือง
เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ว่า จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณในการจัดการประชุมครม.สัญจร นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่กลับ ลองเปรียบเทียบถึงค่าใช้จ่าย ประชุมครม.กรุงเทพฯก็มีค่าใช้จ่าย แต่การประชุมครม.สัญจรทำให้เร็วได้ลงมาในพื้นที่ ได้เยี่ยมประชาชน และได้สานต่อโครงการพระราชดำริ ตนว่าได้มากกว่าเสีย ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง
**พท.ยันไม่ใช่เป็นการสร้างภาพ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมครม.สัญจรเป็นสิ่งที่ดีในการทำหน้าที่ของรัฐบาล เพราะเป็นการนำครม.ลงพื้นที่หาข้อมูลพบปะพี่น้องประชาชน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะจะได้ศึกษาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างดี ดังนั้นจึงขอติงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลสร้างภาพ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะการลงพื้นที่ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความแตกต่างจากรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เพราะการลงพื้นที่เป็นการรับฟังปัญหาของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ที่รัฐบาลพยายามเร่งผลักดันนโยบาย โดยครม.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้นจะสัญจรครบทุกภาค
**เด็จพี่ประสาน “ตู่-เต้น” เจ้าภาพครม.ใต้
แม้กระทั่งภาคใต้ โดยตนก็จะประสานกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ โดยจะเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงพื้นที่ภาคใต้ เช่นกัน ยืนยันว่าพื้นที่ภาคใต้ไม่ถูกเลือกปฏิบัติแน่นอน ดังนั้นฝ่ายค้าน ไม่ต้องโจมตี นายกฯลงใต้แน่นอน เพราะนายกฯก็เสมือนเป็นคนของทุกภาค ไม่เลือกปฏิบัติแน่นอน ส่วนจะเป็นการประชุมครม.ในจังหวัดใดนั้นจะมีการหารือกันอีกครั้ง.
“ผมขอเรียกร้องว่า หากจะทุ่มเทให้จังหวัดต่างๆโดยจัดงบประมาณลงไปก็ควรจะทำให้ทั่วถึงกัน โดยเฉพาะครม.สัญจรนัดต่อไปอยากจะให้เลือกพื้นที่ที่มีปัญหา และรัฐบาลต้องนำงบประมาณไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน เช่นที่จ.นครศรีธรรมราช ที่ตอนนี้มีปัญหาอุทกภัยระลอกสองอย่างหนัก และจะเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก นายกฯควรไปจัดครม.สัญจรที่นั่นเพื่อระดมงบประมาณไม่ต้องถึงหมื่นล้าน ขอแค่พันล้านเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างครบวงจรเพื่อให้ปัญหานี้ผ่านพ้นไปได้ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ส่วนการแก้ปัญหาจราจรที่มีปัญหาไม่น้อยกว่าในจ.เชียงใหม่ ผมของบประมาณแค่ 25 เปอร์เซนต์ของจ.เชียงใหม่ ทั้งที่ทั้งสองจังหวัดมีพื้นที่เท่ากัน ไม่อยากให้เลือกปฏิบัติเฉพาะพื้นที่ที่มีส.ส.พรรคเพื่อไทย ผมสนับสนุนให้มีการจัดครม.สัญจร แต่ต้องมีความเป็นธรรม”
**ปูปัดใช้โมเดลพี่ชายประชุมครม.สัญจร
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลไม่อยากให้เป็นโมเดลเดิมคือของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะวันเวลาได้ผ่านมาหมายปีแล้ว วันนี้การประชุมครม.สัญจร ต้องเป็นรูปแบบของ “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งต้องทำรากใหญ่ก่อน แล้วถึงลงไปยังรากของประชาชน คือลงไปในรายละเอียด แต่ถ้าเราไม่มีโครงแล้วลงไปหาประชาชน เราจะบอกกับเขาไม่ได้ ส่วนนโยบายรัฐบาลในการแจกแท็ปเล็ตให้กับโรงเรียนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่กังวลอย่างหนึ่งคือ กลัวแจกไปมากแล้วไม่ได้ประโยชน์ ซึ่งต้องมีการใช้ให้ถูกทาง เพราะถ้ามากไป ก็เป็นอันตราย ทำน้อยก็ไม่ได้ ต้องทำให้พอดี ศึกษาข้อดีข้อเสีย ต้องใจเย็นๆ
****นายกฯอู้กำเมืองอ้อนคนเชียงใหม่
ภายหลังประชุม ครม. เมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้เดินทางทางมายังแหล่งน้ำหนองบัวพระเจ้าหลวง ต.เชิงดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูหนองบัวพระเจ้าหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งเพื่อฟื้นคืนสภาพของแหล่งน้ำให้มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ที่ใช้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำพร้อมเป็นพื้นที่เก็บกักน้ำให้สามารถบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง อีกทั้งเป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้ประโยชน์สำหรับชุมชน
โดยมีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.ศึกษาธิการ น.ส.ชินนิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ และประชาชน รวมถึงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้การต้อนรับ
เมื่อมาถึงนายกฯได้กราบนมัสการพระพุทธิรังษี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด ซึ่งเจ้าอาวาสได้มอบพระมหาจักรพรรดิ์ ให้กับนายกฯ จากนั้นชมรมผู้สูงอายุอ.ดอยสะเก็ดได้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับนายกฯ
ก่อนที่นายกฯจะขึ้นเวทีกล่าวทักทายด้วยภาษาเหนือ ตอนหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบ ซึ่งได้มาประชุมครม.สัญจรร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ซึ่งจะเป็นการเชื่อมการพัฒนาในภาคเหนือ ทั้งในเรื่องการเดินทาง การท่องเที่ยว สินค้าเกษตร ทั้งนี้ตนดีใจที่วันนี้ได้มาดูแหล่งน้ำหนองบัวพระเจ้าหลวงดอยสะเก็ด และอยากให้เชียงใหม่เป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อที่จะดูแลน้ำท่วมและน้ำแล้ง
"ทำงานมา 4 เดือน เหนื่อยก็เหนื่อย แต่พอกลับมาบ้านเมื่อใด ก็อบอุ่นทุกครั้ง ขอขอบคุณรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยให้โครงการแก้มลิงแห่งนี้สำเร็จ" นายกฯ กล่าว
**“ยงยุทธ”บอกครั้งที่ 2 อุดรธานี
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ว่า ล่าสุดมี 4 จังหวัดที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจคือ จังหวัดสุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต และสงขลา ซึ่งจะว่าด้วยสังคม และเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนการเมืองคงไม่ว่ากันอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่พื้นที่ของเรา แต่ก็ต้องพยายาม ซึ่งจะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม
ส่วนการประชุมครม.สัญจรครั้งที่สองจะเป็นพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งน่าจะเป็นจังหวัดอุดรธานี ประชุมครม.สัญจรครั้งที่ 3 ภาคใต้ นอกจากนี้จะลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม อย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สิงห์บุรี ส่วนพื้นที่ภาคใต้ที่นายกฯยังไม่ลงไป เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า น้ำมาเร็วไปเร็ว ซึ่งพื้นที่ภาคใต้ตนลงไปเอง ซึ่งการลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ของนายกรัฐมนตรีในลักษณะค่ำไหนนอนนั้น คงไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นทัวร์นกขมิ้น ไม่นอนตามวัด แต่อาจจะเป็นลักษณ์นอนแบบกางเต็นท์ในป่า เมื่อจังหวัดนั้นๆจัดให้มีการประชุมครม.แล้ว นายกฯก็จะลงอีกรอบหนึ่ง โดยจะไปดำเนินโครงการในลักษณะ เช่น การปลูกป่า หากเลือกไปจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว ก็จะได้ทั้งเรื่องของการฟื้นฟูและการปลูกป่า รวมถึงเพื่อได้รับทราบความต้องการของท้องถิ่นด้วย
**ไม่หวั่นถูกมองสัญจรสิ้นเปลือง
เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ว่า จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณในการจัดการประชุมครม.สัญจร นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่กลับ ลองเปรียบเทียบถึงค่าใช้จ่าย ประชุมครม.กรุงเทพฯก็มีค่าใช้จ่าย แต่การประชุมครม.สัญจรทำให้เร็วได้ลงมาในพื้นที่ ได้เยี่ยมประชาชน และได้สานต่อโครงการพระราชดำริ ตนว่าได้มากกว่าเสีย ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง
**พท.ยันไม่ใช่เป็นการสร้างภาพ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมครม.สัญจรเป็นสิ่งที่ดีในการทำหน้าที่ของรัฐบาล เพราะเป็นการนำครม.ลงพื้นที่หาข้อมูลพบปะพี่น้องประชาชน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะจะได้ศึกษาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างดี ดังนั้นจึงขอติงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลสร้างภาพ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะการลงพื้นที่ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความแตกต่างจากรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เพราะการลงพื้นที่เป็นการรับฟังปัญหาของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ที่รัฐบาลพยายามเร่งผลักดันนโยบาย โดยครม.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้นจะสัญจรครบทุกภาค
**เด็จพี่ประสาน “ตู่-เต้น” เจ้าภาพครม.ใต้
แม้กระทั่งภาคใต้ โดยตนก็จะประสานกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ โดยจะเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงพื้นที่ภาคใต้ เช่นกัน ยืนยันว่าพื้นที่ภาคใต้ไม่ถูกเลือกปฏิบัติแน่นอน ดังนั้นฝ่ายค้าน ไม่ต้องโจมตี นายกฯลงใต้แน่นอน เพราะนายกฯก็เสมือนเป็นคนของทุกภาค ไม่เลือกปฏิบัติแน่นอน ส่วนจะเป็นการประชุมครม.ในจังหวัดใดนั้นจะมีการหารือกันอีกครั้ง.
