ASTVผู้จัดการรายวัน – “ลอรีอัล” ห้าว วางเป้าหมายขึ้นผู้นำเอเซียแปซิฟิคในตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม บอสใหม่ประเทศไทยร้อนวิชา รับสนองนโยบายบริษัทแม่ ชูกลยุทธ์ 3 แนวทางหลักขับเคลื่อน เติบโต 3 เท่า ใน 3 ปี
นายโจเซน โซเมล กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ผลิตภัณฑ์ลอรีอัล เปิดเผยว่า บริษัทแม่ของลอรีอัลกรุ๊ปได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้ดำเนินธุรกิจร่วมกันในทุกประเทศโดยมีเป้าหมาย3ปีนับจากนี้จะเป็นผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ความงามอันดับ1ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีประชากรระดับชนชั้นกลางมากว่า 500
ล้านคนที่มีกำลังซื้อและสนใจเรื่องความงามเป็นตลาดสำคัญ ซึ่งปี2553ที่ผ่านมา ลอรีอัลครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ1ในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางทั่วโลกแล้ว
ทั้งนี้แนวทางการดำเนินจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยในปี2553 ที่ผ่านมา บริษัทเตรียมงบประมาณไม่ต่ำกว่า 650 ล้านยูโร(ประมาณ2.6หมื่นล้านบาท) เพื่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆในกลุ่มลอรีอัล
สำหรับปีที่แล้วแต่ละประเทศทั้งในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และเอเชีย ประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ รวมถึงในประเทศไทยก็เช่นกันที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ซึ่งจากปัจจัยที่เกิดขึ้นในภาพรวมไม่กระทบมากนักในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมากนัก โดยกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับการจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อความงาม ทั้งกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงที่ยังให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง ส่งผลให้ตลาดความงามทั่วโลกมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น บริษัทแม่ได้ส่งนายอูเมซ ฟัดเค เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อเดือนพ.ย.ปี2554
นายอูเมซ กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่มีการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งบริษัทแม่ ลอรีอัล มองเห็นศักยภาพในการทำตลาดประเทศไทยและภูมิภาคนี้ ซึ่งปี2553 มีอัตราการเติบโตเป็น 3 เท่าตัว เช่นเดียวกับตลาดในภูมิภาคเอเชีย และในตลาดโลกที่เติบโตเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวเช่นกันวางเป้าหมายก้าวสู่อันดับ 1
ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความงาม คือ กลุ่มดูแลเส้นผม(แฮร์แคร์,กลุ่มเครื่องสำอาง(คอสเมติก โปรดักส์, กลุ่มผลิตภัณฑ์ชั้นสูง(ลุกซ์ โปรดักส์) และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม(แอคทีฟ คอสเมติก) ภายใน3ปีนี้นับจากนี้ หรือปี 2558 หลังจากที่บริษัท ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในไทยมานาน12ปีใน
โดยแนวทางการดำเนินธุรกิจเน้น 3 ทิศทางหลัก ดังนี้ 1.ด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคชาวไทย, 2.มุ่งให้ความสำคัญกับโครงสร้างองค์กรให้มีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นในการทำตลาด จากปัจจุบันบริษัทมีพนักงานร่วม 500 คน และ 3.การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจบริษัท ทั้งในกลุ่มร้านค้าปลีกสมัยใหม่(โมเดิร์นเทรด), ร้านค้าเพื่อความงาม เป็นต้น
รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่มีความต้องการหลากหลายให้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มต่างๆมากที่สุด
นายโจเซน โซเมล กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ผลิตภัณฑ์ลอรีอัล เปิดเผยว่า บริษัทแม่ของลอรีอัลกรุ๊ปได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้ดำเนินธุรกิจร่วมกันในทุกประเทศโดยมีเป้าหมาย3ปีนับจากนี้จะเป็นผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ความงามอันดับ1ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีประชากรระดับชนชั้นกลางมากว่า 500
ล้านคนที่มีกำลังซื้อและสนใจเรื่องความงามเป็นตลาดสำคัญ ซึ่งปี2553ที่ผ่านมา ลอรีอัลครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ1ในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางทั่วโลกแล้ว
ทั้งนี้แนวทางการดำเนินจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยในปี2553 ที่ผ่านมา บริษัทเตรียมงบประมาณไม่ต่ำกว่า 650 ล้านยูโร(ประมาณ2.6หมื่นล้านบาท) เพื่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆในกลุ่มลอรีอัล
สำหรับปีที่แล้วแต่ละประเทศทั้งในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และเอเชีย ประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ รวมถึงในประเทศไทยก็เช่นกันที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ซึ่งจากปัจจัยที่เกิดขึ้นในภาพรวมไม่กระทบมากนักในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมากนัก โดยกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับการจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อความงาม ทั้งกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงที่ยังให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง ส่งผลให้ตลาดความงามทั่วโลกมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น บริษัทแม่ได้ส่งนายอูเมซ ฟัดเค เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อเดือนพ.ย.ปี2554
นายอูเมซ กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่มีการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งบริษัทแม่ ลอรีอัล มองเห็นศักยภาพในการทำตลาดประเทศไทยและภูมิภาคนี้ ซึ่งปี2553 มีอัตราการเติบโตเป็น 3 เท่าตัว เช่นเดียวกับตลาดในภูมิภาคเอเชีย และในตลาดโลกที่เติบโตเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวเช่นกันวางเป้าหมายก้าวสู่อันดับ 1
ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความงาม คือ กลุ่มดูแลเส้นผม(แฮร์แคร์,กลุ่มเครื่องสำอาง(คอสเมติก โปรดักส์, กลุ่มผลิตภัณฑ์ชั้นสูง(ลุกซ์ โปรดักส์) และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม(แอคทีฟ คอสเมติก) ภายใน3ปีนี้นับจากนี้ หรือปี 2558 หลังจากที่บริษัท ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในไทยมานาน12ปีใน
โดยแนวทางการดำเนินธุรกิจเน้น 3 ทิศทางหลัก ดังนี้ 1.ด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคชาวไทย, 2.มุ่งให้ความสำคัญกับโครงสร้างองค์กรให้มีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นในการทำตลาด จากปัจจุบันบริษัทมีพนักงานร่วม 500 คน และ 3.การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจบริษัท ทั้งในกลุ่มร้านค้าปลีกสมัยใหม่(โมเดิร์นเทรด), ร้านค้าเพื่อความงาม เป็นต้น
รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่มีความต้องการหลากหลายให้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มต่างๆมากที่สุด