ASTVผู้จัดการรายวัน – “พีดีเฮ้าส์” เปิดแผนปี 55 ปูพรหมขยาย 10 สาขา หวังขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทุ่มงบโฆษณา 30 ล้านบาทสร้างแบรนด์ติดตลาด ปี 55 ตั้งเป้ายอดขาย 1,200-1,400 ล้านบาท ยอมรับปี 54 น้ำท่วมฉุดรายได้หลุดเป้าทำได้แค่ 700 ล้านบาท แจงยังเติบโด 49%
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2555 ว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าไปสู่ทำเลใหม่ๆ ด้วยการเร่งขยายสาขาออกไปยังภูมิภาคหรือต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงกำลังซื้อหรือความต้องการสร้างบ้านที่มีอยู่ทั่วประเทศให้มากที่สุด
ทั้งนี้จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 10 สาขา โดยมีจังหวัดเป้าหมายได้แก่ เชียงราย มหาสารคาม ศรีษะเกษ นครราชสีมา (ปากช่อง) สมุทรปราการ ราชบุรี จันทบุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช กระบี่ หรือ ตรัง ฯลฯ
สำหรับการเปิดสาขาใหม่จะเปิดใน 2 รูปแบบ คือ สาขาแฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ และสาขาของบริษัทภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ปทุมดีไซน์ ซึ่งสาเหตุที่ต้องเปิดสาขาในส่วนของตัวเองควบคู่กับสาขาแฟรนไชส์นั้นเพื่อเป็นการรักษาส่วนแบ่งการตลาดทั้งในด้านยอดขายจากรายได้รวมและรักษาสัดส่วนสาขาของบริษัทต่อสาขารวม โดยจะพยายามรักษาสัดส่วนของรายได้ของบริษัทและจำนวนสาขาไว้ที่ระดับ 20% เศษจากยอดขายรวมและจำนวนสาขารวม
ทั้งนี้หากเป็นไปตามแผนการตลาดที่วางไว้ ในปี 2555 บริษัทฯ จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 36 สาขา ครอบคลุมการให้บริการรับสร้างบ้านได้เกือบ 50 จังหวัดทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะมียอดขายเฉลี่ยสาขาละ 30-40 ล้านบาทเศษ หรือมียอดขายรวมทุกสาขาประมาณ1,200-1,4000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตัวเลขยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาที่ตั้งไว้ ยังมีโอกาสที่จะทำยอดขายต่อสาขาได้สูงกว่ายอดประมาณการที่วางไว้ หากว่าเศรษฐกิจสามารถเติบโตอยู่ที่ประมาณ 4-4.5% ตามที่หลายๆ หน่วยงานคาดการณ์ไว้ และไม่มีภัยธรรมชาติรุนแรงเกิดขึ้นอีกในปีนี้
นายพิศาล กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภค และการสร้างให้ลูกค้าจดจำแบรนด์สินค้าของพีดีเฮ้าส์ฯได้มากขึ้น บริษัทฯได้ เตรียมงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ในปี 55 ไว้ที่ 30 ล้านบาท หรือประมาณ 2.5-3% ของยอดขายปีนี้ โดยแบ่งเป็นบการตลาดส่วนกลาง 25 ล้านบาท (Corporate Marketing) และงบการตลาดท้องถิ่นอีก 5 ล้านบาท (Local store Marketing) เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ “พีดีเฮ้าส์” ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและยอมรับทั่วประเทศมากขึ้น
โดยปีนี้จะยังเน้นใช้งบโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหลัก หรือ ประมาณ 42% รองลงมาเป็นเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม 25% สื่อโซเชียลมีเดีย บิลบอร์ดหรือป้าย อีเว้นต์ และวิทยุท้องถิ่น ฯลฯ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถช่วยให้ พีดีเฮ้าส์ เป็นที่รับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้างมากขึ้น ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดและทั่วประเทศ
ปี 2554 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทในเครือและแฟรนไชส์ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใหญ่ในช่วง 4 เดือนสุดท้าย ส่งผลให้ยอดขายโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายหดตัว รวมไปถึงแผนการเปิดสาขาใหม่ 8 แห่ง ในปี 2554 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 28 สาขา โดยสามารถเปิดได้เพียง 6 สาขาเท่านั้น ทำให้บริษัทมีสาขาที่เปิดให้บริการในขณะนี้รวม 26สาขา ส่วนยอดขายในปี 2554 ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้เดิมตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท แต่สามารถทำยอดขายรวมได้เพียง 700 ล้านบาทเศษ แต่ก็ยังถือว่ามีการเติบโต 49% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 ที่มียอดขายรวมเพียง 470 ล้านบาทเศษ
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2555 ว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าไปสู่ทำเลใหม่ๆ ด้วยการเร่งขยายสาขาออกไปยังภูมิภาคหรือต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงกำลังซื้อหรือความต้องการสร้างบ้านที่มีอยู่ทั่วประเทศให้มากที่สุด
ทั้งนี้จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 10 สาขา โดยมีจังหวัดเป้าหมายได้แก่ เชียงราย มหาสารคาม ศรีษะเกษ นครราชสีมา (ปากช่อง) สมุทรปราการ ราชบุรี จันทบุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช กระบี่ หรือ ตรัง ฯลฯ
สำหรับการเปิดสาขาใหม่จะเปิดใน 2 รูปแบบ คือ สาขาแฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ และสาขาของบริษัทภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ปทุมดีไซน์ ซึ่งสาเหตุที่ต้องเปิดสาขาในส่วนของตัวเองควบคู่กับสาขาแฟรนไชส์นั้นเพื่อเป็นการรักษาส่วนแบ่งการตลาดทั้งในด้านยอดขายจากรายได้รวมและรักษาสัดส่วนสาขาของบริษัทต่อสาขารวม โดยจะพยายามรักษาสัดส่วนของรายได้ของบริษัทและจำนวนสาขาไว้ที่ระดับ 20% เศษจากยอดขายรวมและจำนวนสาขารวม
ทั้งนี้หากเป็นไปตามแผนการตลาดที่วางไว้ ในปี 2555 บริษัทฯ จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 36 สาขา ครอบคลุมการให้บริการรับสร้างบ้านได้เกือบ 50 จังหวัดทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะมียอดขายเฉลี่ยสาขาละ 30-40 ล้านบาทเศษ หรือมียอดขายรวมทุกสาขาประมาณ1,200-1,4000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตัวเลขยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาที่ตั้งไว้ ยังมีโอกาสที่จะทำยอดขายต่อสาขาได้สูงกว่ายอดประมาณการที่วางไว้ หากว่าเศรษฐกิจสามารถเติบโตอยู่ที่ประมาณ 4-4.5% ตามที่หลายๆ หน่วยงานคาดการณ์ไว้ และไม่มีภัยธรรมชาติรุนแรงเกิดขึ้นอีกในปีนี้
นายพิศาล กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภค และการสร้างให้ลูกค้าจดจำแบรนด์สินค้าของพีดีเฮ้าส์ฯได้มากขึ้น บริษัทฯได้ เตรียมงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ในปี 55 ไว้ที่ 30 ล้านบาท หรือประมาณ 2.5-3% ของยอดขายปีนี้ โดยแบ่งเป็นบการตลาดส่วนกลาง 25 ล้านบาท (Corporate Marketing) และงบการตลาดท้องถิ่นอีก 5 ล้านบาท (Local store Marketing) เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ “พีดีเฮ้าส์” ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและยอมรับทั่วประเทศมากขึ้น
โดยปีนี้จะยังเน้นใช้งบโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหลัก หรือ ประมาณ 42% รองลงมาเป็นเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม 25% สื่อโซเชียลมีเดีย บิลบอร์ดหรือป้าย อีเว้นต์ และวิทยุท้องถิ่น ฯลฯ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถช่วยให้ พีดีเฮ้าส์ เป็นที่รับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้างมากขึ้น ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดและทั่วประเทศ
ปี 2554 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทในเครือและแฟรนไชส์ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใหญ่ในช่วง 4 เดือนสุดท้าย ส่งผลให้ยอดขายโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายหดตัว รวมไปถึงแผนการเปิดสาขาใหม่ 8 แห่ง ในปี 2554 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 28 สาขา โดยสามารถเปิดได้เพียง 6 สาขาเท่านั้น ทำให้บริษัทมีสาขาที่เปิดให้บริการในขณะนี้รวม 26สาขา ส่วนยอดขายในปี 2554 ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้เดิมตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท แต่สามารถทำยอดขายรวมได้เพียง 700 ล้านบาทเศษ แต่ก็ยังถือว่ามีการเติบโต 49% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 ที่มียอดขายรวมเพียง 470 ล้านบาทเศษ