xs
xsm
sm
md
lg

วันที่ “กี้ร์”ต้องเดียวดาย !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

00 ต้องยอมรับว่า “คาดไม่ถึง” หรืออาจจะเรียกว่าผิดคาดก็ได้ สำหรับกรณีที่ศาลไม่ให้ประกันตัว “พี่กี้ร์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีอีก ในคำสั่งของศาลก็ได้ให้เหตุผลว่า นอกจากคดีร้ายแรงและมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตแล้ว ข้ออ้างของจำเลยนั้นฟังไม่ขึ้น จึงยกคำร้อง ทำให้ต้องกลับไป “อมฮอลล์” ในคุกต่อ
00 เมื่ออ่านรายละเอียดในคำสั่งของศาล พอจับประเด็นได้ว่า สาเหตุสำคัญที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัวเหมือนกับ “หัวโจก” ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะ “พฤติกรรมแห่งคดี” นั้นแตกต่างกัน และในคำบรรยายของศาล ทำให้เข้าใจทันทีว่าคำพูดที่เคยปลุกระดมว่า “ให้นำขวดแก้วมาคนละขวด ไปหาน้ำมันเอาข้างหน้า ถ้าเรามาหนึ่งล้านคน หนึ่งล้านลิตร กรุงเทพฯ ต้องกลายเป็นทะเลเพลิงแน่นอน” ชัดหรือยังพี่น้อง และนี่ก็ “ไม่ใช่แดงเทียม” แน่นอน เป็นผู้ก่อการร้าย
00 ในคำสั่งของศาลคราวนี้ทำให้เห็นอีกว่า ศาลก็ “มีตา มีหู” รอบตัวเหมือนกัน ไม่ใช่พิจารณาแค่พยานหลักฐานที่ฝ่ายจำเลยนำส่งไปให้ เพราะสิ่งที่เห็นศาลได้พิจารณาอย่างรอบคอบเหมือนกับได้ติดตามข่าวสารมาตลอด ที่สำคัญยัง “รู้ทัน” เสียด้วยซี เป็นอันว่าชัดเจน เรียกว่าจำนนต่อหลักฐาน จนต้องเดินคอตกกลับไป
00 ที่อ้างตัวเองถูกไล่ล่า จนไม่กล้าเข้ามามอบตัว พร้อมอ้างอิงไปถึง “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่ถูกยิงเสียชีวิต อ้างว่าถูกคุกคามเหมือนกับ จตุพร พรหมพันธุ์ และพวก ศาลก็ไม่เชื่ออีก เพราะหลังจากนั้นก็ไม่เห็นมีใครตายสักคน อีกทั้งไม่มีพยานมายืนยัน มีเพียงเจ้าตัวกับเมียมายืนยันเท่านั้น ยังไม่มีน้ำหนัก ศาลก็ไม่เชื่ออีก น่าสังเกตก็คือคราวนี้ไม่มีบรรดาหัวโจกมีชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ไอ้ตู่ ไอ้เต้น เหวง-ธิดา ก็ไม่เห็นโผล่หน้ามาให้เห็นเลย หรือว่าเป็นพวกเดียวกับ “อำมาตย์” กันไปหมดแล้ว
00 น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ทีมทนายความ” ก็เป็นคนละชุดของพวกหัวโจกก่อนหน้า เพราะใช้บริการของทนายความชื่อ ศุภชัยวุฒิ ชาวสวนกล้วย ไม่ใช่ คารม พลทะกลาง อย่างที่คุ้นชื่อกันก่อนหน้านี้ ฝ่ายที่ไปยื่นประกันตัวก็ไม่ค่อยคุ้น แม้ว่ามีการเพิ่มหลักทรัพย์จาก 1.5 ล้าน เป็น 4 ล้าน และใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของเมียตีค่าอีกกว่า 1.3 ล้านบาท ก็ไม่ผ่าน ทั้งที่พนักงานอัยการก็ไม่ได้คัดค้านการประกันตัวเสียด้วย อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเรื่องหลักทรัพย์ไม่น่าจะเป็นประเด็น ประเด็นน่าจะอยู่ตรงที่ว่า “พฤติกรรมแห่งคดี” มากกว่า เพราะมันร้ายแรงกว่า ที่ผ่านมาอาการไม่ต่างจาก “คนบ้า” และหากย้อนเหตุการณ์ในอดีตก็ไม่ควรให้อภัยกับคำพูดที่เหยียบย่ำหัวใจคนไทย โดยการข่มขู่จะ “ถล่มศิริราช” รวมไปถึงการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตำรวจชั้นนายพล ที่บังคับให้พวกเขาวางปืนแทบเท้า หลังจากเสียท่าที่โรงแรมเอสซีปาร์ค
00 มองอีกมุมหนึ่ง การกลับเข้าไปนอนคุกเที่ยวนี้ของ อริสมันต์ เหมือนกับคืนความยุติธรรมให้กับเขาให้เท่าเทียมกับคนอื่น หลังจากที่ต้องหนีเอาตัวรอดไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากรูปการณ์เท่าที่เห็นแล้วยังไม่อาจประเมินได้เลยว่า คราวหน้าจะได้รับการประกันตัวออกมาได้หรือไม่ เพราะเหตุผลที่นำไปอ้างกับศาลก็โม้ไปหมดแล้วเสียด้วย !!
กำลังโหลดความคิดเห็น