ASTVผู้จัดการรายวัน - “บริต้า” รุกตลาดเหยือกกรกองน้ำในไทย ลั่นไทยเติบโตดีสุดในเอเชียแม้จะทำตลาดปีแรก ด้านอะควาเปิดแผนลุย ตั้งเอเยนต์ปีหน้าพร้อมขยายตลาดกลุ่มโครงการ
นายมาร์ค คูเปอร์ ที่ปรึกษาธุรกิจบริต้าภาคพื้นเอเชีย บริษัท บริต้า จีเอ็มบีเอช ผู้ผลิตและจำหน่ายเหยือกกรองน้ำ “บริต้า” (BRITA) จากเยอรมัน กล่าวว่า บริต้าเพิ่งรุกตลาดเหยือกกรองน้ำในไทยในปีนี้เป็นปีแรก ด้วยการรแต่งตั้งบริษัท อควา อินโดนเทค (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรายเดียวในไทย เนื่องจากมองเห็นศักยภาพตลาดเมืองไทย
โดยช่วงปีแรกที่เข้ามาทำตลาดในไทยถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงมากเมื่อเทียบปีต่อปีกับตลาดประเทศอื่นในเอเซียที่ทำตลาดไปแล้ว เช่นที่ ญี่ปุ่น 22 ปี เป็นบริษัทลูก ที่เกาหลีใต้25ปี ที่ฟิลิปปินส์ 21ปี ที่ฮ่องกง20ปี อินเดีย12ปี โดยบริต้าจะใช้ไทยเป็นแม่แบบในการรุกตลาดประเทศอื่นต่อไป ที่จะขยายจากนี้เช่น มาเลเซียเพิ่งเริ่มทำตลาดปีนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2533 บริต้าเคยวางแผนที่จะรุกตลาดไทยแล้ว แต่เนื่องจากในขณะนั้นติดปัญหาทางด้านภาษีนำเข้า ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าพลาสติก ทำให้ต้องเสียภาษีสูงมากกว่า 94% จึงทำให้ยกเลิกไป และเพิ่งกลับมารุกตลาดอีกครั้งโดยเสียภาษีนำเข้าเพียงแค่ 5% และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% เท่านั้น เพราะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องกรองน้ำ
นายมนู ลีนะวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อควา อินโนเทค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเหยือกกรองน้ำบริต้า กล่าวว่า บริษัทฯเริ่มดำเนินการขายเหยือกกรองน้ำบริต้าเมื่อเดือนพ.ย.ปี 2553 และเริ่มจริงจังต้นปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรวมประมาณ 10,000 ตัวแล้ว โดยตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมียอดจำหน่าย 12,000 ตัว โดยนำเข้ามาจากเยอรมัน
ปัจจุบันตลาดเหยือกกรองน้ำไทยเริ่มมีผู้ประกอบการเข้ามาทำตลดดพเพิ่มขึ้นจากเดิมมีบริต้าแบรนด์เดียวเท่านั้น ล่าสุดเมื่อ2-3 เดือนที่ผ่านมามีอย่างน้อย 3 แบรนด์ เช่น จากไต้หวัน จากกอิตาลี และจากออสเตรีย เป็นต้น
สำหรับแผนการรุกตลาดปีหน้า เตรียมขยายตลาดด้วยการแต่งตั้งเอเยนต์ในกรงเทพฯและต่างจังหวัดตั้งเป้าหมาย 20 รายก่อนในปีแรก การขยายเข้าช่องทางร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย จากเดิมที่ช่องทางการจำหน่ายจะอยู่แต่ในห้างค้าปลีกเป็นหลักประมาณ 64 สาขา เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ พารากอน เอ็มโพเรียม อินเด็กซ์ ลอฟท์ ทรูแวลลู ท็อปส์ บีทูเอส
รวมทั้งการขายผ่านโครงการด้วย เช่น ที่ผ่านมามีกลุ่มบริษัทเอสโซ่ กลุ่มเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ซื้อยกล็อตไปทำโปรโมชันกับลูกค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายรายเช่น ธุรกิจโรงพยาบาล เป็นต้น
รวมทั้งการเปิดตัวสินค้าใหม่คือ เครื่องกรองน้ำระบบออนไลน์ซิสเต็ม เป็นเครื่องกรองน้ำขนาดเล็กติดดตั้งใต้อ่างล้างจานและสามรารถกรองน้ำมาทานได้ ราคาประมาณ 6,000-7,000 กว่าบาทต่อชุด ซึ่งเปิดตัวสินค้าใหม่นี้ที่ไต้หวันเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
สำหรับเหยือกรองน้ำที่ทำตลาดในไทย มีหลายรุ่นเช่น มาราเรลคูล ควมจุ 2.4 ลิตร ราคา 1,690 บาท รุ่นอลูน่าคูลเอ็กซ์แอล ควาจุ 2.4 ลิตรราคา 1,590 บาท ขนาด 3.5 ลิตราคา 1,690 บาท เป็นตน้ส่วนไส้กรอองมีทั้งแพ็ก 2 อันราคา 600 บาท และแพ็ก 3 อันราคา 850 บาท
ปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 30% เพราะมีช่องทางจำหน่ายและมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น
นายมาร์ค คูเปอร์ ที่ปรึกษาธุรกิจบริต้าภาคพื้นเอเชีย บริษัท บริต้า จีเอ็มบีเอช ผู้ผลิตและจำหน่ายเหยือกกรองน้ำ “บริต้า” (BRITA) จากเยอรมัน กล่าวว่า บริต้าเพิ่งรุกตลาดเหยือกกรองน้ำในไทยในปีนี้เป็นปีแรก ด้วยการรแต่งตั้งบริษัท อควา อินโดนเทค (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรายเดียวในไทย เนื่องจากมองเห็นศักยภาพตลาดเมืองไทย
โดยช่วงปีแรกที่เข้ามาทำตลาดในไทยถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงมากเมื่อเทียบปีต่อปีกับตลาดประเทศอื่นในเอเซียที่ทำตลาดไปแล้ว เช่นที่ ญี่ปุ่น 22 ปี เป็นบริษัทลูก ที่เกาหลีใต้25ปี ที่ฟิลิปปินส์ 21ปี ที่ฮ่องกง20ปี อินเดีย12ปี โดยบริต้าจะใช้ไทยเป็นแม่แบบในการรุกตลาดประเทศอื่นต่อไป ที่จะขยายจากนี้เช่น มาเลเซียเพิ่งเริ่มทำตลาดปีนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2533 บริต้าเคยวางแผนที่จะรุกตลาดไทยแล้ว แต่เนื่องจากในขณะนั้นติดปัญหาทางด้านภาษีนำเข้า ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าพลาสติก ทำให้ต้องเสียภาษีสูงมากกว่า 94% จึงทำให้ยกเลิกไป และเพิ่งกลับมารุกตลาดอีกครั้งโดยเสียภาษีนำเข้าเพียงแค่ 5% และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% เท่านั้น เพราะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องกรองน้ำ
นายมนู ลีนะวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อควา อินโนเทค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเหยือกกรองน้ำบริต้า กล่าวว่า บริษัทฯเริ่มดำเนินการขายเหยือกกรองน้ำบริต้าเมื่อเดือนพ.ย.ปี 2553 และเริ่มจริงจังต้นปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรวมประมาณ 10,000 ตัวแล้ว โดยตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมียอดจำหน่าย 12,000 ตัว โดยนำเข้ามาจากเยอรมัน
ปัจจุบันตลาดเหยือกกรองน้ำไทยเริ่มมีผู้ประกอบการเข้ามาทำตลดดพเพิ่มขึ้นจากเดิมมีบริต้าแบรนด์เดียวเท่านั้น ล่าสุดเมื่อ2-3 เดือนที่ผ่านมามีอย่างน้อย 3 แบรนด์ เช่น จากไต้หวัน จากกอิตาลี และจากออสเตรีย เป็นต้น
สำหรับแผนการรุกตลาดปีหน้า เตรียมขยายตลาดด้วยการแต่งตั้งเอเยนต์ในกรงเทพฯและต่างจังหวัดตั้งเป้าหมาย 20 รายก่อนในปีแรก การขยายเข้าช่องทางร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย จากเดิมที่ช่องทางการจำหน่ายจะอยู่แต่ในห้างค้าปลีกเป็นหลักประมาณ 64 สาขา เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ พารากอน เอ็มโพเรียม อินเด็กซ์ ลอฟท์ ทรูแวลลู ท็อปส์ บีทูเอส
รวมทั้งการขายผ่านโครงการด้วย เช่น ที่ผ่านมามีกลุ่มบริษัทเอสโซ่ กลุ่มเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ซื้อยกล็อตไปทำโปรโมชันกับลูกค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายรายเช่น ธุรกิจโรงพยาบาล เป็นต้น
รวมทั้งการเปิดตัวสินค้าใหม่คือ เครื่องกรองน้ำระบบออนไลน์ซิสเต็ม เป็นเครื่องกรองน้ำขนาดเล็กติดดตั้งใต้อ่างล้างจานและสามรารถกรองน้ำมาทานได้ ราคาประมาณ 6,000-7,000 กว่าบาทต่อชุด ซึ่งเปิดตัวสินค้าใหม่นี้ที่ไต้หวันเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
สำหรับเหยือกรองน้ำที่ทำตลาดในไทย มีหลายรุ่นเช่น มาราเรลคูล ควมจุ 2.4 ลิตร ราคา 1,690 บาท รุ่นอลูน่าคูลเอ็กซ์แอล ควาจุ 2.4 ลิตรราคา 1,590 บาท ขนาด 3.5 ลิตราคา 1,690 บาท เป็นตน้ส่วนไส้กรอองมีทั้งแพ็ก 2 อันราคา 600 บาท และแพ็ก 3 อันราคา 850 บาท
ปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 30% เพราะมีช่องทางจำหน่ายและมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น