ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ลิงชนิดใหม่ที่พบในรัฐกะฉิ่นทางตอนเหนือสุดของพม่าาเมื่อปีที่แล้ว ได้รับชื่อใหม่จากนักวิทยาศาสตร์แล้ว ถึงแม้จะมีจมูกแหว่งสุดอาภัพ แต่ด้วยทรงผมที่ม้วนเป็นเกลียวขึ้นทางด้านหน้าผาก มันจึงถูกเรียกว่า "ลิงเอลวิส" (Elvis Monkey) ตามชื่อ เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ราชาร็อกแอนด์โรลผู้ล่วงลับ
กองทุนเพื่อสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund) รายงานเรื่องนี้ในสัปดาห์นี้ โดยที่ลิงเอลวิสได้รับความสนใจมาก ในฐานะสัตว์ป่าที่มีลักษณะโดดเด่น จากทั้งหมด 10 ชนิดบรรดาสัตว์ป่าที่คนพบใหม่ในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ซึ่งรวมอยู่ในทั้งหมดราว 200 ชนิดที่พบในอนุภูมิภาคนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ใน เดือน ต.ค. 2010 องค์การอนุรักษ์พืชและสัตว์ระหว่างประเทศ หรือ FFI (Fauna & Flora International) ซึ่งประกาศการพบ ได้เรียกมันว่า "ลิงหน้าแหงน" ลักษณะเด่นของมันคือเป็นลิงชนิดหางยาวตระกูลค่าง มีสีดำตลอดทั้งตัว ยกเว้นเพียงหย่อมขนสีขาวที่ปรากฏบริเวณใบหูทั้งสองข้างกับที่คาง
แต่สิ่งโดดเด่นที่สุดได้แก่ จมูกที่ต่างไปจากบรรดาลิงจมูกบี้ (Rhinopithecus strykeri) ที่เคยค้นพบมาก่อนหน้านี้ ทั้งในจีนและในเวียดนาม เนื่องจากรูจมูกของมันแหงนขึ้นฟ้า
“มันเป็นเรื่องใหม่ สำหรับนักวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องไม่ปกติธรรมดาที่เดินทางไปยังดินแดนอันห่างไกลและพบลิงชนิดหนึ่ง ที่ไม่เหมือนลิงตัวใดในโลกนี้” โทมัส ไกส์มานน์ (Thomas Giessmann) ผู้นำในการค้นคว้าศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยซูริค-เออร์เชล (University of Zurich-Irchel) กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ในครั้งนั้น
เชื่อว่า ลิงอาภัพชนิดนี้อาจจะมีเหลืออยู่ระหว่าง 260-330 ตัว ในพื้นที่ 270 ตารางกิโลเมตรในรัฐกะฉิ่น สืบเนื่องจากถูกตามไล่ล่าเพื่อนำไปทำยาแผนโบราณในจีน และการสร้างเขื่อนกับการตัดไม้ในพื้นที่ กำลังคุกคามถิ่นที่อยู่ของพวกมัน ทำให้โอกาสสูญพันธุ์เป็นไปได้สูง นักวิทยาศาสตร์เขียนเรื่องนี้ลงใน “วารสารวานรวิทยา” (Journal of Primatology)
รายงานชิ้นใหม่ของ WWF ในสัปดาห์นี้ระบุว่าราษฎรในท้องถิ่นจะพบ "เอลวิส" ซุกหัวของมันไว้ระหว่างขาเสมอๆ เวลาฝนตก เพื่อป้องกันมิให้น้ำไหลย้อนเข้าไปในรูจมูก
ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้ลิงหน้าแหงนมีวิวัฒนาการที่แตกต่างไปจากชนิดอื่นๆ ในสายพันธุ์เดียวกัน พรานในพื้นที่กล่าวว่า พวกมันจะจามทุกครั้งที่ฝนตก จึงมักจะเห็นลิงชนิดนี้นั่งก้มหน้าหลบอยู่ตามคบไม้ ในถ้ำหรือในที่สูง ซึ่งทำให้ถูกล่าได้ง่ายขึ้น
กองทุนเพื่อสัตว์ป่าโลกยังยกให้อนุภูมิภาคแม่น้ำโขงเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกปัจจุบัน และกล่าวเตือนรัฐบาลในประเทศแถบนี้ว่าถ้าหากไม่มีการลงทุนอย่างเพียงพอเพื่อนนุรักษ์ สัตว์ป่าเหล่านี้มีโอกาสอย่างสูงที่จะสูญพันธุ์จากธรรมชาติ เช่นเดียวกันแรดนอเดียวพันธุ์ชวา ที่ล่าจนหมดไปจากป่าเวียดนาม
บรรดาสัตว์ป่าที่มีรายชื่ออยู่ในรายงานหัวเรื่อง WildMekong ปีนี้ ยังรวมทั้งตุ๊กแกที่มีขาสีส้มสดใสทั้ง 4 ขา และมีลำตัวสีเทาออกน้ำเงิน สีข้างเป็นแถบยาวสีส้ม ที่พบในเกาะทางตอนใต้ของเวียดนาม
นอกจากนั้นยังมีแย้ชนิดใหม่ที่ตัวเมียผสมพันธุ์ด้วยวิธี "โคลน"โดยไม่ต้องพึ่งพาเพศผู้ พวกมันจึงมีลักษณะตลอดจนหน้าตาท่าทางเหมือนกันไปหมดทั้งป่า เป็นที่ตื่นตะลึงของนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบใน จ.เกียนยาง ติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยในเวียดนาม
ปีที่แล้วเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดใหม่ในป่า จ.เกาะกง ของกัมพูชา พืชพวกนี้มีวิวัฒนาการล้ำยุค เพื่อให้สามารถรอดอยู่ได้ในทุกสภาพอากาศ พวกมันกินแมลง กับสัตว์เลื้อยคลานซึ่งรวมทั้งพวกจิ้งจกจิ้งเหลนตัวเล็กๆ เป็นอาหารได้อีกด้วย
กองทุนเพื่อสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund) รายงานเรื่องนี้ในสัปดาห์นี้ โดยที่ลิงเอลวิสได้รับความสนใจมาก ในฐานะสัตว์ป่าที่มีลักษณะโดดเด่น จากทั้งหมด 10 ชนิดบรรดาสัตว์ป่าที่คนพบใหม่ในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ซึ่งรวมอยู่ในทั้งหมดราว 200 ชนิดที่พบในอนุภูมิภาคนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ใน เดือน ต.ค. 2010 องค์การอนุรักษ์พืชและสัตว์ระหว่างประเทศ หรือ FFI (Fauna & Flora International) ซึ่งประกาศการพบ ได้เรียกมันว่า "ลิงหน้าแหงน" ลักษณะเด่นของมันคือเป็นลิงชนิดหางยาวตระกูลค่าง มีสีดำตลอดทั้งตัว ยกเว้นเพียงหย่อมขนสีขาวที่ปรากฏบริเวณใบหูทั้งสองข้างกับที่คาง
แต่สิ่งโดดเด่นที่สุดได้แก่ จมูกที่ต่างไปจากบรรดาลิงจมูกบี้ (Rhinopithecus strykeri) ที่เคยค้นพบมาก่อนหน้านี้ ทั้งในจีนและในเวียดนาม เนื่องจากรูจมูกของมันแหงนขึ้นฟ้า
“มันเป็นเรื่องใหม่ สำหรับนักวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องไม่ปกติธรรมดาที่เดินทางไปยังดินแดนอันห่างไกลและพบลิงชนิดหนึ่ง ที่ไม่เหมือนลิงตัวใดในโลกนี้” โทมัส ไกส์มานน์ (Thomas Giessmann) ผู้นำในการค้นคว้าศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยซูริค-เออร์เชล (University of Zurich-Irchel) กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ในครั้งนั้น
เชื่อว่า ลิงอาภัพชนิดนี้อาจจะมีเหลืออยู่ระหว่าง 260-330 ตัว ในพื้นที่ 270 ตารางกิโลเมตรในรัฐกะฉิ่น สืบเนื่องจากถูกตามไล่ล่าเพื่อนำไปทำยาแผนโบราณในจีน และการสร้างเขื่อนกับการตัดไม้ในพื้นที่ กำลังคุกคามถิ่นที่อยู่ของพวกมัน ทำให้โอกาสสูญพันธุ์เป็นไปได้สูง นักวิทยาศาสตร์เขียนเรื่องนี้ลงใน “วารสารวานรวิทยา” (Journal of Primatology)
รายงานชิ้นใหม่ของ WWF ในสัปดาห์นี้ระบุว่าราษฎรในท้องถิ่นจะพบ "เอลวิส" ซุกหัวของมันไว้ระหว่างขาเสมอๆ เวลาฝนตก เพื่อป้องกันมิให้น้ำไหลย้อนเข้าไปในรูจมูก
ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้ลิงหน้าแหงนมีวิวัฒนาการที่แตกต่างไปจากชนิดอื่นๆ ในสายพันธุ์เดียวกัน พรานในพื้นที่กล่าวว่า พวกมันจะจามทุกครั้งที่ฝนตก จึงมักจะเห็นลิงชนิดนี้นั่งก้มหน้าหลบอยู่ตามคบไม้ ในถ้ำหรือในที่สูง ซึ่งทำให้ถูกล่าได้ง่ายขึ้น
กองทุนเพื่อสัตว์ป่าโลกยังยกให้อนุภูมิภาคแม่น้ำโขงเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกปัจจุบัน และกล่าวเตือนรัฐบาลในประเทศแถบนี้ว่าถ้าหากไม่มีการลงทุนอย่างเพียงพอเพื่อนนุรักษ์ สัตว์ป่าเหล่านี้มีโอกาสอย่างสูงที่จะสูญพันธุ์จากธรรมชาติ เช่นเดียวกันแรดนอเดียวพันธุ์ชวา ที่ล่าจนหมดไปจากป่าเวียดนาม
บรรดาสัตว์ป่าที่มีรายชื่ออยู่ในรายงานหัวเรื่อง WildMekong ปีนี้ ยังรวมทั้งตุ๊กแกที่มีขาสีส้มสดใสทั้ง 4 ขา และมีลำตัวสีเทาออกน้ำเงิน สีข้างเป็นแถบยาวสีส้ม ที่พบในเกาะทางตอนใต้ของเวียดนาม
นอกจากนั้นยังมีแย้ชนิดใหม่ที่ตัวเมียผสมพันธุ์ด้วยวิธี "โคลน"โดยไม่ต้องพึ่งพาเพศผู้ พวกมันจึงมีลักษณะตลอดจนหน้าตาท่าทางเหมือนกันไปหมดทั้งป่า เป็นที่ตื่นตะลึงของนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบใน จ.เกียนยาง ติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยในเวียดนาม
ปีที่แล้วเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดใหม่ในป่า จ.เกาะกง ของกัมพูชา พืชพวกนี้มีวิวัฒนาการล้ำยุค เพื่อให้สามารถรอดอยู่ได้ในทุกสภาพอากาศ พวกมันกินแมลง กับสัตว์เลื้อยคลานซึ่งรวมทั้งพวกจิ้งจกจิ้งเหลนตัวเล็กๆ เป็นอาหารได้อีกด้วย