xs
xsm
sm
md
lg

'เกียรตินาคิน'ควบรวม'ภัทร' ดันมาร์เกตแคป3หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-แบงก์เกียรตินาคินควบรวม “ทุนภัทร” เตรียมออกหุ้นเพิ่มทุนแลกหุ้น อัตรา 0.9135ต่อ 1 หุ้น ทุนภัทร มูลค่าดีล 7 พันล้านบาท พร้อมถอนหุ้นทุนภัทรออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯคาดเสร็จปลายไตรมาส2/55 หรือต้นไตรมาส3/55 ดันมาร์เกตแคปเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้าน

นายสุพล วัธนเวคิน ประธานกรรมการ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)หรือ KK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารฯได้อนุมัติให้มีการเข้าลงนามในบันทึกข้อตกลงการร่วมกิจการระหว่างธนาคารเกียรตินาคินกับบริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA ในการดำเนินธุรกิจทางการเงิน ประกอบด้วย ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ และ ธุรกิจสนับสนุนอื่นๆร่วมกันเพื่อประโยชน์สูงสุดและพร้อมกับการแข่งขันในอนาคตที่จะมีการเปิดเสรีทางการเงินและตลาดทุนในอนาคต

ทั้งนี้ การควบรวบครั้งนี้จะเป็นลักษณะการแลกหุ้นทั้งหมด (แชร์สวอป )โดยธนาคารเกียรตินาคินจะมีการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 23.7%ของหุ้นทั้งหมดของธนาคารเกียตินาคินที่มี634.32 ล้านหุ้น เพื่อนำไปแลกหุ้นของบริษัททุนภัทร ในอัตราส่วน 0.9135 หุ้นสามัญเกียรตินาคิน ต่อ 1 หุ้นของบริษัท ทุนภัทร ซึ่งมูลค่าการควบรวมครั้งนี้ประมาณ 7 พันล้านบาท โดยธนาคารเกียรตินาคินจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของทุนภัทรจากผู้ถือหุ้นทุกราย เพื่อเพิกถอนหุ้นของบริษัท ทุนภัทรออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่ากระบวนการควบรวมกิจการจะเสร็จประมาณปลายไตรมาส2/55 หรือต้นไตรมาส3/55

สำหรับหลังจากควบรวมบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำการทำธุรกิจเฉพาะด้านในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดทุน นายสุพล กล่าว หลังจากควบรวมจะมีการทำธุรกิจร่วมกัน 6 ด้านประกอบด้วย1. ธุรกิจลูกค้าบุคคลรายใหญ่

2.ธุรกิจสินเชื่อและตราสารหนี้สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ 3.ธุรกิจตราสารอนุพันธ์ 4.ธุรกิจการลงทุน ร่วมกันพัฒนาธุรกิจการลงทุน 5.ธุรกิจบริหารจัดการกองทุน 6. ธุรกิจหลักทรัพย์สำหรับบุคคลรายย่อย

นายบรรยง พงษ์พาณิช ประธานกรรมการ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA กล่าวว่า สัดส่วนการถือหุ้นหลังจากมีการควบรวมแล้ว ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นธนาคารเกียรตินาคิน จะถือหุ้นในธนาคารเกียรตินาคินในสัดส่วน 23.6% ซึ่งลดลงจากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ 30% และ ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นทุนภัทร จะถือหุ้นในธนาคารเกียรตินาคินสัดส่วน 8.7 % และ กลุ่มผู้บริหารทุนภัทรจะถือหุ้นในธนาคารเกียรตินาคินในสัดส่วน 1.7% รวมเป็น 10.4% และ ทางธนาคารเกียรตินาคินจะมีการถือหุ้นในบริษัทกฎหมายเอราวัญ และ บริษัท ทุนภัทร

ขณะที่บริษัทุนภัทรจะมีการถือหุ้น ในบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เกียรตินาคิน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)เกียรตินาคิน และ บล.ภัทร

ทั้งนี้หลังจากการควบรวมกันแล้วได้มีเงื่อนไขว่า ทางผุ้ถือหุ้นทั้ง บริษัทจะมีการถือหุ้นในธนาคารเกียรตินาคินไม่น้อยกว่า 5 ปี ในการร่วมกันทำธุรกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหุ้นที่จะสะท้อนมูลค่าที่เติบโตในอนาคต ในด้านการขยายฐานลูกค้ามากขึ้นจากที่ 2 บริษัทมีฐานลูกค้าต่างกันและจะมีการร่วมกันในการออกสินค้าใหม่ๆมากขึ้น จะทำให้ขนาดธุรกิจมีขนาดใหญ่ขึ้น ผลิตภัณฑ์หลาหลาย มีกำไรที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตามทางบล.ภัทร และ บล.เกียรตินาคินนั้นไม่ได้มีการควบรวมกัน คือ ยังคงทำธุรกิจภายใต้บล.ภัทร และ บล.เกียรตินาคินต่อไป จากที่ฐานลูกค้าของทั้ง 2 บริษัท ต่างกัน

“บริษัทได้มีการศึกษาเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. ในการวิเคราะห์ตรวจสอบทางการเงิน และปรึกษากับหน่วยงานกำกับ แต่พอน้ำท่วมชะลอออกไป แต่ขณะนี้มองว่าเห็นความชัดเจน ซึ่งการควบรวมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการหนีตายเพื่อให้อยู่รอดจาการเปิดเสรีฯ แต่เป็นการควบรวมกันเพื่อเพิ่มรายได้กำไร และโอกาสในการทำธุรกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นทั้งสองฝ่าย ซึ่งการควบรวมครั้งที่มูลค่าตลาด ไม่มีการจ่ายพรีเมียม โดยหลังควบรวมแล้วจะมีมาร์เกตแคปเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบัน เกียรตินาคิน มีมาร์เกตแคป 2.3 หมื่นล้านบาท และ ทุนภัทร มีมาร์เกตแคป 7 พันล้านบาท ”นายบรรยง กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น