นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซ็ท โปรแมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ( FA) ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ( mai ) ของบริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน HYDRO ให้บุคคลทั่วไปครั้งแรก (IPO) 30 ล้านหุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท โดยกำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้นในวันที่ 6-8 ธันวาคม 54 ในอัตราหุ้นละ 3.39 บาทนั้นมองว่าจากทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ดีจึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าจองซื้อหุ้นในวันและเวลาดังกล่าว
" ถือเป็นบริษัทผู้รับเหมาและบริหารจัดการงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมด้านน้ำแบบครบวงจรที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งในฐานะที่ APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงินมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานของ HYDRO ว่ายังมีศักยภาพการเติบโตที่ดีได้อีกมาก " นายสมภพ กล่าว
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Underwriter) ของหุ้น HYDRO โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย กล่าวว่า มีความมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น HYDRO จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ได้กำหนดการนำหุ้น HYDRO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 15 ธันวาคม 54 นี้
พร้อมกันนี้เชื่อว่าการเปิดจองซื้อหุ้น HYDRO จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยราคาจองซื้อหุ้น IPO แก่บุคคลทั่วไปในอัตราหุ้นละ 3.39 บาท ประเมินจากปัจจัยพื้นฐานที่มีระดับ P/E เฉลี่ยในช่วง 3 ไตรมาสย้อนหลัง ( ไตรมาส 4ปี53 และไตรมาส 1-2 ปี 54 ) โดยค่า P/E อยู่ที่ระดับ 9.2 เท่า ถือว่าให้ส่วนลดเหมาะสมเมื่อเทียบตลาดในช่วงเดียวกัน ขณะเดียวกันธุรกิจของบริษัทยังมีโอกาสขยายตัวสูงในระยะยาว
นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO ผู้นำธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้างและรับจ้างบริหารจัดการงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมด้านน้ำแบบครบวงจร กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 54 มีโอกาสเติบโตกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวมเพียง 297 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวมได้สูงถึง 492.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 35.42 ล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มปี 55 คาดว่ารายได้ของบริษัทฯ จะยังเติบโตเป็นเท่าตัวจากปีนี้เช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มากกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้งมีแผนจะเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งหลังจากบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะทำให้ขีดความสามารถในการรับงานของบริษัทฯ สูงขึ้นอีกกว่าเท่าตัว
" ถือเป็นบริษัทผู้รับเหมาและบริหารจัดการงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมด้านน้ำแบบครบวงจรที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งในฐานะที่ APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงินมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานของ HYDRO ว่ายังมีศักยภาพการเติบโตที่ดีได้อีกมาก " นายสมภพ กล่าว
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Underwriter) ของหุ้น HYDRO โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย กล่าวว่า มีความมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น HYDRO จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ได้กำหนดการนำหุ้น HYDRO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 15 ธันวาคม 54 นี้
พร้อมกันนี้เชื่อว่าการเปิดจองซื้อหุ้น HYDRO จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยราคาจองซื้อหุ้น IPO แก่บุคคลทั่วไปในอัตราหุ้นละ 3.39 บาท ประเมินจากปัจจัยพื้นฐานที่มีระดับ P/E เฉลี่ยในช่วง 3 ไตรมาสย้อนหลัง ( ไตรมาส 4ปี53 และไตรมาส 1-2 ปี 54 ) โดยค่า P/E อยู่ที่ระดับ 9.2 เท่า ถือว่าให้ส่วนลดเหมาะสมเมื่อเทียบตลาดในช่วงเดียวกัน ขณะเดียวกันธุรกิจของบริษัทยังมีโอกาสขยายตัวสูงในระยะยาว
นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO ผู้นำธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้างและรับจ้างบริหารจัดการงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมด้านน้ำแบบครบวงจร กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 54 มีโอกาสเติบโตกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวมเพียง 297 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวมได้สูงถึง 492.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 35.42 ล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มปี 55 คาดว่ารายได้ของบริษัทฯ จะยังเติบโตเป็นเท่าตัวจากปีนี้เช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มากกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้งมีแผนจะเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งหลังจากบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะทำให้ขีดความสามารถในการรับงานของบริษัทฯ สูงขึ้นอีกกว่าเท่าตัว
