ASTVผู้จัดการรายวัน - อุทกภัยดันตลาดคอนโดฯในเมืองเติบโตต่อเนื่อง เขย "แอมบาสเดอร์ฯ" สบช่อง ปรับแผนขยายไลน์ธุรกิจรุกตลาดคอนโดเทล ย่านพระราม 9 ภายใต้แบรนด์ "บุรีธารา คอนโดเทล กรุงเทพฯ" มูลค่า 1,400 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทย 70% แย้มหากโปรเจกต์ใหม่ได้รับการตอบรับ พร้อมจะลงทุนเพิ่ม มั่นใจตลาดปี 55 ดีมานด์เปลี่ยนจากแนวราบหันซื้อคอนโดฯเป็นบ้านหลังที่ 2
นายธิติ ชินสมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุรีธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา กรุ๊ป กล่าวว่า หลังจากสะสมประสบการณ์ทางด้านธุรกิจโรงแรมมาเป็นเวลา 30 ปี และทางครอบครัวของภรรยาได้ดำเนินธุรกิจโรงแรม "แอมบาสเดอร์ สุขุมวิท" ซึ่งต่อมาเมื่อประมาณ 4 ปี ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ แบรนด์ "บุรีธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา" รวม 3 แห่ง คือที่ อำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี, เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และที่พระราม 9 เปิดดำเนินการได้มาเพียง 4 เดือน จึงมีแนวนโยบาย ที่จะพัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยพิจารณาในรูปแบบของคอนโดเทล (คอนโดมิเนียม +โรงแรม) คือ หากลูกค้าที่มาซื้อห้องชุด และไม่ค่อยได้พักอาศัยก็สามารถปล่อยให้เช่าได้ โดยบริษัทฯจะบริหารจัดการให้และการันตีรายได้ 60:40
โดยได้เตรียมนำที่ดินที่เหลือจากการพัฒนารีสอร์ต ย่านพระราม9 จำนวนกว่า 3 ไร่ จากทั้งหมดกว่า 10 ไร่ มาพัฒนาคอนโดฯภายใต้แบรนด์ "Buritara Condotel Bangkok" (บุรีธารา คอนโดเทล กรุงเทพฯ) ในคอนเซ็ปต์ "Green Building" สูง 42 ชั้น ขนาด 36-60 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 70,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป รวม 630 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,400 ล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทย 70% และต่างชาติ 30% โดยเดิมมีแผนจะเปิดตัวในกลางปี 55 แต่จากมหาอุทกภัย ส่งผลให้มีลูกค้าคนไทยเข้ามาพักอาศัยใน "บุรีธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา กรุงเทพฯ" เต็มทุกห้องพัก และยังมียอด Booking รออีกประมาณ 20% ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับแผน เร่งออกแบบและเปิดตัวคอนโดฯเร็วขึ้น เพื่อรองรับดีมานด์ที่เปลี่ยนไปเป็นต้นเดือนม.ค.55 แทน ซึ่งลูกค้าที่ซื้อโครงการในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจะได้รับส่วนลดถึง 25% ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการประมาณกลางปี 55 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 56 โดยในเบื้องต้น เป็น การลงทุนด้วยเงินส่วนตัวทั้งหมด ยังไม่ได้กู้สถาบันการเงินแต่อย่างใด
"จริงๆ แล้ว ตนมีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาให้บริษัทอสังหาฯที่ทำโครงการคอนโดฯย่านสีลมมาก่อน ทำให้เห็นช่องทางในการทำตลาด และจากประสบการณ์การเป็นสถาปนิกและธุรกิจโรงแรมจะทำให้เราสามารถตอบโจทย์ ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะโครงการมีจุดขายที่ชัดเจน แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นที่อาคารจะล้อมรอบด้วยรีสอร์ต ที่มีสวนสวยธรรมชาติ ด้านการบริหารจัดการก็จะเน้นลูกค้าที่เข้ามาพักรายวัน เหมือนบริการโรงแรม ขณะนี้กำลังมองกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวจาก ประเทศในโซนตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จากอินโดนีเซียที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากในขณะนี้ ซึ่งอัตราการเข้าพักจะอยู่ที่ประมาณ 1,600-1,800 บาท/คืน"
สำหรับแผนการรุกตลาดอสังหาฯต่อเนื่อง หรือไม่นั้น นายธิติ ต้องรอดูผลตอบรับจากโครงการดังกล่าวเสียก่อน ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างในการสร้างแบรนด์ "บุรีธารา" ในอนาคตด้วย เพราะตนมีแผนที่จะเข้าไปบริหารจัดการให้ผู้ประกอบการรีสอร์ตต่างๆ ที่ดำเนินธุรกิจมาได้ระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยการ นำแบรนด์ "บุรีธารา" เข้าไปบริหารด้วย ขณะนี้ ได้มีผู้ประกอบการรีสอร์ตในต่างจังหวัด 2 รายเข้ามาเจรจาบ้างแล้ว แต่ยังไม่สรุปรายละเอียด
สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดฯในปี 55 มองว่า การแข่งขันสูง และมีโอกาสเติบโตที่ดีได้ เนื่องจากผลจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นและคลี่คลายลง ทำให้กระแสความต้องการของการเลือกจับจองเป็นเจ้าของอสังหาฯ ประเภท บ้านจัดสรร บ้านเดี่ยว ตลอดจนทาวน์เฮาส์ ลดน้อยลง เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจซื้อคอนโดฯเป็นบ้านหลังที่ 2 ทำให้ในปีหน้าถือเป็นปีทองของ การลงทุนธุรกิจประเภทคอนโดฯ
นายธิติ ชินสมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุรีธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา กรุ๊ป กล่าวว่า หลังจากสะสมประสบการณ์ทางด้านธุรกิจโรงแรมมาเป็นเวลา 30 ปี และทางครอบครัวของภรรยาได้ดำเนินธุรกิจโรงแรม "แอมบาสเดอร์ สุขุมวิท" ซึ่งต่อมาเมื่อประมาณ 4 ปี ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ แบรนด์ "บุรีธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา" รวม 3 แห่ง คือที่ อำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี, เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และที่พระราม 9 เปิดดำเนินการได้มาเพียง 4 เดือน จึงมีแนวนโยบาย ที่จะพัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยพิจารณาในรูปแบบของคอนโดเทล (คอนโดมิเนียม +โรงแรม) คือ หากลูกค้าที่มาซื้อห้องชุด และไม่ค่อยได้พักอาศัยก็สามารถปล่อยให้เช่าได้ โดยบริษัทฯจะบริหารจัดการให้และการันตีรายได้ 60:40
โดยได้เตรียมนำที่ดินที่เหลือจากการพัฒนารีสอร์ต ย่านพระราม9 จำนวนกว่า 3 ไร่ จากทั้งหมดกว่า 10 ไร่ มาพัฒนาคอนโดฯภายใต้แบรนด์ "Buritara Condotel Bangkok" (บุรีธารา คอนโดเทล กรุงเทพฯ) ในคอนเซ็ปต์ "Green Building" สูง 42 ชั้น ขนาด 36-60 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 70,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป รวม 630 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,400 ล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทย 70% และต่างชาติ 30% โดยเดิมมีแผนจะเปิดตัวในกลางปี 55 แต่จากมหาอุทกภัย ส่งผลให้มีลูกค้าคนไทยเข้ามาพักอาศัยใน "บุรีธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา กรุงเทพฯ" เต็มทุกห้องพัก และยังมียอด Booking รออีกประมาณ 20% ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับแผน เร่งออกแบบและเปิดตัวคอนโดฯเร็วขึ้น เพื่อรองรับดีมานด์ที่เปลี่ยนไปเป็นต้นเดือนม.ค.55 แทน ซึ่งลูกค้าที่ซื้อโครงการในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจะได้รับส่วนลดถึง 25% ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการประมาณกลางปี 55 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 56 โดยในเบื้องต้น เป็น การลงทุนด้วยเงินส่วนตัวทั้งหมด ยังไม่ได้กู้สถาบันการเงินแต่อย่างใด
"จริงๆ แล้ว ตนมีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาให้บริษัทอสังหาฯที่ทำโครงการคอนโดฯย่านสีลมมาก่อน ทำให้เห็นช่องทางในการทำตลาด และจากประสบการณ์การเป็นสถาปนิกและธุรกิจโรงแรมจะทำให้เราสามารถตอบโจทย์ ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะโครงการมีจุดขายที่ชัดเจน แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นที่อาคารจะล้อมรอบด้วยรีสอร์ต ที่มีสวนสวยธรรมชาติ ด้านการบริหารจัดการก็จะเน้นลูกค้าที่เข้ามาพักรายวัน เหมือนบริการโรงแรม ขณะนี้กำลังมองกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวจาก ประเทศในโซนตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จากอินโดนีเซียที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากในขณะนี้ ซึ่งอัตราการเข้าพักจะอยู่ที่ประมาณ 1,600-1,800 บาท/คืน"
สำหรับแผนการรุกตลาดอสังหาฯต่อเนื่อง หรือไม่นั้น นายธิติ ต้องรอดูผลตอบรับจากโครงการดังกล่าวเสียก่อน ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างในการสร้างแบรนด์ "บุรีธารา" ในอนาคตด้วย เพราะตนมีแผนที่จะเข้าไปบริหารจัดการให้ผู้ประกอบการรีสอร์ตต่างๆ ที่ดำเนินธุรกิจมาได้ระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยการ นำแบรนด์ "บุรีธารา" เข้าไปบริหารด้วย ขณะนี้ ได้มีผู้ประกอบการรีสอร์ตในต่างจังหวัด 2 รายเข้ามาเจรจาบ้างแล้ว แต่ยังไม่สรุปรายละเอียด
สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดฯในปี 55 มองว่า การแข่งขันสูง และมีโอกาสเติบโตที่ดีได้ เนื่องจากผลจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นและคลี่คลายลง ทำให้กระแสความต้องการของการเลือกจับจองเป็นเจ้าของอสังหาฯ ประเภท บ้านจัดสรร บ้านเดี่ยว ตลอดจนทาวน์เฮาส์ ลดน้อยลง เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจซื้อคอนโดฯเป็นบ้านหลังที่ 2 ทำให้ในปีหน้าถือเป็นปีทองของ การลงทุนธุรกิจประเภทคอนโดฯ