น้ำท่วมซัดตลาดหนังป่วน ค่ายใหญ่ต้องเลื่อนคิวเข้าฉายใหม่ระลอกใหญ่ หวั่นรายได้ไม่ตามเป้าเพราะพิษน้ำท่วม มาต่อคิวเข้าเพียบช่วงธันวาคม หวังรับเทศกาลจับจ่าย แถมบางเรื่องเลื่อนยาวไปปีหน้าด้วยซ้ำ
นายปัณณทัต พรหมสุภา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด หรือ ยูไอพีตัวแทน 3 ค่ายหนังฮอลลีวู้ด คือ พาราเม้าท์ พิคเจอร์ส, ยูนิเวอร์แซล และ ดรีมเวิร์ค แอนิเมชั่น เปิดเผยว่า ช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ บริษัทยังมีหนังที่จะเข้าฉายถึง 4 เรื่อง คือ 1. The Adventures of Tin Tin จากเดิมกำหนดเข้าฉายวันในที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ต้องเลื่อนกำหนดฉายออกไปกว่า 1 เดือน โดยจะเข้าฉายเป็นวันที่ 29 ธ.ค.แทน เนื่องจากเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่มีกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มคนเมืองและต่างจังหวัด บวกกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังไม่ดีขึ้น จึงต้องเลื่อนฉายออกไป
ทั้งนี้คาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดให้ยูไอพีในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำท่วมด้วยว่าจะดีขึ้นหรือไม่และโรงภาพยนตร์จะกลับมาเปิดให้บริการได้มากขึ้น หรือมเพราะมีโรงหนังหลายแห่งต้องปิดบริการชั่วคราวเพราะปัญหาน้ำท่วม ที่สำคัญอารมณ์ของคนดูเป็นสิ่งสำคัญที่สุดว่าพร้อมจะกลับมาดูหนังกันอีกครั้งหรือไม่ แต่เชื่อว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงปีใหม่ ความบันเทิงน่าจะฟื้นกลับคืนมาได้
ส่วนอีก 3 เรื่องที่มีกำหนดฉายในช่วงนี้ คือ 1. THE PHANTOM OF THE OPERA กำหนดฉายตั้งแต่วันที่ 17-23 พ.ย.ที่ผ่านมา เฉพาะที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น 2.. แอนิเมชั่น เรื่อง Puss in Boots เริ่ม 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ในระบบ 3D, 4DX และIMAX และวันที่ 1 ธ.ค. จะฉายครบทุกระบบ 3. Mission:Impossible4 เข้าฉายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้มีกำหนดฉายคงเดิม
สำหรับช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ยูไอพีมีโปรแกรมหนังเข้าฉาย 2 เรื่อง คือ 1.Paranormal Activity3 กำหนดฉายตามเดิม ทำรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และ 2. Tower Heist ได้เลื่อนฉายออกมา 1 สัปดาห์ เป็นวันที่ 10 พ.ย. จากเดิม 3 พ.ย. มองว่าน่าจะทำรายได้ตามที่วางไว้เช่นกัน
นายปัณณทัต กล่าวต่อว่า ตามแผนเดิมในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทำได้แล้วกว่า 870 ล้านบาท เหลืออีก 130 ล้านบาท กับหนังที่จะเข้าฉายที่เหลือทั้ง 4 เรื่อง ขณะที่รายได้จากหนังทั้ง 4 เรื่องนั้น จากสถานการณ์น้ำท่วม มองว่าจะมีรายได้ต่ำจากเดิมที่วางไว้ประมาณ 20% ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับในปีหน้า บริษัทยังคงมีจำนวนหนังที่จะเข้าฉายใกล้เคียงกับในปีนี้คือประมาณ 20-22 เรื่องตามเดิม แต่เนื่องจากหน้าหนังส่วนใหญ่ไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์ จึงคาดว่าปีหน้าบริษัทน่าจะมีรายได้ราว 500 ล้านบาทเท่านั้น
ด้านแหล่งข่าวจาก บริษัท โคลัมเบีย ไทรสตาร์ บัวนาวิสต้า ประเทศไทย จำกัด ตัวแทนนำเข้าหนัง 2 จากค่ายใหญ่คือ ดิสนีย์ กับโซนี่ กล่าวว่า บริษัทได้เลื่อนโปรแกรมหนังใหญ่เรื่อง REAL STEEL ออกไปเป็นวันที่ 29 ธันวาคมนี้ จากเดิมมีโปรแกรมเข้าฉายในโรงหนังวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการเลื่อนโปรแกรมครั้งที่ 2 แล้ว จากเดิมที่กำหนดฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาแต่ก็ต้องเลื่อนเพราะปัญหาน้ำท่วม
ส่วนทางด้านค่ายฟ๊อกซ์นั้น คาดว่าจะมีเพียงเรื่องเดียวที่เข้าฉายช่วงปลายปีนี้คือ เรื่อง Happy Feet 2 กำหนดเข้าล่าสุดคือฉายวันที่ 8 ธันวาคมนี้
ทางด้านบริษัท สหมงคลฟิล์มกรุ๊ป จำกัด แหล่งข่าวกล่าวว่า ทางบริษัทได้ตัดสินใจเลื่อนโปรแกรมฉายหนังออกไปหลายเรื่อง เนื่องจากติดปัญหาน้ำท่วมหนักในช่วงที่ผ่านมา กลัวจะกระทบกับรายได้ของหนัง โดยหนังที่สหมงคลฟิล์มเลื่อนกำหนดฉายมี 4 เรื่องคือ 1.เรื่อง Twilight Saga : Breaking Dawn : Part 1 จากเดิมจะเข้าฉายวันที่ 24 พฤศจิกายน ได้เลื่อนกำหนดโปรแกรมฉายใหม่เป็นวันที่ 1 ธันวาคม 2. เรื่องImmortals เดิมกำหนดฉายต้นพฤศจิกายน แต่เลื่อนไปเป็นวันที่ 8 ธันวาคม 3. เรื่อง The Kick (หนังไทยผสมเกาหลี) กำหนดเดิมจะเข้าฉายปลายเดือนพฤศจิกายน เลื่อนไปเป็นวันที่ 22 ธันวาคม และ 4. เรื่อง เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้ (หนังไทย) กำหนดฉายเดิม 17 พฤศจิกายน เลื่อนไปเป็นวันที่ 8 ธันวาคม
ส่วนค่ายพระนครฟิล์ม ก็ได้เลื่อนโปรแกรมฉายหนังเรื่อง “มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย” จากเดิมฉาย 27 ต.ค. เป็น วันที่ 12 ม.ค. ปี 2555 แทน
สำหรับภาพยนตร์ไทยเรื่อง “รักเลี้ยวเฟี้ยวว!!(อ่ะ)” ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเลื่อนฉายออกไปอีกเช่นกัน ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์อารมณ์ดีเรื่องแรก ที่เป็นการขยายธุรกิจของกลุ่ม บริษัท ไอพีเอ็ม ทีวี จำกัด ที่มีนายมานพ โตการค้า เจ้าของแพลตฟอร์มดาวเทียม NSS6 ในภูมิภาคเอเชีย และเจ้าของจานส้ม IPM ในระบบ KU BAND ซึ่งมีช่องรายการดูฟรี 120 ช่อง ที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดสูงสุดอยู่ขณะนี้
นายปัณณทัต พรหมสุภา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด หรือ ยูไอพีตัวแทน 3 ค่ายหนังฮอลลีวู้ด คือ พาราเม้าท์ พิคเจอร์ส, ยูนิเวอร์แซล และ ดรีมเวิร์ค แอนิเมชั่น เปิดเผยว่า ช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ บริษัทยังมีหนังที่จะเข้าฉายถึง 4 เรื่อง คือ 1. The Adventures of Tin Tin จากเดิมกำหนดเข้าฉายวันในที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ต้องเลื่อนกำหนดฉายออกไปกว่า 1 เดือน โดยจะเข้าฉายเป็นวันที่ 29 ธ.ค.แทน เนื่องจากเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่มีกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มคนเมืองและต่างจังหวัด บวกกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังไม่ดีขึ้น จึงต้องเลื่อนฉายออกไป
ทั้งนี้คาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดให้ยูไอพีในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำท่วมด้วยว่าจะดีขึ้นหรือไม่และโรงภาพยนตร์จะกลับมาเปิดให้บริการได้มากขึ้น หรือมเพราะมีโรงหนังหลายแห่งต้องปิดบริการชั่วคราวเพราะปัญหาน้ำท่วม ที่สำคัญอารมณ์ของคนดูเป็นสิ่งสำคัญที่สุดว่าพร้อมจะกลับมาดูหนังกันอีกครั้งหรือไม่ แต่เชื่อว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงปีใหม่ ความบันเทิงน่าจะฟื้นกลับคืนมาได้
ส่วนอีก 3 เรื่องที่มีกำหนดฉายในช่วงนี้ คือ 1. THE PHANTOM OF THE OPERA กำหนดฉายตั้งแต่วันที่ 17-23 พ.ย.ที่ผ่านมา เฉพาะที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น 2.. แอนิเมชั่น เรื่อง Puss in Boots เริ่ม 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ในระบบ 3D, 4DX และIMAX และวันที่ 1 ธ.ค. จะฉายครบทุกระบบ 3. Mission:Impossible4 เข้าฉายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้มีกำหนดฉายคงเดิม
สำหรับช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ยูไอพีมีโปรแกรมหนังเข้าฉาย 2 เรื่อง คือ 1.Paranormal Activity3 กำหนดฉายตามเดิม ทำรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และ 2. Tower Heist ได้เลื่อนฉายออกมา 1 สัปดาห์ เป็นวันที่ 10 พ.ย. จากเดิม 3 พ.ย. มองว่าน่าจะทำรายได้ตามที่วางไว้เช่นกัน
นายปัณณทัต กล่าวต่อว่า ตามแผนเดิมในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทำได้แล้วกว่า 870 ล้านบาท เหลืออีก 130 ล้านบาท กับหนังที่จะเข้าฉายที่เหลือทั้ง 4 เรื่อง ขณะที่รายได้จากหนังทั้ง 4 เรื่องนั้น จากสถานการณ์น้ำท่วม มองว่าจะมีรายได้ต่ำจากเดิมที่วางไว้ประมาณ 20% ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับในปีหน้า บริษัทยังคงมีจำนวนหนังที่จะเข้าฉายใกล้เคียงกับในปีนี้คือประมาณ 20-22 เรื่องตามเดิม แต่เนื่องจากหน้าหนังส่วนใหญ่ไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์ จึงคาดว่าปีหน้าบริษัทน่าจะมีรายได้ราว 500 ล้านบาทเท่านั้น
ด้านแหล่งข่าวจาก บริษัท โคลัมเบีย ไทรสตาร์ บัวนาวิสต้า ประเทศไทย จำกัด ตัวแทนนำเข้าหนัง 2 จากค่ายใหญ่คือ ดิสนีย์ กับโซนี่ กล่าวว่า บริษัทได้เลื่อนโปรแกรมหนังใหญ่เรื่อง REAL STEEL ออกไปเป็นวันที่ 29 ธันวาคมนี้ จากเดิมมีโปรแกรมเข้าฉายในโรงหนังวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการเลื่อนโปรแกรมครั้งที่ 2 แล้ว จากเดิมที่กำหนดฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาแต่ก็ต้องเลื่อนเพราะปัญหาน้ำท่วม
ส่วนทางด้านค่ายฟ๊อกซ์นั้น คาดว่าจะมีเพียงเรื่องเดียวที่เข้าฉายช่วงปลายปีนี้คือ เรื่อง Happy Feet 2 กำหนดเข้าล่าสุดคือฉายวันที่ 8 ธันวาคมนี้
ทางด้านบริษัท สหมงคลฟิล์มกรุ๊ป จำกัด แหล่งข่าวกล่าวว่า ทางบริษัทได้ตัดสินใจเลื่อนโปรแกรมฉายหนังออกไปหลายเรื่อง เนื่องจากติดปัญหาน้ำท่วมหนักในช่วงที่ผ่านมา กลัวจะกระทบกับรายได้ของหนัง โดยหนังที่สหมงคลฟิล์มเลื่อนกำหนดฉายมี 4 เรื่องคือ 1.เรื่อง Twilight Saga : Breaking Dawn : Part 1 จากเดิมจะเข้าฉายวันที่ 24 พฤศจิกายน ได้เลื่อนกำหนดโปรแกรมฉายใหม่เป็นวันที่ 1 ธันวาคม 2. เรื่องImmortals เดิมกำหนดฉายต้นพฤศจิกายน แต่เลื่อนไปเป็นวันที่ 8 ธันวาคม 3. เรื่อง The Kick (หนังไทยผสมเกาหลี) กำหนดเดิมจะเข้าฉายปลายเดือนพฤศจิกายน เลื่อนไปเป็นวันที่ 22 ธันวาคม และ 4. เรื่อง เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้ (หนังไทย) กำหนดฉายเดิม 17 พฤศจิกายน เลื่อนไปเป็นวันที่ 8 ธันวาคม
ส่วนค่ายพระนครฟิล์ม ก็ได้เลื่อนโปรแกรมฉายหนังเรื่อง “มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย” จากเดิมฉาย 27 ต.ค. เป็น วันที่ 12 ม.ค. ปี 2555 แทน
สำหรับภาพยนตร์ไทยเรื่อง “รักเลี้ยวเฟี้ยวว!!(อ่ะ)” ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเลื่อนฉายออกไปอีกเช่นกัน ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์อารมณ์ดีเรื่องแรก ที่เป็นการขยายธุรกิจของกลุ่ม บริษัท ไอพีเอ็ม ทีวี จำกัด ที่มีนายมานพ โตการค้า เจ้าของแพลตฟอร์มดาวเทียม NSS6 ในภูมิภาคเอเชีย และเจ้าของจานส้ม IPM ในระบบ KU BAND ซึ่งมีช่องรายการดูฟรี 120 ช่อง ที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดสูงสุดอยู่ขณะนี้