นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่าบริษัทปรัลกลยุทธ์ทางธุรกิจช่วงปลายปีนี้ด้วยการเน้นขายสินค้าที่ประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้ในช่วงการฟื้นฟูหลังสถานการณ์น้ำท่วม อาทิ ปั๊มน้ำ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง รวมถึงการขยายลูกค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ๆ เช่น กล้องวงจรปิด เป็นต้น
สำหรับยอดขายในไตรมาส 4 ปี 54 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ปี 54 ที่มียอดขายกว่า 600 ล้านบาท และบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 54 จะเติบโต 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือเป็นเม็ดเงินกว่า 2.3 พันล้านบาท แม้ว่าจะเกิดปัญหาอุทกภัย แต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว โดยบัญชีลูกค้าที่ถูกน้ำท่วมลดลงเหลือเพียง 300-400 บัญชีที่ไม่สามารถชำระค่างวดได้ จากก่อนหน้านี้อยู่ที่กว่า 8.3 พันบัญชี
" น้ำท่วม กรุงเทพ ฯ เราไม่ค่อยได้รับผลกระทบเพราะลูกค้าในกรุงเทพฯ มีไม่มากประมาณ 5% แต่เราจะใช้โอกาสนี้เป็นการเชื่อมไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายในบางจังหวัดลดลงบ้าง แต่เราจะเน้นในจังหวัดที่ไม่ถูกน้ำท่วมเพื่อชดเชยยอดขายที่หายไป " นายบุญยง กล่าว
สำหรับปี 55 บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 15% หรือเกินกว่า 2.5 พันล้านบาท และปี 56 รายได้น่าจะเกิน 3 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะออกสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเน้นกลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์ ไตรมาส 1 ปี 55 จะออกสินค้าในกลุ่มตู้เติมน้ำมัน ตู้เติมลม และตู้ล้างรถมอเตอร์ไซต์ คาดว่าสัดส่วนยอดขายสินค้าเชิงพาณิชย์ในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 45% จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 40% ส่วนที่เหลือเป็นสินค้ากลุ่มครัวเรือน แม้สินค้าเชิงพาณิชย์จะมีมาร์จิ้นต่ำกว่าสินค้ากลุ่มครัวเรือน แต่มูลค่าขายสูงกว่า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ที่ 5 หมื่นบาท ขณะที่สินค้าครัวเรือนอยู่ที่ 10,000 บาท
นอกจากนี้ ในปี 55 บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ 10 แห่ง จากปัจจุบันมี 186 สาขา และปี 56 มีเป้าหมายมากกว่า 200 สาขา โดยใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 5 แสนบาท และยังเตรียมแผนเปิดสาขาในประเทศพม่า 1 แห่ง ซึ่งจะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ดูแล จากปัจจุบันบริษัทมีสาขาในต่างประเทศ 2 แห่งในลาว ทำยอดขายปีละ 20 ล้านบาท
โดยช่วงต้นปีห 55 บริษัทมีแผนเปิดซิงเกอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นศูนย์รับซ่อมสินค้าของทุกยี่ห้อ โดยนำร่องจากการซ่อมเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งรับแลกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกยี่ห้อเช่นกัน และไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน ซึ่งบริษัทจะนำไปซ่อมแซมและจำหน่ายในราคาถูก แต่หากสินค้าชิ้นไหนไม่สามารถซ่อมแซมได้ก็จะนำไปขายเป็นเศษซาก ปกติบริษัทมีรายได้ในส่วนนี้ประมาณเดือนละ 2 แสนบาท
สำหรับยอดขายในไตรมาส 4 ปี 54 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ปี 54 ที่มียอดขายกว่า 600 ล้านบาท และบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 54 จะเติบโต 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือเป็นเม็ดเงินกว่า 2.3 พันล้านบาท แม้ว่าจะเกิดปัญหาอุทกภัย แต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว โดยบัญชีลูกค้าที่ถูกน้ำท่วมลดลงเหลือเพียง 300-400 บัญชีที่ไม่สามารถชำระค่างวดได้ จากก่อนหน้านี้อยู่ที่กว่า 8.3 พันบัญชี
" น้ำท่วม กรุงเทพ ฯ เราไม่ค่อยได้รับผลกระทบเพราะลูกค้าในกรุงเทพฯ มีไม่มากประมาณ 5% แต่เราจะใช้โอกาสนี้เป็นการเชื่อมไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายในบางจังหวัดลดลงบ้าง แต่เราจะเน้นในจังหวัดที่ไม่ถูกน้ำท่วมเพื่อชดเชยยอดขายที่หายไป " นายบุญยง กล่าว
สำหรับปี 55 บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 15% หรือเกินกว่า 2.5 พันล้านบาท และปี 56 รายได้น่าจะเกิน 3 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะออกสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเน้นกลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์ ไตรมาส 1 ปี 55 จะออกสินค้าในกลุ่มตู้เติมน้ำมัน ตู้เติมลม และตู้ล้างรถมอเตอร์ไซต์ คาดว่าสัดส่วนยอดขายสินค้าเชิงพาณิชย์ในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 45% จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 40% ส่วนที่เหลือเป็นสินค้ากลุ่มครัวเรือน แม้สินค้าเชิงพาณิชย์จะมีมาร์จิ้นต่ำกว่าสินค้ากลุ่มครัวเรือน แต่มูลค่าขายสูงกว่า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ที่ 5 หมื่นบาท ขณะที่สินค้าครัวเรือนอยู่ที่ 10,000 บาท
นอกจากนี้ ในปี 55 บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ 10 แห่ง จากปัจจุบันมี 186 สาขา และปี 56 มีเป้าหมายมากกว่า 200 สาขา โดยใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 5 แสนบาท และยังเตรียมแผนเปิดสาขาในประเทศพม่า 1 แห่ง ซึ่งจะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ดูแล จากปัจจุบันบริษัทมีสาขาในต่างประเทศ 2 แห่งในลาว ทำยอดขายปีละ 20 ล้านบาท
โดยช่วงต้นปีห 55 บริษัทมีแผนเปิดซิงเกอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นศูนย์รับซ่อมสินค้าของทุกยี่ห้อ โดยนำร่องจากการซ่อมเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งรับแลกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกยี่ห้อเช่นกัน และไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน ซึ่งบริษัทจะนำไปซ่อมแซมและจำหน่ายในราคาถูก แต่หากสินค้าชิ้นไหนไม่สามารถซ่อมแซมได้ก็จะนำไปขายเป็นเศษซาก ปกติบริษัทมีรายได้ในส่วนนี้ประมาณเดือนละ 2 แสนบาท