xs
xsm
sm
md
lg

เส้นขนานบนหนทางปฏิวัติประชาชน

เผยแพร่:   โดย: ปิยะโชติ อินทรนิวาส

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญญาชน นักคิด นักเขียนและนักเคลื่อนไหวจำนวนมากพยายามให้ภาพของการดิ้นรนกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนของนักโทษหนีคุกตะรางทักษิณ ชินวัตร ไว้อย่างน่าสนใจ

โดยสรุปก็คือ ต่างคาดไปยังความคิดของคนที่กุมบังเหียนประเทศไทยตัวจริงในเวลานี้ว่าน่าจะดำเนินการใน 2 แนวทาง ได้แก่ สร้างภาพปรองดองแล้วประนีประนอมกับทุกขั้วขอคืนสู่อำนาจอย่างไร้มลทิน กับรวบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบที่พร้อมจะให้เกิดเหตุเลือดนองแผ่นดิน

ในบทความของผมสัปดาห์ที่แล้วได้ให้ภาพการจะนำพาสังคมไทยไปสู่รัฐไทยใหม่ตามที่ระบอบทักษิณต้องการ ปรากฏว่ามีภาพไม่แตกต่างไปจาก 2 แนวทางดังกล่าว เพียงแต่เพิ่มจินตนาการในลักษณะของละครผสมผสานเข้าไป และมีฉากระทึกของการลอบสังหารอยู่ด้วย ซึ่งก็สอดรับกับที่หลายคนให้ความคิดเห็นไว้

สิ่งนี้ทำให้อดหวั่นใจไม่ได้ พานให้คิดไปว่า “สไนเปอร์” กำลังจะถูกทำให้เป็นอุปกรณ์สำคัญของการตั้งรัฐไทยใหม่

ยังมีความน่าจะอกสั่นขวัญแขวนตามมาอีก เมื่อประมวลจากหลายกระแสเสียงที่ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ทักษิณเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ใจร้อน ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ เอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรเป็นต้องได้

แถมสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้จมปลักอยู่ในหลากหลายวิกฤต โดยเฉพาะมหาอุทกภัยและไฟใต้ทำให้รัฐบาลน้องสาวที่ตนเองเชิดอยู่แม้จะเพิ่งโหมโรง แต่กลับดูเหมือนใกล้ลงโลงเข้าไปทุกที คะแนนนิยมจึงนับวันมีแต่จะหดหาย

เหล่านี้ยิ่งทิ้งไว้เนินนาน ยิ่งมีแต่จะเสียการใหญ่ จึงคาดการณ์กันว่าทักษิณน่าจะต้องรีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่างโดยเร็ว

ห้วงเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน มีข่าวสะพัดถึงการเดินแผนปฏิวัติของนักการเมืองในระบอบทักษิณปรากฏชัดเจนขึ้น มีการซ่องสุมกองกำลังไว้ในหลายพื้นที่ รวมถึงในประเทศเพื่อนบ้าน และได้ทยอยนำกองกำลังเหล่านั้นเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑลช่วงปั่นป่วนกับปัญหาน้ำท่วมแล้วจำนวนมาก

กองกำลังที่ว่านี้ส่วนใหญ่มีการติดอาวุธให้เสร็จสรรพ นอกจากตำรวจแล้วยังประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ คนชุดดำที่เคยเคลื่อนไหวในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง พลพรรคเสื้อแดง เครือข่ายอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่ส่งคนไปจัดตั้งและสัญญาจะให้ผลประโยชน์ รวมถึงทหารรับจ้างต่างด้าว

บุคคลหนึ่งที่ออกมาระบุในเรื่องนี้ไว้ชัดคือ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งได้ส่งสัญญาณให้กับทหารหาญทุกเหล่าทัพว่า ให้ระวังนักการเมืองกระทำการปฏิวัติ โดยมีกองทัพเป็นเป้าหมายยึดอำนาจหลัก เสร็จแล้วจะปรับบทบาทตำรวจให้เข้ามาแทนที่ทหาร

จากนั้นจะมีการตั้งหน่วยยานเกราะเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้กับตำรวจตามแนวคิดเคยเกิดขึ้นในสมัย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อีกด้วย เพื่อใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือพร้อมยึดอำนาจทุกเวลา หรือใช้ต่อต้านการปฏิวัติของทหาร รวมทั้งใช้ในการปราบปรามประชาชนที่ไม่พอใจรัฐบาล

อันเป็นผลจากที่ระบอบทักษิณพยายามได้ใส่ไคล้ให้ประชาชนเกลียดชังกองทัพมาอย่างต่อเนื่อง โดยป่าวประกาศและสร้างมายาภาพมาตลอดว่าทหารจ้องจะปฏิวัติ

แต่แท้ที่จริงแล้วพวกนักการเมืองนั่นแหละต้องการยึดอำนาจเสียเอง แล้วปลดผู้นำทหารฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ก่อนนำกองทัพไปซุกไว้ใต้กระโปรงน้องสาวตัวเองในที่สุด

อีกคนหนึ่งที่ตอกย้ำว่าระบอบทักษิณมีการซ่องสุมกองกำลังทหารรับจ้างไว้ในประเทศเพื่อนบ้านจริงคือ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งระบุว่าได้พบกับคนเขมรกลุ่มหนึ่งที่จังหวัดชายแดนอีสาน ทำให้ได้ข้อมูลว่าคนของทักษิณได้จ้างทหารเขมรที่เคยผ่านสงครามเวียดนามไว้แล้ว 5,000 คน

หากเรายังจำภาพเมื่อไม่นานมานี้ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยกับแก๊งเสื้อแดงยกขบวนไปแข่งฟุตบอลและร่วมเลี้ยงฉลองใหญ่โตกับคนของรัฐบาลฮุนเซน อันเป็นไปแบบไม่สนใจไยดีต่อมหาอุทกภัยที่กำลังถล่มพี่น้องร่วมชาติได้ ภาพนั้น อ.สมเกียรติระบุว่าเป็นแค่เพียงฉากบังหน้า

ในทางลับคือ การให้แก่นแกนของระบอบทักษิณได้เชื่อมสัมพันธ์กับพวกทหารรับจ้างต่างด้าวเหล่านั้น

มีข้อที่น่าสังเกตว่า หากสิ่งที่ อ.สมเกียตริบอกเล่าออกมานั้นไม่ใช่เรื่องจริง แล้วไยรัฐบาลกัมพูชาจึงต้องเต้นเป็นเจ้าเข้า โดยไฟเขียวให้โฆษกกระทรวงกลาโหมออกแถลงการณ์ตอบโต้เสียยกใหญ่เมื่อวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะฮุนเซนเองถึงกับอ้างว่า กระทบต่อเสถียรภาพและสันติสุขในภูมิภาค แถมชี้หน้ากลับมาว่าคำพูดของ อ.สมเกียรติเข้าข่ายก่อการร้าย พร้อมจี้ให้คณะกรรมการชายแดนทั่วไปของ 2 ชาติจัดการ

แน่นอนว่าถ้าทักษิณส่งสัญญาณให้นักการเมืองในระบอบของตนนำกองกำลังทำการเผด็จอำนาจ แล้วนำกองทัพไปแอบใต้กระโปรงน้องสาวตนเองได้สำเร็จ เชื่อว่าคำพูดที่จะออกจากเรียวปากของคนหน้าเหลี่ยมแบบหน้าด้านๆ ก็จะเป็นไปในทำนอง...

เป็น “การปฏิวัติของประชาชน” เพื่อสร้าง “รัฐไทยใหม่”

อันเป็นรัฐไทยใหม่ในแบบที่ระบอบทักษิณพร่ำพ่นมาตลอดว่า จะทำให้เกิดประชาธิปไตยสมบูรณ์ขึ้นในสังคมไทย ซึ่งพลพรรคเพื่อไทยและแก๊งแดงกร่างได้ต่อสู้เพื่อเรื่องนี้จนเป็นที่ประจักษ์ในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองให้เห็นมาแล้ว

สำหรับการปฏิวัติประชาชนในรูปลักษณ์นี้แตกต่างราวฟ้ากับดินเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่พี่น้องพันธมิตรฯ คิดฝันอยากจะให้เกิดขึ้นจริงคือ การลุกฮือของมวลมหาประชาชนเพื่อโค่นล้มอำนาจรัฐที่ไม่ชอบธรรม โดยมีทหารเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กคอยคุ้มครองให้

จากนั้นก็ถือโอกาสล้างระบบการเมืองน้ำเน่าและขจัดบรรดานักการเมืองเก่าๆ ให้พ้นไป แล้วทุกฝ่ายก็ร่วมกันใช้ระบบคุณธรรมสรรหาคณะบริหารประเทศขึ้นมาชั่วคราว หรืออาจจะราว 5 ปีเป็นอย่างน้อย ก่อนที่จะเปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ เหมือนกับที่แกนนำพันธมิตรฯ เคยเสนอไว้แล้ว

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่าง 2 แนวคิดการปฏิวัติประชาชนที่กล่าวมาข้างต้นก็คือ

การปฏิวัติประชาชนของระบอบทักษิณ ต้องการให้ผู้นำที่เป็นนักโทษหนีคุกคือ ทักษิณ ชินวัตร กลับมามีอำนาจในระบบการเมืองไทยแบบเก่าๆ

ขณะที่การปฏิวัติประชาชนของพันธมิตรฯ ต้องการให้เกิดการล้างระบบการเมืองและนักการเมืองอุบาทว์น้ำเน่าแบบเก่าๆ ให้หมดไปจากสังคมไทย โดยเฉพาะนักการเมืองอย่างทักษิณ ชินวัตร พลพรรคเพื่อไทย และแก๊งแดงกร่าง

ดังนี้แล้ว การปฏิวัติประชาชนของระบอบทักษิณกับของพันธมิตรฯ จึงเป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้เลย.
กำลังโหลดความคิดเห็น