ศูนย์ข่าวศรีราชา -น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจทางการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของภาคตะวันออก พบบีโอไอยังคงอนุมัติการนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรตามปกติ ขณะที่ ผอ.บีโอไอเผย นอกจากจะไม่มีการเคลื่อนย้ายการลงทุนออกนอกพื้นที่แล้ว ในอนาคตยังอาจต้องรองรับการย้ายโรงงานจากพื้นที่น้ำท่วมเข้าตั้งฐานผลิตในภาคตะวันออกด้วย
นายสุวิทย์ ฉั่ววิเชียร ผู้อำนวยการ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 ( บีโอไอ ชลบุรี) เผยว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล ยังไม่มีผลกระทบต่อความมั่นใจทางการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยปัจจุบันนักลงทุนในพื้นที่ยังไม่มีความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังมั่นใจว่า ภาคตะวันออก ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยจากปัญหาน้ำท่วม ซึ่งปัจจุบันสำนักงาน บีโอไอภาคตะวันออก ยังคงมีการอนุมัติการนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรกลในภาวะปกติ หรือเฉลี่ยประมาณ 900 งวดต่อวัน ขณะที่ภาคการผลิตในพื้นที่ยังคงเป็นไปตามปกติ และไม่วี่แววของการเตรียมย้ายฐานการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ สิ่งที่ บีโอไอ ตอ.เตรียมที่จะรับมือจากปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ คือ การจัดข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ รวมถึงการมองหาโรงงานให้เช่า เพื่อรองรับนักลงทุนที่เตรียมขยับขยายการลงทุนจากพื้นที่น้ำท่วมออกสู่ภาคตะวันออกเป็นการชั่วคราว หรือถาวร เพราะหากการกู้นิคมฯโรจนะ แล้วเสร็จตามที่รัฐบาลได้ประเมินไว้ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการได้เข้าไปตรวจสอบเครื่องจักรกล รวมถึงเครื่องมือต่างๆ ว่า จะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือไม่ หรืออาจต้องหาโรงงานสำรอง เพื่อรองรับการผลิตในระยะ 3-6 เดือนเพื่อให้การกู้โรงงานต่างๆ แล้วเสร็จ
“ตอนนี้เราก็ประเมินสถานการณ์ข่าวแบบวันต่อวันเช่นกัน เพื่อรอฟังว่าการกู้นิคมฯต่างๆ เป็นไปอย่างไร ซึ่งหากโรงงานที่สามารถกู้เครื่องจักรได้ และสามารถกลับมาผลิตในพื้นที่ตั้งได้ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า ก็จำเป็นจะต้องหาโรงงานสำรอง เพื่อย้ายการผลิตชั่วคราว ขณะนี้ บีโอไอ ตอ.ก็เริ่มได้รับการสอบถามจากผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานให้เช่า และพื้นที่สำหรับตั้งโรงงานใหม่แล้ว หากมีการย้ายโรงงานจริง ก็จะมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ที่ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศกำลังประสบปัญหานี้ ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไป แต่ในส่วนความพร้อม เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนนั้นเรามีอย่างเต็มที่”
นายสุวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ในอนาคตภาคตะวันออก อาจเป็นพื้นที่หลักที่จะมีการย้ายเข้ามาของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากมีการย้ายเข้ามาเช่าโรงงานเพื่อการผลิตชั่วคราวในพื้นที่ในขณะนี้ ก็อาจทำให้การประเมินตัวเลขการลงทุนเมื่อสิ้นปี 2554 ที่มีการคาดการณ์กันไว้ว่าในพื้นที่ภาคตะวันออก น่าจะมีการขอส่งเสริมการลงทุนไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ก็อาจจะมีตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้น
นายสุวิทย์ ฉั่ววิเชียร ผู้อำนวยการ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 ( บีโอไอ ชลบุรี) เผยว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล ยังไม่มีผลกระทบต่อความมั่นใจทางการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยปัจจุบันนักลงทุนในพื้นที่ยังไม่มีความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังมั่นใจว่า ภาคตะวันออก ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยจากปัญหาน้ำท่วม ซึ่งปัจจุบันสำนักงาน บีโอไอภาคตะวันออก ยังคงมีการอนุมัติการนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรกลในภาวะปกติ หรือเฉลี่ยประมาณ 900 งวดต่อวัน ขณะที่ภาคการผลิตในพื้นที่ยังคงเป็นไปตามปกติ และไม่วี่แววของการเตรียมย้ายฐานการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ สิ่งที่ บีโอไอ ตอ.เตรียมที่จะรับมือจากปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ คือ การจัดข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ รวมถึงการมองหาโรงงานให้เช่า เพื่อรองรับนักลงทุนที่เตรียมขยับขยายการลงทุนจากพื้นที่น้ำท่วมออกสู่ภาคตะวันออกเป็นการชั่วคราว หรือถาวร เพราะหากการกู้นิคมฯโรจนะ แล้วเสร็จตามที่รัฐบาลได้ประเมินไว้ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการได้เข้าไปตรวจสอบเครื่องจักรกล รวมถึงเครื่องมือต่างๆ ว่า จะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือไม่ หรืออาจต้องหาโรงงานสำรอง เพื่อรองรับการผลิตในระยะ 3-6 เดือนเพื่อให้การกู้โรงงานต่างๆ แล้วเสร็จ
“ตอนนี้เราก็ประเมินสถานการณ์ข่าวแบบวันต่อวันเช่นกัน เพื่อรอฟังว่าการกู้นิคมฯต่างๆ เป็นไปอย่างไร ซึ่งหากโรงงานที่สามารถกู้เครื่องจักรได้ และสามารถกลับมาผลิตในพื้นที่ตั้งได้ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า ก็จำเป็นจะต้องหาโรงงานสำรอง เพื่อย้ายการผลิตชั่วคราว ขณะนี้ บีโอไอ ตอ.ก็เริ่มได้รับการสอบถามจากผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานให้เช่า และพื้นที่สำหรับตั้งโรงงานใหม่แล้ว หากมีการย้ายโรงงานจริง ก็จะมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ที่ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศกำลังประสบปัญหานี้ ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไป แต่ในส่วนความพร้อม เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนนั้นเรามีอย่างเต็มที่”
นายสุวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ในอนาคตภาคตะวันออก อาจเป็นพื้นที่หลักที่จะมีการย้ายเข้ามาของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากมีการย้ายเข้ามาเช่าโรงงานเพื่อการผลิตชั่วคราวในพื้นที่ในขณะนี้ ก็อาจทำให้การประเมินตัวเลขการลงทุนเมื่อสิ้นปี 2554 ที่มีการคาดการณ์กันไว้ว่าในพื้นที่ภาคตะวันออก น่าจะมีการขอส่งเสริมการลงทุนไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ก็อาจจะมีตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้น
