อยุธยา ทุ่มงบ 10 ล้านบาท ฟื้นท่องเที่ยวปีหน้า ใช้โอกาสครบ 20 ปีเมืองมรดกโลก วางแผน อัดกิจกรรมรายเดือน ภายใต้แนวคิด ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ในสมัยเป็นราชธานี ด้านกระทรวงการท่องเที่ยว เล็งเพิ่มศูนย์ให้บริการนักท่องเที่ยว คลุมทั่วประเทศ
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในปี2555 เตรียมใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้การท่องเที่ยวของจังหวัดกลับมาคึกคัก ภายหลังประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ ในปีนี้ พร้อมกับถือโอกาส เฉลิมฉลองครบ 20 ปี ที่อยุธยา ได้เป็นเมืองมรดกโลก
รูปแบบงานจะจัดกิจกรรมทุกเดือน ภายใต้แนวคิดความสัมพันธ์กับต่างประเทศ เพราะประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาเป็นราชธานี ได้เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางของภูมิภาคในการค้าขายกับต่างประเทศ โดยประเทศที่อยุธยามีความสัมพันธ์ในยุคนั้น ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฮอลันดา เปอร์เซีย โปรตุเกส อังกฤษ ศรีลังกา เป็นต้น
“ เราจะจัดงานในแต่ละเดือน โดยยกกิจกรรมสำคัญของประเทศนั้นๆ มาจัดที่อยุธยาด้วย ซึ่งทางจังหวัด จะร่วมกับสถานฑูตของประเทศเจ้าของงาน เพื่อจัดเป็นกิจกรรม เช่น เดือน พฤษภาคม จะมีงานมหกรรมอาหาร ของเปอร์เซีย ก็จะยกกิจกรรมนี้มาจัด เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวจากกลุ่มคนไทย และชาวต่างชาติ ส่วนงบประมาณที่ใช้จะมาจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอยุธยา”
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปี มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมายังจังหวัดอยุธยาเฉลี่ย 3 ล้านคนเศษ มีวันพักเฉลี่ย 1.4 วัน ต่อคน ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอยุธยา เริ่มเปิดให้บริการแล้ว 80% คาดเปิดได้เต็ม 100% ในเดือนธันวาคมนี้
ด้านนายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่อเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว กระทรวงฯมีแนวคิด เพิ่มจำนวนศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว จากปัจจุบัน มีอยู่ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกรมท่องเที่ยว โดยพื้นที่ที่จะเพิ่ม ได้แก่ สนามบินนานาชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยทุกแห่ง ตลอดจนตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยเหลือนักท่องเที่ยว มั่นใจว่าการทำงานจะไม่ซ้ำซ้อนกับตำรวจท่องเที่ยว แต่จะเกื้อหนุนให้งานบริการดีขึ้น เช่น การช่วยเหลือในเรื่องการติดต่อกับหน่วยราชการอื่นๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามระหว่างที่ยังไม่มีงบประมาณจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวครอบคลุมสนามบินนานาชาติทุกแห่งในประเทศ รวมถึงพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต พัทยา หาดใหญ่ เป็นต้น กระทรวงฯ จะขอให้สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ในท้องที่ต่างๆ ที่มีอยู่ ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวไปก่อน
“ในแต่ละศูนย์ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ 2-3 คน รวมถึง การจ้างลูกจ้างชั่วคราวที่มีความถนัดด้านภาษาต่างประเทศอีกราวศูนย์ละ 10 คน ซึ่งหากการใช้บริการของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นก็จะเพิ่มเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ”
อย่างไรก็ตาม สถิตินักท่องเที่ยว เข้าใช้บริการศูนย์ฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เฉลี่ยศูนย์ฯ ละ 200 คนต่อวัน แต่ช่วงน้ำท่วม จะเหลือราว 100 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เข้ามาสอบถามเส้นทางการเดินทาง และ สถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางไปได้ ส่วนเรื่องร้องเรียน ได้แก่ การถูกหลอกลวงให้ซื้ออัญมณีที่คุณภาพต่ำ แท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์ เป็นต้น
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในปี2555 เตรียมใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้การท่องเที่ยวของจังหวัดกลับมาคึกคัก ภายหลังประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ ในปีนี้ พร้อมกับถือโอกาส เฉลิมฉลองครบ 20 ปี ที่อยุธยา ได้เป็นเมืองมรดกโลก
รูปแบบงานจะจัดกิจกรรมทุกเดือน ภายใต้แนวคิดความสัมพันธ์กับต่างประเทศ เพราะประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาเป็นราชธานี ได้เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางของภูมิภาคในการค้าขายกับต่างประเทศ โดยประเทศที่อยุธยามีความสัมพันธ์ในยุคนั้น ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฮอลันดา เปอร์เซีย โปรตุเกส อังกฤษ ศรีลังกา เป็นต้น
“ เราจะจัดงานในแต่ละเดือน โดยยกกิจกรรมสำคัญของประเทศนั้นๆ มาจัดที่อยุธยาด้วย ซึ่งทางจังหวัด จะร่วมกับสถานฑูตของประเทศเจ้าของงาน เพื่อจัดเป็นกิจกรรม เช่น เดือน พฤษภาคม จะมีงานมหกรรมอาหาร ของเปอร์เซีย ก็จะยกกิจกรรมนี้มาจัด เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวจากกลุ่มคนไทย และชาวต่างชาติ ส่วนงบประมาณที่ใช้จะมาจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอยุธยา”
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปี มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมายังจังหวัดอยุธยาเฉลี่ย 3 ล้านคนเศษ มีวันพักเฉลี่ย 1.4 วัน ต่อคน ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอยุธยา เริ่มเปิดให้บริการแล้ว 80% คาดเปิดได้เต็ม 100% ในเดือนธันวาคมนี้
ด้านนายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่อเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว กระทรวงฯมีแนวคิด เพิ่มจำนวนศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว จากปัจจุบัน มีอยู่ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกรมท่องเที่ยว โดยพื้นที่ที่จะเพิ่ม ได้แก่ สนามบินนานาชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยทุกแห่ง ตลอดจนตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยเหลือนักท่องเที่ยว มั่นใจว่าการทำงานจะไม่ซ้ำซ้อนกับตำรวจท่องเที่ยว แต่จะเกื้อหนุนให้งานบริการดีขึ้น เช่น การช่วยเหลือในเรื่องการติดต่อกับหน่วยราชการอื่นๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามระหว่างที่ยังไม่มีงบประมาณจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวครอบคลุมสนามบินนานาชาติทุกแห่งในประเทศ รวมถึงพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต พัทยา หาดใหญ่ เป็นต้น กระทรวงฯ จะขอให้สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ในท้องที่ต่างๆ ที่มีอยู่ ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวไปก่อน
“ในแต่ละศูนย์ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ 2-3 คน รวมถึง การจ้างลูกจ้างชั่วคราวที่มีความถนัดด้านภาษาต่างประเทศอีกราวศูนย์ละ 10 คน ซึ่งหากการใช้บริการของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นก็จะเพิ่มเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ”
อย่างไรก็ตาม สถิตินักท่องเที่ยว เข้าใช้บริการศูนย์ฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เฉลี่ยศูนย์ฯ ละ 200 คนต่อวัน แต่ช่วงน้ำท่วม จะเหลือราว 100 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เข้ามาสอบถามเส้นทางการเดินทาง และ สถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางไปได้ ส่วนเรื่องร้องเรียน ได้แก่ การถูกหลอกลวงให้ซื้ออัญมณีที่คุณภาพต่ำ แท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์ เป็นต้น
