เอเอฟพี – สภานิติบัญญัติแดนกิมจิโหวตรับรองข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ ที่ถูกดองมานาน โดยระหว่างการประชุมได้เกิดเหตุโกลาหลช่วงสั้นๆ เมื่อสมาชิกฝ่ายค้านยิงก๊าซน้ำตาไปที่หน้าแท่นประธานสภา เล่นเอาสมาชิกผู้ทรงเกียรติน้ำตาร่วงตามๆ กัน
สมาชิกพรรค แกรนด์ เนชันแนล ปาร์ตี้ (จีเอ็นพี) อันเป็นฝ่ายรัฐบาล อาศัยช่วงที่ฝ่ายค้านไม่ทันตั้งตัว เรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นการด่วนในช่วงบ่ายวันอังคาร (22) เพื่อผลักดันให้มีการลงมติข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ ที่เจอโรคเลื่อนครั้งแล้วครั้งเล่า เนื่องจากประเมินแล้วว่าไม่น่าจะหาทางประนีประนอมกับฝ่ายค้านได้
แต่ก่อนที่จะโหวต สมาชิกสภาไอและขยี้ตากันจ้าละหวั่น หลังกระสุนก๊าซน้ำตาถูกยิงออกมาหน้าแท่นประธานสภา โดยส.ส.มือดีถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวออกจากห้องประชุมในสภาพที่ยังตะโกนคัดค้านข้อตกลงเสียงดัง
หลังจากนั้น การประชุมเริ่มต้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว และในที่สุดสภาก็ให้สัตยาบันรับรองด้วยคะแนน 151-7 ทั้งนี้รัฐสภาเกาหลีใต้เป็นระบบสภาเดียว คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
รัฐสภาสหรัฐฯให้สัตยาบันข้อตกลงนี้ไปแล้วในเดือนตุลาคม จีเอ็นพีก็พยายามให้สภาโสมขาวลงมติบ้าง แต่ไม่สามารถฝ่าด่านการสกัดกั้นของฝ่ายค้านได้ ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหว แรงงาน และเกษตรกร ก็คอยรวมตัวออกมาประท้วงบนถนน และตำรวจต้องใช้เครื่องฉีดน้ำสลายการชุมนุมในบางครั้ง
จีเอ็นพี แม้มีเสียงข้างมากในสภา แต่ก็ลังเลอยู่นานไม่อยากผลักดันข้อตกลงดังกล่าวด้วยการลงคะแนนแบบไม่ฟังใคร เนื่องจากทราบดีว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวเกาหลีใต้จำนวนมากคัดค้าน ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาและประธานาธิบดีในปีหน้าอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่แล้ว จีเอ็นพีประกาศว่าคงต้องใช้เสียงข้างมากจนได้ หลังจากที่ฝ่ายค้านปฏิเสธข้อเสนอประนีประนอมของประธานาธิบดีลี เมียงบัค
ทั้งนี้ ผู้นำแดนกิมจิรับปากว่าภายใน 3 เดือนหลังจากที่ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ จะขอให้วอชิงตันแก้ไขข้อตกลงในส่วนที่ระบุว่า หากเกิดข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนกับภาครัฐ จะอนุญาตให้คณะผู้ไกล่เกลี่ยจากต่างชาติเข้ามาจัดการ ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าเป็นการละเมิดความเป็นอิสระของระบบกฎหมายของประเทศ
ในทางกลับกัน พรรครัฐบาลวิจารณ์ว่าฝ่ายค้านพยายามขัดขวางข้อตกลงที่ตัวเองเป็นผู้ผลักดันเริ่มแรกด้วยการลงนามรับรองในปี 2007 ขณะที่บริหารประเทศอยู่ และมีการแก้ไขข้อตกลงนี้เมื่อปีที่แล้วตามการร้องเรียนของบริษัทรถยนต์อเมริกัน
อนึ่ง นอกเหนือจากจีนและญี่ปุ่น ปัจจุบัน เกาหลีใต้ที่พึ่งพิงการส่งออก ยังได้ทำข้อตกลงการค้าเสรีกับตลาดหลักส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรป (อียู) อินเดีย และสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 88,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่โซลเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 10,000 ล้านดอลลาร์
สมาชิกพรรค แกรนด์ เนชันแนล ปาร์ตี้ (จีเอ็นพี) อันเป็นฝ่ายรัฐบาล อาศัยช่วงที่ฝ่ายค้านไม่ทันตั้งตัว เรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นการด่วนในช่วงบ่ายวันอังคาร (22) เพื่อผลักดันให้มีการลงมติข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ ที่เจอโรคเลื่อนครั้งแล้วครั้งเล่า เนื่องจากประเมินแล้วว่าไม่น่าจะหาทางประนีประนอมกับฝ่ายค้านได้
แต่ก่อนที่จะโหวต สมาชิกสภาไอและขยี้ตากันจ้าละหวั่น หลังกระสุนก๊าซน้ำตาถูกยิงออกมาหน้าแท่นประธานสภา โดยส.ส.มือดีถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวออกจากห้องประชุมในสภาพที่ยังตะโกนคัดค้านข้อตกลงเสียงดัง
หลังจากนั้น การประชุมเริ่มต้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว และในที่สุดสภาก็ให้สัตยาบันรับรองด้วยคะแนน 151-7 ทั้งนี้รัฐสภาเกาหลีใต้เป็นระบบสภาเดียว คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
รัฐสภาสหรัฐฯให้สัตยาบันข้อตกลงนี้ไปแล้วในเดือนตุลาคม จีเอ็นพีก็พยายามให้สภาโสมขาวลงมติบ้าง แต่ไม่สามารถฝ่าด่านการสกัดกั้นของฝ่ายค้านได้ ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหว แรงงาน และเกษตรกร ก็คอยรวมตัวออกมาประท้วงบนถนน และตำรวจต้องใช้เครื่องฉีดน้ำสลายการชุมนุมในบางครั้ง
จีเอ็นพี แม้มีเสียงข้างมากในสภา แต่ก็ลังเลอยู่นานไม่อยากผลักดันข้อตกลงดังกล่าวด้วยการลงคะแนนแบบไม่ฟังใคร เนื่องจากทราบดีว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวเกาหลีใต้จำนวนมากคัดค้าน ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาและประธานาธิบดีในปีหน้าอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่แล้ว จีเอ็นพีประกาศว่าคงต้องใช้เสียงข้างมากจนได้ หลังจากที่ฝ่ายค้านปฏิเสธข้อเสนอประนีประนอมของประธานาธิบดีลี เมียงบัค
ทั้งนี้ ผู้นำแดนกิมจิรับปากว่าภายใน 3 เดือนหลังจากที่ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ จะขอให้วอชิงตันแก้ไขข้อตกลงในส่วนที่ระบุว่า หากเกิดข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนกับภาครัฐ จะอนุญาตให้คณะผู้ไกล่เกลี่ยจากต่างชาติเข้ามาจัดการ ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าเป็นการละเมิดความเป็นอิสระของระบบกฎหมายของประเทศ
ในทางกลับกัน พรรครัฐบาลวิจารณ์ว่าฝ่ายค้านพยายามขัดขวางข้อตกลงที่ตัวเองเป็นผู้ผลักดันเริ่มแรกด้วยการลงนามรับรองในปี 2007 ขณะที่บริหารประเทศอยู่ และมีการแก้ไขข้อตกลงนี้เมื่อปีที่แล้วตามการร้องเรียนของบริษัทรถยนต์อเมริกัน
อนึ่ง นอกเหนือจากจีนและญี่ปุ่น ปัจจุบัน เกาหลีใต้ที่พึ่งพิงการส่งออก ยังได้ทำข้อตกลงการค้าเสรีกับตลาดหลักส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรป (อียู) อินเดีย และสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 88,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่โซลเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 10,000 ล้านดอลลาร์
