นางเทียนทิพ สุพานิช ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดว่ากำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 54 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือกว่า 5.1 แสนล้านบาท จากจำนวนบริษัทจดทะเบียน 400 กว่าแห่ง โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น มาจากยอดขายในไตรมาส 3 ที่ปรับเพิ่มขึ้นรวม 2.1 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และในงวด 9 เดือนมียอดขาย 6 ล้านล้านบาท
สำหรับในไตรมาส 4/54 มองว่าผลกระทบจากน้ำท่วม อาจจะทำให้บริษัทจดทะเบียนได้รับผลกระทบด้านกำไรลดลง แต่ไม่มาก โดยคิดเป็น 1% ของมาร์เก็ตแคป ซึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบมีจำนวน 30 แห่ง อีกทั้งแต่ละแห่งมีมาร์เก็ตแคปไม่มาก
ทั้งนี้ มาร์เก็ตแคป ณ สิ้น ต.ค. 54 เท่ากับ 8,052,723.48 บาท เทียบกับเดือน ก.ย. 54 ที่มีมาร์เก็ตแคป 7,568,516.47 บาท
นางเทียนทิพ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุน รวมถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เห็นได้จากนักลงทุนต่างประเทศต่างให้ความสนใจและโยกเงินมาลงทุนในตลาดภูมิภาคนี้ และหุ้นไทยด้วย ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในคือ วิกฤตน้ำท่วมที่ทำให้จีดีพีลดลง เพราะจากตัวเลข พบว่า ครึ่งเดือนแรกของพ.ย. ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.29% ปรับตัวสูงกว่าตลาดในภูมิภาค เช่น ฟิลิปปินส์ สูงขึ้น 0.18% อินโดนีเซีย 0.6%
ขณะที่ดัชนีหุ้นในตลาดยุโรป ตั้งแต่ต้นปี 54 จนถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลดลง 15% ส่วนตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปีก็ปรับลดลงเช่นกันแต่ปรับในอัตราที่น้อยกว่า เพราะปัจจัยในยุโรปยังไม่ชัดเจนและยังต้องติดตาม โดยเฉพาะหนี้สาธารณะของยุโรป และ แนวโน้มการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3 )ของสหรัฐ
"ปัจจัยการเมืองตอนนี้คงไม่ชนะเรื่องปัจจัยน้ำท่วม เพราะน้ำท่วมส่งผลกระทบทั้งในแง่นักลงทุน และซัพพลายเชน ตลาดหุ้นไทยจะเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศมากกว่าปัจจัยในประเทศ แต่ปัจจัยในประเทศมีผลเหมือนกับแต่เป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น" นางเทียนทิพ กล่าว
สำหรับในไตรมาส 4/54 มองว่าผลกระทบจากน้ำท่วม อาจจะทำให้บริษัทจดทะเบียนได้รับผลกระทบด้านกำไรลดลง แต่ไม่มาก โดยคิดเป็น 1% ของมาร์เก็ตแคป ซึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบมีจำนวน 30 แห่ง อีกทั้งแต่ละแห่งมีมาร์เก็ตแคปไม่มาก
ทั้งนี้ มาร์เก็ตแคป ณ สิ้น ต.ค. 54 เท่ากับ 8,052,723.48 บาท เทียบกับเดือน ก.ย. 54 ที่มีมาร์เก็ตแคป 7,568,516.47 บาท
นางเทียนทิพ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุน รวมถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เห็นได้จากนักลงทุนต่างประเทศต่างให้ความสนใจและโยกเงินมาลงทุนในตลาดภูมิภาคนี้ และหุ้นไทยด้วย ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในคือ วิกฤตน้ำท่วมที่ทำให้จีดีพีลดลง เพราะจากตัวเลข พบว่า ครึ่งเดือนแรกของพ.ย. ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.29% ปรับตัวสูงกว่าตลาดในภูมิภาค เช่น ฟิลิปปินส์ สูงขึ้น 0.18% อินโดนีเซีย 0.6%
ขณะที่ดัชนีหุ้นในตลาดยุโรป ตั้งแต่ต้นปี 54 จนถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลดลง 15% ส่วนตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปีก็ปรับลดลงเช่นกันแต่ปรับในอัตราที่น้อยกว่า เพราะปัจจัยในยุโรปยังไม่ชัดเจนและยังต้องติดตาม โดยเฉพาะหนี้สาธารณะของยุโรป และ แนวโน้มการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3 )ของสหรัฐ
"ปัจจัยการเมืองตอนนี้คงไม่ชนะเรื่องปัจจัยน้ำท่วม เพราะน้ำท่วมส่งผลกระทบทั้งในแง่นักลงทุน และซัพพลายเชน ตลาดหุ้นไทยจะเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศมากกว่าปัจจัยในประเทศ แต่ปัจจัยในประเทศมีผลเหมือนกับแต่เป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น" นางเทียนทิพ กล่าว
