ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าของบ้านทรงจีนโบราณอายุ 170 ปี บนถนนนางงามย่านเมืองเก่าสงขลา ที่ถูกลมและฝนกระหน่ำจนพังทั้งหลัง เรียกร้องให้กรมศิลปากรหาข้อสรุปที่ชัดเจนในเรื่องการบูรณะใหม่ ทั้งในเรื่องงบประมาณและรูปแบบการก่อสร้าง หลังจากยืดเยื้อมา 3 ปี เนื่องจากต้องการรื้อถอนนำที่ดินไปใช้ประโยชน์
วานนี้(1 พ.ย.) นางรัชนีภรณ์ และนางสาวณัฐฐิญา อุดมรัตน์ฐานิช สองแม่ลูกเจ้าของบ้านทรงจีนโบราณอายุ 170 ปี บนถนนนางงามย่านเมืองเก่าสงขลา ที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งถูกลมและฝนกระหน่ำพังเสียหายเมื่อคืนวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมาตรวจสภาพความเสียหายของบ้านที่ตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
นางสาวณัฐฐิญา เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ และรู้สึกเสียดายที่บ้านโบราณหลังนี้ต้องพังเสียหายหมดทั้งหลัง ทั้งนี้ ตนต้องการความชัดเจนจากกรมศิลปากรว่าจะดำเนินการบูรณะและสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาใหม่หรือไม่ รวมทั้งเรื่องงบประมาณและรูปแบบในการก่อสร้าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ กรมศิลปากรบอกว่าถึงแม้บ้านจะพังแต่ก็ต้องบูรณะและสร้างขึ้นมาใหม่ และจะสร้างตามแบบแปลนที่กรมศิลปากรได้ออกแบบไว้
แต่ที่ผ่านมายังติดขัดและไม่มีความชัดเจนในเรื่องของงบประมาณ ซึ่งจากเดิมที่กรมศิลปากรบอกว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ต่อมาบอกว่างบประมาณไม่พอ ตนต้องจ่ายบางส่วน เนื่องจากติดขัดในเรื่องของระเบียบ ซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในที่ดินของเอกชน
นางสาวณัฐฐิญา ยังระบุอีกว่า ครอบครัวของตนยินดีที่จะให้มีการบูรณะบ้านหลังนี้ขึ้นมาใหม่ แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาหลังจากที่มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ยังอยู่ระหว่างรอการบูรณะกระทั่งพังลงมา จึงต้องการข้อสรุปที่ชัดเจนว่ากรมศิลปากรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และอยากให้ทุกฝ่ายเห็นใจครอบครัวตนด้วย ที่ผ่านมาทุกคนบอกว่าให้อนุรักษ์ไว้เพราะเป็นบ้านเก่าซึ่งตนเข้าใจดี แต่ตนก็อยากจะรื้อถอนเพื่อนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เช่นกัน
วานนี้(1 พ.ย.) นางรัชนีภรณ์ และนางสาวณัฐฐิญา อุดมรัตน์ฐานิช สองแม่ลูกเจ้าของบ้านทรงจีนโบราณอายุ 170 ปี บนถนนนางงามย่านเมืองเก่าสงขลา ที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งถูกลมและฝนกระหน่ำพังเสียหายเมื่อคืนวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมาตรวจสภาพความเสียหายของบ้านที่ตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
นางสาวณัฐฐิญา เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ และรู้สึกเสียดายที่บ้านโบราณหลังนี้ต้องพังเสียหายหมดทั้งหลัง ทั้งนี้ ตนต้องการความชัดเจนจากกรมศิลปากรว่าจะดำเนินการบูรณะและสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาใหม่หรือไม่ รวมทั้งเรื่องงบประมาณและรูปแบบในการก่อสร้าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ กรมศิลปากรบอกว่าถึงแม้บ้านจะพังแต่ก็ต้องบูรณะและสร้างขึ้นมาใหม่ และจะสร้างตามแบบแปลนที่กรมศิลปากรได้ออกแบบไว้
แต่ที่ผ่านมายังติดขัดและไม่มีความชัดเจนในเรื่องของงบประมาณ ซึ่งจากเดิมที่กรมศิลปากรบอกว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ต่อมาบอกว่างบประมาณไม่พอ ตนต้องจ่ายบางส่วน เนื่องจากติดขัดในเรื่องของระเบียบ ซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในที่ดินของเอกชน
นางสาวณัฐฐิญา ยังระบุอีกว่า ครอบครัวของตนยินดีที่จะให้มีการบูรณะบ้านหลังนี้ขึ้นมาใหม่ แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาหลังจากที่มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ยังอยู่ระหว่างรอการบูรณะกระทั่งพังลงมา จึงต้องการข้อสรุปที่ชัดเจนว่ากรมศิลปากรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และอยากให้ทุกฝ่ายเห็นใจครอบครัวตนด้วย ที่ผ่านมาทุกคนบอกว่าให้อนุรักษ์ไว้เพราะเป็นบ้านเก่าซึ่งตนเข้าใจดี แต่ตนก็อยากจะรื้อถอนเพื่อนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เช่นกัน