วานนี้ (1 พ.ย.) นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดเผยว่า สภาฯขอเลื่อนการประชุมวันที่ 2-3พ.ย.ออกไปเป็นวันที่ 11-12 พ.ย. ทั้งนี้ในสัปดาห์ดังกล่าวนั้น จะมีการเรียกประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ในวันที่ 9-10 พ.ย. ภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือมาถึงสภาฯ เพื่อขอให้สภาฯพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2555 และขณะนี้ตนได้ลงนามเพื่อบรรจุวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในสัปดาห์หน้าทางสภาฯ จะมีการประชุมติดต่อกัน จำนวน 4 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 9-12 พ.ย.
“ส่วนตัวกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่โดยรอบอาคารรัฐสภา จึงได้ระดมกำลังของเจ้าหน้าที่สภาฯให้ช่วยกันกรอกกระสอบทราย และนำมาทำคันกั้นน้ำในพื้นที่อาคารรัฐสภาเพิ่มเติม ส่วนสัปดาห์ที่มีการประชุมคงต้องมาพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง แต่คาดว่าคงไม่ถึงขั้นย้ายสถานที่ประชุม” นายเจริญ กล่าว
ที่พรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า รัฐมนตรีและ ส.ส.หลายคน ได้แสดงความเห็นว่า ขอให้เลื่อนการประชุม เนื่องจากการเดินทางไม่สะดวก ซึ่งในส่วนตัวนั้นก็อยากจะเปิดประชุม เพราะถ้าสั่งงดไปก็จะมีปัญหาว่ามีคำสั่งให้งดอีก
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับญัตติน้ำท่วมนั้น ส่วนตัวตนอยากจะให้เป็นการเปิดประชุม 2 สภาร่วม เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ แต่อย่าเป็นการหาเรื่องทะเลาะกัน เพราะจะไม่มีประชาชนอยากฟัง และถ้ามีความจริงใจสร้างสรรค์ต่อประชาชนจริงๆ ก็มีควรจะมาร่วมเสนอแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาจะดีกว่า แต่เรื่องดังกล่าวก็ยังเป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ในความจริงแล้วตนอยากจะเปิดประชุมตามวันและเวลาที่กำหนดทุกอาทิตย์ แต่ก็ต้องเปิดโอกาสให้กับรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ด้วย โดยไม่ต้องห่วงทางนี้ ทุกอย่างก็คงต้องตัดสินใจด้วยเหตุผล ซึ่งการที่ฝ่ายค้านมากล่าวหาว่าที่ตนสั่งงดการประชุมสภานั้น เพราะได้คำสั่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด ตนก็อยากจะให้ทางคนที่พูดนั้นน้ำท่วมบ้านตัวเองดูบ้าง จะได้เข้าใจความรู้สึกของประชาชน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องเลื่อนการประชุมสภาฯเนื่องจากว่า ส.ส.หลาย ๆ คนติดขัดเรื่องการเดินทาง และติอภารกิจในการติดตามช่วยเหลือประชาชน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวประณามคำสั่งเลื่อนประชุมสภาของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ว่า เป็นการเลื่อนที่มีเล่ห์กลอยู่มาก เพราะมีการนัดประชุมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณแต่กลับเอาวาระกระทู้ และญัตติ ซึ่งเป็นวาระปกติไปพิจารณาในการประชุมนัดพิเศษแทน ซึ่งใม่เคยเห็นการเลื่อนแบบนี้มาก่อน
“ส่วนตัวกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่โดยรอบอาคารรัฐสภา จึงได้ระดมกำลังของเจ้าหน้าที่สภาฯให้ช่วยกันกรอกกระสอบทราย และนำมาทำคันกั้นน้ำในพื้นที่อาคารรัฐสภาเพิ่มเติม ส่วนสัปดาห์ที่มีการประชุมคงต้องมาพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง แต่คาดว่าคงไม่ถึงขั้นย้ายสถานที่ประชุม” นายเจริญ กล่าว
ที่พรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า รัฐมนตรีและ ส.ส.หลายคน ได้แสดงความเห็นว่า ขอให้เลื่อนการประชุม เนื่องจากการเดินทางไม่สะดวก ซึ่งในส่วนตัวนั้นก็อยากจะเปิดประชุม เพราะถ้าสั่งงดไปก็จะมีปัญหาว่ามีคำสั่งให้งดอีก
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับญัตติน้ำท่วมนั้น ส่วนตัวตนอยากจะให้เป็นการเปิดประชุม 2 สภาร่วม เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ แต่อย่าเป็นการหาเรื่องทะเลาะกัน เพราะจะไม่มีประชาชนอยากฟัง และถ้ามีความจริงใจสร้างสรรค์ต่อประชาชนจริงๆ ก็มีควรจะมาร่วมเสนอแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาจะดีกว่า แต่เรื่องดังกล่าวก็ยังเป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ในความจริงแล้วตนอยากจะเปิดประชุมตามวันและเวลาที่กำหนดทุกอาทิตย์ แต่ก็ต้องเปิดโอกาสให้กับรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ด้วย โดยไม่ต้องห่วงทางนี้ ทุกอย่างก็คงต้องตัดสินใจด้วยเหตุผล ซึ่งการที่ฝ่ายค้านมากล่าวหาว่าที่ตนสั่งงดการประชุมสภานั้น เพราะได้คำสั่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด ตนก็อยากจะให้ทางคนที่พูดนั้นน้ำท่วมบ้านตัวเองดูบ้าง จะได้เข้าใจความรู้สึกของประชาชน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องเลื่อนการประชุมสภาฯเนื่องจากว่า ส.ส.หลาย ๆ คนติดขัดเรื่องการเดินทาง และติอภารกิจในการติดตามช่วยเหลือประชาชน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวประณามคำสั่งเลื่อนประชุมสภาของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ว่า เป็นการเลื่อนที่มีเล่ห์กลอยู่มาก เพราะมีการนัดประชุมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณแต่กลับเอาวาระกระทู้ และญัตติ ซึ่งเป็นวาระปกติไปพิจารณาในการประชุมนัดพิเศษแทน ซึ่งใม่เคยเห็นการเลื่อนแบบนี้มาก่อน