00 เห็นได้ชัดเจนว่าเวลานี้พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล “หญ้าแพรก” ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรกำลังหมดปัญญาที่จะรักษาพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำคัญในต่างจังหวัดตามรายทาง ทั้ง นครสวรรค์ อยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี และ นนทบุรี เพราะนี่คือหน้าที่โดยตรงของรัฐบาล และ ศปภ. ที่จะต้องบริหารจัดการอย่าง “บูรณาการ” แต่ในเมื่อผลที่ออกมามีแต่ความโกลาหล ห่วยแตก มีแต่เสียงด่าเข้ามารอบทิศ ทั้งที่มีสื่อ มีมวลชนคอย “อวย” กันอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่เมื่อความจริงมัน “ประจาน” ให้เห็นตำตา มันก็พูดไม่ออก
00 ดังนั้นเมื่อตัวเองเริ่มล้มเหลว กำลังถูกชาวบ้านรุมด่า ก็ต้องใช้วิธีใหม่ที่อำมหิต เห็นแก่ตัวกว่าเดิมนั่นคือการ “โยนขี้” ให้คนอื่น เป็นการเฉลี่ยความล้มเหลวของตัวเองแบบหมดสภาพ สังเกตเห็นได้จากเวลานี้เริ่มมีพวกลิ่วล้อปลายแถวออกมาโจมตีให้ร้ายคนอื่นว่า “วางยา” ทำให้การแก้ปัญหาของ“รัฐบาล ปู” ทำได้ยาก เริ่มจากพวกส.ส.พรรคเพื่อไทย มีการ “สุมหัว” กันมากขึ้น โดยเฉพาะส.ส.กทม.ในกลุ่มของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในเขตชานเมือง เช่น มีนบุรี คลองสามวา ลาดกระบัง ประมาณนี้ ที่เป็นพื้นที่รับน้ำ มีการกล่าวหา ผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ทำนองว่าไม่ให้ความร่วมมือกับ รัฐบาล-ศปภ. จนทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความปั่นป่วนวิตกกันไปทั่ว ทั้งที่ตั้งแต่เริ่มแรก “ความมั่ว” นั้นน่าจะมาจากฝ่ายรัฐบาลมากกว่า โดยก่อนหน้านี้ก็นำร่องมาจาก “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่กล่าวหาว่า ทหารไม่ได้ตั้งใจช่วยเหลือชาวบ้านจริงจัง ทุด !!
00 ต้องบอกว่าคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ นนทบุรี กำลังโกลาหลสุดขีด หลังจากน้ำทะลักเข้ามาที่บางบัวทอง และขยายกินพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ ทั่วทั้งจังหวัด และเป้าหมายต่อไปก็คือกรุงเทพฯ ที่จะต้องเจอแน่ๆ แม้ว่าจะพยายามลดแรงดันน้ำโดยการเบี่ยงออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตก หากพิจารณาในภาพรวมแล้ว เครื่องมือที่นำมาใช้แก้ปัญหาล้วนเป็น “ต้นทุนเดิม” ที่มีอยู่แล้วทั้งสิ้น ทั้งแนวคันกั้นน้ำ “พระราชดำริ” ที่ทำอย่างถาวรสูงถึง 2.5 เมตร ที่เป็นความหวังหลักในพื้นที่ด้านตะวันออก เขตสายไหม เป็นต้น นี่คือความหวังมากกว่าพวกนักการเมืองกระจอก ที่มัวแต่ขัดขา เอาหน้าในยามที่ชาวบ้านเดือดร้อน
00 วิธีการบริหารแบบกั๊กอำนาจ ค่อยปล่อยออกมาทีละนิด หลังจากความเสียหายไล่หลัง ลักษณะ “สายเกินการณ์” ทุกที ล่าสุดรัฐบาลก็เตรียมประกาศพื้นที่ภัยพิบัติร้ายแรง โดยให้ทุกหน่วยงานขึ้นตรงกับ ศปภ. ขณะเดียวกันก็ได้มอบหมายให้กองทัพ เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลช่วยเหลือผู้ประสพภัย รวมถึงการควบคุมคันกั้นน้ำในจุดอ่อนไหวทุกจุด ซึ่งถ้ามองแบบการเมือง นี่คือการมอบงานให้ทำ แต่ไม่ได้มอบอำนาจสิทธิ์ขาด เพราะลักษณะแบบนี้การทำงานของทหารก็ไม่ต่างจากหน่วย “อาสากู้ภัย” แค่นั้นเอง และถ้าพลาดก็รับไปเต็มๆ !!
00 ดังนั้นเมื่อตัวเองเริ่มล้มเหลว กำลังถูกชาวบ้านรุมด่า ก็ต้องใช้วิธีใหม่ที่อำมหิต เห็นแก่ตัวกว่าเดิมนั่นคือการ “โยนขี้” ให้คนอื่น เป็นการเฉลี่ยความล้มเหลวของตัวเองแบบหมดสภาพ สังเกตเห็นได้จากเวลานี้เริ่มมีพวกลิ่วล้อปลายแถวออกมาโจมตีให้ร้ายคนอื่นว่า “วางยา” ทำให้การแก้ปัญหาของ“รัฐบาล ปู” ทำได้ยาก เริ่มจากพวกส.ส.พรรคเพื่อไทย มีการ “สุมหัว” กันมากขึ้น โดยเฉพาะส.ส.กทม.ในกลุ่มของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในเขตชานเมือง เช่น มีนบุรี คลองสามวา ลาดกระบัง ประมาณนี้ ที่เป็นพื้นที่รับน้ำ มีการกล่าวหา ผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ทำนองว่าไม่ให้ความร่วมมือกับ รัฐบาล-ศปภ. จนทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความปั่นป่วนวิตกกันไปทั่ว ทั้งที่ตั้งแต่เริ่มแรก “ความมั่ว” นั้นน่าจะมาจากฝ่ายรัฐบาลมากกว่า โดยก่อนหน้านี้ก็นำร่องมาจาก “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่กล่าวหาว่า ทหารไม่ได้ตั้งใจช่วยเหลือชาวบ้านจริงจัง ทุด !!
00 ต้องบอกว่าคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ นนทบุรี กำลังโกลาหลสุดขีด หลังจากน้ำทะลักเข้ามาที่บางบัวทอง และขยายกินพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ ทั่วทั้งจังหวัด และเป้าหมายต่อไปก็คือกรุงเทพฯ ที่จะต้องเจอแน่ๆ แม้ว่าจะพยายามลดแรงดันน้ำโดยการเบี่ยงออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตก หากพิจารณาในภาพรวมแล้ว เครื่องมือที่นำมาใช้แก้ปัญหาล้วนเป็น “ต้นทุนเดิม” ที่มีอยู่แล้วทั้งสิ้น ทั้งแนวคันกั้นน้ำ “พระราชดำริ” ที่ทำอย่างถาวรสูงถึง 2.5 เมตร ที่เป็นความหวังหลักในพื้นที่ด้านตะวันออก เขตสายไหม เป็นต้น นี่คือความหวังมากกว่าพวกนักการเมืองกระจอก ที่มัวแต่ขัดขา เอาหน้าในยามที่ชาวบ้านเดือดร้อน
00 วิธีการบริหารแบบกั๊กอำนาจ ค่อยปล่อยออกมาทีละนิด หลังจากความเสียหายไล่หลัง ลักษณะ “สายเกินการณ์” ทุกที ล่าสุดรัฐบาลก็เตรียมประกาศพื้นที่ภัยพิบัติร้ายแรง โดยให้ทุกหน่วยงานขึ้นตรงกับ ศปภ. ขณะเดียวกันก็ได้มอบหมายให้กองทัพ เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลช่วยเหลือผู้ประสพภัย รวมถึงการควบคุมคันกั้นน้ำในจุดอ่อนไหวทุกจุด ซึ่งถ้ามองแบบการเมือง นี่คือการมอบงานให้ทำ แต่ไม่ได้มอบอำนาจสิทธิ์ขาด เพราะลักษณะแบบนี้การทำงานของทหารก็ไม่ต่างจากหน่วย “อาสากู้ภัย” แค่นั้นเอง และถ้าพลาดก็รับไปเต็มๆ !!