วานนี้(5ต.ค.)นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า ตามที่มาตรา 52 วรรคแรก แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 บัญญัติให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ทั้งระบบเขตเลือกตั้งและพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อต้องยื่นบัญชีรายรับรายจ่ายในการเลือกตั้งต่อกกต.ภายใน 90 วันหลังจากวันเลือกตั้ง
ขณะนี้ครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฎว่าจากจำนวนผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งที่ลงสมัครทั้งสิ้น 2,402 คน และพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อทั้งสิ้น 40 พรรคการเมือง มีผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งมายื่นบัญชีค่าใช้จ่ายภายในกำหนดเวลารวม 2397 คน ไม่มายื่น 5 คน แยกเป็นผู้สมัครในจ.ตรัง นครศรีธรรมราช เพชรบูรณ์ จังหวัดละ 1 คน และจ.หนองคาย 2 คน
ส่วนพรรคการเมืองที่ยังไม่ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายมีเพียง 1 พรรค คือ “พรรคไทยพอเพียง” ซึ่งทั้งหมดกกต.กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุแห่งการไม่มายื่นเพื่อเสนอให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัยต่อไป อย่างไรก็ตามการไม่ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดนั้นมาตรา 143 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ บัญญัติให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี
นายเกรียงศักดิ์ วัฒนวรางกูร ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการสรรหาและตรวจคุณสมบัติบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ที่ประชุมกกต.ได้พิจารณาและเห็นชอบร่างประกาศรับสมัครที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอโดยมีข้อสังเกตบางประการให้คณะอนุกรรมการฯ รับไปแก้ไข ซึ่งจะมีการเสนอให้กกต.พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
แต่ทั้งนี้ในส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการกกต.นั้น เบื้องต้นคงเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 34 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 ที่กำหนดว่า ผู้สมัครต้องเป็นผู้มีความเป็นกลางทางการเมือง มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีสัญชาติไทย และอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ และคุณวุฒิ ประสบการณ์และความสำเร็จด้านการบริหารตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ส่วนคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และข้อกำหนดอื่นๆ นั้นก็จะมีการประกาศเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบอีกครั้งหลังประธานกกต.ลงนามในประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว
“การแจ้งผลความคืบหน้านี้ก็เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับการสรรหาได้เตรียมเอกสารหลักฐาน และเตรียมความพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกจำนวนมากพอสมควร เพราะตำแหน่งเลขาธิการกกต.เป็นตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญ และอยู่ในความสนใจของสาธารณะ ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งจะได้มีโอกาสใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการบริหารอย่างเต็มที่”
ขณะนี้ครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฎว่าจากจำนวนผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งที่ลงสมัครทั้งสิ้น 2,402 คน และพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อทั้งสิ้น 40 พรรคการเมือง มีผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งมายื่นบัญชีค่าใช้จ่ายภายในกำหนดเวลารวม 2397 คน ไม่มายื่น 5 คน แยกเป็นผู้สมัครในจ.ตรัง นครศรีธรรมราช เพชรบูรณ์ จังหวัดละ 1 คน และจ.หนองคาย 2 คน
ส่วนพรรคการเมืองที่ยังไม่ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายมีเพียง 1 พรรค คือ “พรรคไทยพอเพียง” ซึ่งทั้งหมดกกต.กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุแห่งการไม่มายื่นเพื่อเสนอให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัยต่อไป อย่างไรก็ตามการไม่ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดนั้นมาตรา 143 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ บัญญัติให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี
นายเกรียงศักดิ์ วัฒนวรางกูร ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการสรรหาและตรวจคุณสมบัติบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ที่ประชุมกกต.ได้พิจารณาและเห็นชอบร่างประกาศรับสมัครที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอโดยมีข้อสังเกตบางประการให้คณะอนุกรรมการฯ รับไปแก้ไข ซึ่งจะมีการเสนอให้กกต.พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
แต่ทั้งนี้ในส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการกกต.นั้น เบื้องต้นคงเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 34 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 ที่กำหนดว่า ผู้สมัครต้องเป็นผู้มีความเป็นกลางทางการเมือง มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีสัญชาติไทย และอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ และคุณวุฒิ ประสบการณ์และความสำเร็จด้านการบริหารตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ส่วนคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และข้อกำหนดอื่นๆ นั้นก็จะมีการประกาศเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบอีกครั้งหลังประธานกกต.ลงนามในประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว
“การแจ้งผลความคืบหน้านี้ก็เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับการสรรหาได้เตรียมเอกสารหลักฐาน และเตรียมความพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกจำนวนมากพอสมควร เพราะตำแหน่งเลขาธิการกกต.เป็นตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญ และอยู่ในความสนใจของสาธารณะ ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งจะได้มีโอกาสใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการบริหารอย่างเต็มที่”
