ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยปิดบวก 7 จุด รีบาวน์ขึ้นรับข่าวรมว.คลังยุโรปผนึกกำลังสนับสนุนภาคธนาคาร และสหรัฐส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โบรกฯมองมีโอกาสรีบาวน์ต่อ แต่เป็นไปในกรอบจำกัด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (5ต.ค.) ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนบวก โดยช่วงการซื้อขายครึ่งวันแรกเพิ่มขึ้นถึง 13.39 จุด ก่อนจะปรับตัวลดลงจนปิดตลาดที่ระดับ 862.65 จุด เพิ่มขึ้น 7.20 จุด หรือ 0.84% มูลค่าการซื้อขาย 21,914.48 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 873.85 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 857.11 จุด นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิเพียงรายเดียว 1,107.80 ล้านบาท หลายฝ่ายประเมิน มาแรงซื้อกลับเข้ามาหลังดัชนีลงลึกไปหลายวัน โดยมีข่าวดีจากการออกมาปกป้องภาคธนาคารในยุโรป และการส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก คือ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,395,51 ล้านบาท ปิดที่ 250.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,339,63 ล้านบาท ปิดที่ 13.30 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,145,38 ล้านบาท ปิดที่ 105.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,070,59 ล้านบาท ปิดที่ 97.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท และPTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,069,87 ล้านบาท ปิดที่ 90.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค พบว่า ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียพุ่ง 54.30 จุด หรือ 1.4% ปิดที่ 3,926.4 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบ73.14 จุด หรือ 0.86% แตะที่ 8,382.98 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันหยุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้มีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากดัชนีลดลงมาค่อนข้างมาก ประกอบกับ มีข่าวดีจากการที่รัฐมนตรีคลังยุโรปตกลงที่จะปกป้องและสนับสนุนภาคธนาคาร รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มีความเชื่อมั่นกลับมาบ้าง แต่ปัจจัยต่างๆยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ปัญหาหนี้สินยุโรปและเศรษฐกิจสหรัฐยังกดดันตลาดหุ้นไทยต่อไป
ทำให้แนวโน้มวันนี้(6ต.ค.) ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ท่ามกลางความผันผวนตามปัจจัยต่างประเทศ การรีบาวนด์ของ SET มีโอกาสเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เป็นไปในกรอบจำกัด ให้แนวรับที่ 855-850 จุด แนวต้าน 880-900 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (5ต.ค.) ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนบวก โดยช่วงการซื้อขายครึ่งวันแรกเพิ่มขึ้นถึง 13.39 จุด ก่อนจะปรับตัวลดลงจนปิดตลาดที่ระดับ 862.65 จุด เพิ่มขึ้น 7.20 จุด หรือ 0.84% มูลค่าการซื้อขาย 21,914.48 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 873.85 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 857.11 จุด นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิเพียงรายเดียว 1,107.80 ล้านบาท หลายฝ่ายประเมิน มาแรงซื้อกลับเข้ามาหลังดัชนีลงลึกไปหลายวัน โดยมีข่าวดีจากการออกมาปกป้องภาคธนาคารในยุโรป และการส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก คือ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,395,51 ล้านบาท ปิดที่ 250.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,339,63 ล้านบาท ปิดที่ 13.30 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,145,38 ล้านบาท ปิดที่ 105.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,070,59 ล้านบาท ปิดที่ 97.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท และPTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,069,87 ล้านบาท ปิดที่ 90.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค พบว่า ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียพุ่ง 54.30 จุด หรือ 1.4% ปิดที่ 3,926.4 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบ73.14 จุด หรือ 0.86% แตะที่ 8,382.98 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันหยุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้มีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากดัชนีลดลงมาค่อนข้างมาก ประกอบกับ มีข่าวดีจากการที่รัฐมนตรีคลังยุโรปตกลงที่จะปกป้องและสนับสนุนภาคธนาคาร รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มีความเชื่อมั่นกลับมาบ้าง แต่ปัจจัยต่างๆยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ปัญหาหนี้สินยุโรปและเศรษฐกิจสหรัฐยังกดดันตลาดหุ้นไทยต่อไป
ทำให้แนวโน้มวันนี้(6ต.ค.) ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ท่ามกลางความผันผวนตามปัจจัยต่างประเทศ การรีบาวนด์ของ SET มีโอกาสเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เป็นไปในกรอบจำกัด ให้แนวรับที่ 855-850 จุด แนวต้าน 880-900 จุด