ตลาดแว่นตาและเลนส์ไทยมีโอกาสรุ่ง เหตุคนไทยติดเทคโนโลยีทำสายตาเสียมากขึ้น ไทยโฮยา รุกหนักเลนส์โปรเกรสซีฟ หวังเพิ่มส่วนแบ่งรวมเป็น 45% ในปีหน้า รับเลนส์จีน-เกาหลีดั๊มราคาตีตลาด ลงทุนเปิด 2 ผลิตภัณใมหม่ลงตลาด พร้อมชูเครื่องมือ 3 เทคโนโลยีให้ร้านค้า หวังดันรายได้รวมโต 15%
นางสาวเกศสุดา ศาลิคุปต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยโฮยาเลนซ์ จำกัด ผู้ผลิตเลนส์ โฮยา เปิดเผยว่า ตลาดแว่นตาและเลนส์ในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวม 1,200 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 12 ล้านชิ้นต่อปี เนื่องจากประเทศไทยมีประชากรกว่า 70 ล้านคน แต่มีผู้ที่มีปัญหาสายตาประมาณ 15% หรือประมาณ 1 ล้านคนที่ต้องใช้แว่นตา และมีแนวโน้มจะเพิ่มเฉลี่ย 5-7%
ต่อปี เนื่องจากไลฟ์สไตล์คนสมัยนี้จะใช้สายตากับเทคโนโลนีมากขึ้นเช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ ก็มีผลต่อสายตาทั้งสิ้น
ทั้งนี้มองว่า ตลาดเลนส์โปรเกรสซีฟ มีแนวโน้มเติบโตและขยายตัวมากขึ้นกว่าเดิม จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 45% ของมูลค่าของตลาดรวม ในส่วนของบริษัทฯก็มีแผนที่จะรุกตลาดโปรเกรสซีฟเลนส์มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 40% ของยอดขายรวมบริษัทฯ โดยมีระดับราคา 4,500 บาทต่อคู่ ส่วนเลนส์ 1 ชั้น ระดับราคาเฉลี่ย 2,500 บาทต่อคู่สัดส่วน 55% ขณะที่เลนส์2ชั้นมีสัดส่วน 5% และคาดว่าอีก 2 ปีเลนส์ 2 ชั้นจะหมดไปจากตลาด โดยรวมแล้วบริษัทฯเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 40% ในตลาดเลนส์ ตั้งเป้าหมายเพิ่มแชร์เป็น 45%ในปีหน้า โดยที่อันดับสองห่างจากบริษัทฯประมาณ 10%
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมามีปัญหาบ้างจากกรณีที่มีเลนส์จากจีนและเกาหลีที่ไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควรเข้ามาทำตลาดด้วยการตั้งราคาต่ำกว่า 2-3 เท่าตัว โดยที่ผู้บริโภคไม่อาจจะรับรู้ได้ และยังมีการสื่อสารกันไม่ทั่วถึง ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯก็ได้แก้ไขปัญหาส่วนหนึ่งด้วยการออกบัตรรับรองคุณภาพของไทยโฮยา กับผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่จำหน่ายออกไป
ส่วนแผนรุกตลาดจะใช้งบ 15% ของยอดขาย รุกหนักทั้งการอบรม ประชาสัมพันธ์ โฆษณา และเตรียมที่จะขยายการจำหน่ายเลนส์โปรเกรสซีฟไปยังร้านค้าแว่นตามากขึ้น จากปัจจุบันที่มีจำหน่ายแล้วประมาณ 40% รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางร้านค้าแว่นตาอีกประมาณ 5% จากที่มีอยู่แล้ว 3,000 ร้านค้า จากทั่วประเทศที่มีประมาณ 3,500 ร้านค้าโดยทางบริษัทฯจำหน่ายตรงถึงร้านค้าโดยตรงไม่ได้จำนหน่ายปลีกให้กับผู้ใช้
ล่าสุดปีนี้ได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่คือ เลนส์โปรเกรสซีฟที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี แอมพลิจูด ทรูฟอร์ม และรุ่นวีนัสการ์ดเทคโนโลยีเคลือบผิวเลนส์ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการเคลือบผิวมัลติโค้ดคุณภาพสูง รวมทั้งเปิดตัว 3 อุปกรณ์ใหม่คือ จีที3000 ให้ร้านแว่นตาสั่งสินค้าโฮยาผ่านออนไลน์ เครื่องทรูวิวแทบเล็ตเป็นอุปกรณ์ส่งเสริมการขายแบบอินเทอร์แอคทีฟ ติดตั้งไปแล้ว 10 กว่าร้านค้า ราคาเครื่องละ 250,000 บาท และเครื่องทรูวิวทาวเวอร์ เป็นเครื่องสำหรับวัดระยะห่างระหว่างเลนส์กับดวงตา นอกจากนั้นในปีหน้าจะลงทุนอีก 10-12 ล้านบาทเพื่อก่อตั้งสถาบันการฝึกอบรมบุคลากร เกี่ยวกับแว่นตาและเลนส์
สำหรับรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 400 ล้านบาท เติบโต 15% ซึ่งไทยถือเป็นตลาดที่ยังเล็กมากมีสัดส่วนรายได้แค่ 2% เมื่อเทียบกับโฮยาทั่วโลก แต่ไทยเป็นฮับในการผลิตเลนส์โฮยา มี 2 โรงงานที่ปทุมธานีกับอยุธยา ผลิต 5 ล้านชิ้น ( 2.5 ล้านคู่) ต่อเดือน เพื่อส่งออกไปตลาดทั่วโลกทั้งอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และเมื่อ 3ปีที่แล้วโฮยาเพิ่งตั้งโรงงานที่เวียดนามและจีน
นางสาวเกศสุดา ศาลิคุปต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยโฮยาเลนซ์ จำกัด ผู้ผลิตเลนส์ โฮยา เปิดเผยว่า ตลาดแว่นตาและเลนส์ในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวม 1,200 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 12 ล้านชิ้นต่อปี เนื่องจากประเทศไทยมีประชากรกว่า 70 ล้านคน แต่มีผู้ที่มีปัญหาสายตาประมาณ 15% หรือประมาณ 1 ล้านคนที่ต้องใช้แว่นตา และมีแนวโน้มจะเพิ่มเฉลี่ย 5-7%
ต่อปี เนื่องจากไลฟ์สไตล์คนสมัยนี้จะใช้สายตากับเทคโนโลนีมากขึ้นเช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ ก็มีผลต่อสายตาทั้งสิ้น
ทั้งนี้มองว่า ตลาดเลนส์โปรเกรสซีฟ มีแนวโน้มเติบโตและขยายตัวมากขึ้นกว่าเดิม จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 45% ของมูลค่าของตลาดรวม ในส่วนของบริษัทฯก็มีแผนที่จะรุกตลาดโปรเกรสซีฟเลนส์มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 40% ของยอดขายรวมบริษัทฯ โดยมีระดับราคา 4,500 บาทต่อคู่ ส่วนเลนส์ 1 ชั้น ระดับราคาเฉลี่ย 2,500 บาทต่อคู่สัดส่วน 55% ขณะที่เลนส์2ชั้นมีสัดส่วน 5% และคาดว่าอีก 2 ปีเลนส์ 2 ชั้นจะหมดไปจากตลาด โดยรวมแล้วบริษัทฯเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 40% ในตลาดเลนส์ ตั้งเป้าหมายเพิ่มแชร์เป็น 45%ในปีหน้า โดยที่อันดับสองห่างจากบริษัทฯประมาณ 10%
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมามีปัญหาบ้างจากกรณีที่มีเลนส์จากจีนและเกาหลีที่ไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควรเข้ามาทำตลาดด้วยการตั้งราคาต่ำกว่า 2-3 เท่าตัว โดยที่ผู้บริโภคไม่อาจจะรับรู้ได้ และยังมีการสื่อสารกันไม่ทั่วถึง ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯก็ได้แก้ไขปัญหาส่วนหนึ่งด้วยการออกบัตรรับรองคุณภาพของไทยโฮยา กับผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่จำหน่ายออกไป
ส่วนแผนรุกตลาดจะใช้งบ 15% ของยอดขาย รุกหนักทั้งการอบรม ประชาสัมพันธ์ โฆษณา และเตรียมที่จะขยายการจำหน่ายเลนส์โปรเกรสซีฟไปยังร้านค้าแว่นตามากขึ้น จากปัจจุบันที่มีจำหน่ายแล้วประมาณ 40% รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางร้านค้าแว่นตาอีกประมาณ 5% จากที่มีอยู่แล้ว 3,000 ร้านค้า จากทั่วประเทศที่มีประมาณ 3,500 ร้านค้าโดยทางบริษัทฯจำหน่ายตรงถึงร้านค้าโดยตรงไม่ได้จำนหน่ายปลีกให้กับผู้ใช้
ล่าสุดปีนี้ได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่คือ เลนส์โปรเกรสซีฟที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี แอมพลิจูด ทรูฟอร์ม และรุ่นวีนัสการ์ดเทคโนโลยีเคลือบผิวเลนส์ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการเคลือบผิวมัลติโค้ดคุณภาพสูง รวมทั้งเปิดตัว 3 อุปกรณ์ใหม่คือ จีที3000 ให้ร้านแว่นตาสั่งสินค้าโฮยาผ่านออนไลน์ เครื่องทรูวิวแทบเล็ตเป็นอุปกรณ์ส่งเสริมการขายแบบอินเทอร์แอคทีฟ ติดตั้งไปแล้ว 10 กว่าร้านค้า ราคาเครื่องละ 250,000 บาท และเครื่องทรูวิวทาวเวอร์ เป็นเครื่องสำหรับวัดระยะห่างระหว่างเลนส์กับดวงตา นอกจากนั้นในปีหน้าจะลงทุนอีก 10-12 ล้านบาทเพื่อก่อตั้งสถาบันการฝึกอบรมบุคลากร เกี่ยวกับแว่นตาและเลนส์
สำหรับรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 400 ล้านบาท เติบโต 15% ซึ่งไทยถือเป็นตลาดที่ยังเล็กมากมีสัดส่วนรายได้แค่ 2% เมื่อเทียบกับโฮยาทั่วโลก แต่ไทยเป็นฮับในการผลิตเลนส์โฮยา มี 2 โรงงานที่ปทุมธานีกับอยุธยา ผลิต 5 ล้านชิ้น ( 2.5 ล้านคู่) ต่อเดือน เพื่อส่งออกไปตลาดทั่วโลกทั้งอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และเมื่อ 3ปีที่แล้วโฮยาเพิ่งตั้งโรงงานที่เวียดนามและจีน
