ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊กคลังโวลั่น "โครงการบ้าน-รถคันแรก" ผลตอบแทนคืนสุดคุ้ม จ่ายออก 3 หมื่นแต่รายได้จะกลับมา 8 หมื่นล้าน อ้างต้องการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศรับมือเศรษฐกิจโลกเสี่ยง ครวญรัฐบาลจะให้ทุกคนพอใจทั้งหมดไม่ได้ แต่ยอมรับพร้อมปรับเงื่อนไขทุกเวลา!
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง กล่าวถึงโครงการเร่งด่วนของรัฐบาลทั้งโครงการบ้านหลังแรกและรถคันแรกว่า จะไม่กระทบกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่ตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายปี 2555 จำนวน 1.98 ล้านล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะมีรายได้กลับคืนมาในรูปของภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการซื้อขายบ้านและรถยนต์และจากภาษีเงินได้ของนิติบุคคลมากขึ้นรวมกันมาต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท
"ขณะที่รายได้ที่จะหายไปจากภาษีรถยนต์เพียง 3 หมื่นล้านบาทและซื้อบ้านหลังแรกเพียง 1.7 พันล้านบาทเท่านั้น อีกทั้งยังถือเป็นการเตรียมพร้อมกระตุ้นกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน เพื่อรับมือความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกด้วย"นายบุญทรงกล่าวและว่า การดำเนินนโยบายดังกล่าวน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 4-5% ในปี 2555
ทั้งนี้ จากการประเมินโครงการรถคันแรกยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5 แสนคันๆ ละ 1 ล้านก็ 5 แสนล้านบาท ทำให้รัฐได้ภาษีมูลค่าเพิ่มเข้ามาอีก 3.5 หมื่นล้านบาท กรมสรรพสามิตได้ภาษีเข้ามาก่อน 3 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการบ้านหลังแรกน่าจะกระตุ้นยอดขายได้อีก 1 แสนยูนิตคิดแค่ยูนิตละ 1 ล้านบาทก็เป็นเงิน 1 แสนล้านบาทภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรที่น่าจะมากขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท คิดภาษีที่ 20%ที่ปรับลดลงไปแล้วยังได้เงินภาษีเข้ามาอีก 1 หมื่นล้านบาทรวมแล้วปีแรกได้เงินเข้ามามากกว่าเงินที่จัดสรรคืนไปแน่นอน
สำหรับสมมุติฐานที่นำมาเป็นเกณฑ์การคิดราคาบ้านที่ 5 ล้านบาทได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 10% ของราคาบ้านเป็นเวลา 5 ปีนั้น เนื่องจากมีการสำรวจปริมาณบ้านใหม่ในแต่ละปีที่มีราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทมีถึง 1.7 แสนยูนิต และมี 80% ที่ราคา 3 ล้านบาทลงไป จึงขยายให้ครอบคลุมทั้งหมด และที่ไม่ให้สิทธิบ้านสร้างเองเพราะจะตรวจสอบราคาได้ยากและต้องประสานงานกับส่วนราชการอื่นๆซึ่งจะมีความยุ่งยากตามมา
ด้านรถคันแรกนั้น เดิมที่จำกัดขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี เนื่องจากข้อมูลของกรมสรรพสามิตระบุว่าในแต่ละปีมีคนซื้อรถใหม่คันแรกที่ขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,500 ซีซีถึง 42-43% ส่วนที่ซื้อขนาดเครื่องยนต์ 1,600 ซีซีมีเพียง 20% จึงอยากให้สิทธิประโยชน์กับผู้ซื้อส่วนใหญ่ แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องเข้ามาก็สามารถปรับเงื่อนไขเพิ่มเติมขนาด 1,600 ซีซีได้เพื่อให้ครอบคลุมผู้ซื้อรถคันแรกมากขึ้น รวมถึงรถนำเข้าก็ต้องเป็นรถขนดาเครื่องยนต์ไม่เกินนี้และมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทตามที่กำหนดไว้เช่นเดิม
นายบุญทรงย้ำว่า มาตรการของรัฐบาลจะให้ทุกคนพอใจทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้ง 2 โครงการฯ การที่มองว่ารัฐบาลช่วยเหลือคนรวยมากกว่าผู้มีรายได้น้อยนั้นตนอยากให้มองภาพรวมว่ารัฐบาลมีมาตรการเอื้อประโยชน์ประชาชนทุกกลุ่มอยู่แล้ว โดยมาตรการบ้านหลังแรกนั้นเน้นกลุ่มที่เสียภาษีเงินได้ และหากมีโครงการบ้าน 0% มาเสริมก็ทำให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์และไม่ต้องอยู่ในระบบภาษีส่วนรถยนต์คันแรกเปิดกว้างคนที่ต้องการซื้อรถทุกกลุ่มได้ประโยชน์
"กลุ่มแรงงานก็จะได้ประโยชน์จากการปรับค่าจ้าง 300 บาทที่จะเริ่มต้นปีหน้า และเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะได้ประโยชน์จากโครงการจำนำข้าวและบัตรเครดิตชาวนา รวมทั้งพักหนี้ครัวเรือน” รมช.คลังกล่าว.
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง กล่าวถึงโครงการเร่งด่วนของรัฐบาลทั้งโครงการบ้านหลังแรกและรถคันแรกว่า จะไม่กระทบกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่ตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายปี 2555 จำนวน 1.98 ล้านล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะมีรายได้กลับคืนมาในรูปของภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการซื้อขายบ้านและรถยนต์และจากภาษีเงินได้ของนิติบุคคลมากขึ้นรวมกันมาต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท
"ขณะที่รายได้ที่จะหายไปจากภาษีรถยนต์เพียง 3 หมื่นล้านบาทและซื้อบ้านหลังแรกเพียง 1.7 พันล้านบาทเท่านั้น อีกทั้งยังถือเป็นการเตรียมพร้อมกระตุ้นกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน เพื่อรับมือความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกด้วย"นายบุญทรงกล่าวและว่า การดำเนินนโยบายดังกล่าวน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 4-5% ในปี 2555
ทั้งนี้ จากการประเมินโครงการรถคันแรกยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5 แสนคันๆ ละ 1 ล้านก็ 5 แสนล้านบาท ทำให้รัฐได้ภาษีมูลค่าเพิ่มเข้ามาอีก 3.5 หมื่นล้านบาท กรมสรรพสามิตได้ภาษีเข้ามาก่อน 3 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการบ้านหลังแรกน่าจะกระตุ้นยอดขายได้อีก 1 แสนยูนิตคิดแค่ยูนิตละ 1 ล้านบาทก็เป็นเงิน 1 แสนล้านบาทภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรที่น่าจะมากขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท คิดภาษีที่ 20%ที่ปรับลดลงไปแล้วยังได้เงินภาษีเข้ามาอีก 1 หมื่นล้านบาทรวมแล้วปีแรกได้เงินเข้ามามากกว่าเงินที่จัดสรรคืนไปแน่นอน
สำหรับสมมุติฐานที่นำมาเป็นเกณฑ์การคิดราคาบ้านที่ 5 ล้านบาทได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 10% ของราคาบ้านเป็นเวลา 5 ปีนั้น เนื่องจากมีการสำรวจปริมาณบ้านใหม่ในแต่ละปีที่มีราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทมีถึง 1.7 แสนยูนิต และมี 80% ที่ราคา 3 ล้านบาทลงไป จึงขยายให้ครอบคลุมทั้งหมด และที่ไม่ให้สิทธิบ้านสร้างเองเพราะจะตรวจสอบราคาได้ยากและต้องประสานงานกับส่วนราชการอื่นๆซึ่งจะมีความยุ่งยากตามมา
ด้านรถคันแรกนั้น เดิมที่จำกัดขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี เนื่องจากข้อมูลของกรมสรรพสามิตระบุว่าในแต่ละปีมีคนซื้อรถใหม่คันแรกที่ขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,500 ซีซีถึง 42-43% ส่วนที่ซื้อขนาดเครื่องยนต์ 1,600 ซีซีมีเพียง 20% จึงอยากให้สิทธิประโยชน์กับผู้ซื้อส่วนใหญ่ แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องเข้ามาก็สามารถปรับเงื่อนไขเพิ่มเติมขนาด 1,600 ซีซีได้เพื่อให้ครอบคลุมผู้ซื้อรถคันแรกมากขึ้น รวมถึงรถนำเข้าก็ต้องเป็นรถขนดาเครื่องยนต์ไม่เกินนี้และมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทตามที่กำหนดไว้เช่นเดิม
นายบุญทรงย้ำว่า มาตรการของรัฐบาลจะให้ทุกคนพอใจทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้ง 2 โครงการฯ การที่มองว่ารัฐบาลช่วยเหลือคนรวยมากกว่าผู้มีรายได้น้อยนั้นตนอยากให้มองภาพรวมว่ารัฐบาลมีมาตรการเอื้อประโยชน์ประชาชนทุกกลุ่มอยู่แล้ว โดยมาตรการบ้านหลังแรกนั้นเน้นกลุ่มที่เสียภาษีเงินได้ และหากมีโครงการบ้าน 0% มาเสริมก็ทำให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์และไม่ต้องอยู่ในระบบภาษีส่วนรถยนต์คันแรกเปิดกว้างคนที่ต้องการซื้อรถทุกกลุ่มได้ประโยชน์
"กลุ่มแรงงานก็จะได้ประโยชน์จากการปรับค่าจ้าง 300 บาทที่จะเริ่มต้นปีหน้า และเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะได้ประโยชน์จากโครงการจำนำข้าวและบัตรเครดิตชาวนา รวมทั้งพักหนี้ครัวเรือน” รมช.คลังกล่าว.