ยักษ์ค้าปลีกห้ำหั่นกลยุทธ์บัตรรอยัลตี้โปรแกรม หวังชิงลูกค้าและสร้างแบรนด์รอยัลตี้ ซีอาร์ซีทุ่ม 8,000 ล้านบาท ผนึก 8 บียู รุกตลาดหนักงัดแคมเปญ “1 for all MODES” ถล่มคู่แข่ง ด้านเดอะมอลล์เพิ่มงบตลาดเอ็มการ์ดสู้ศึก ฟากไฮเปอร์มาร์เก็ต อย่าง เทสโก้โลตัสดึงร้านค้าร่วมรายการ ส่วนบิ๊กซีชูเทคโนโลยีดึงลูกค้า
นายธรรม์ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำซีอาร์เอ็มโดยเฉพาะกลยุทธ์บัตรเดอะวันการ์ดซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำตลาด หลังจากที่ทำมาแล้ว 5 ปี กลายเป็นกลยุทธ์หลักสำคัญที่ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมลูกค้า ความต้องการสินค้า และการใช้เป็นข้อมูลในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยผ่านการนำเสนอสินค้า โปรโมชัน การบริการ สิทธิประโยชน์ต่างๆ
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกถือบัตรเดอะวันการ์ดเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านคน จากปัจจุบันมีประมาณ 3.2 ล้านคนกระจายทั่วประเทศ ซึ่งมีประมาณ 100,000 รายที่เป็นกลุ่มผู้ใช้จ่ายมาก เฉลี่ยแล้วในรอบ 1 ปีสมาชิกใช้จ่าย 18,000 บาทต่อคนต่อปี โดยเป็นสมาชิกที่ใช้บัตรเป็นประจำมากถึง 70-80% ในห้างและร้านค้าในเครือเซ็นทรัลรีเทลกว่า 280 สาขา จาก 8 บียูคือ ห้างเซ็นทรัล, ห้างโรบินสัน, ห้างเซน, เพาเวอร์บาย, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส, โฮมเวิร์ค และออฟฟิศดีโป
*** เดอะวันการ์ดเปิดเกมรุก
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ “1 for all MODES” ในการแลกคะแนนรูปแบบใหม่ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าจำนวนมากเป็นประจำ ด้วยการคัดเลือกและคัดสรรสินค้า การบริการจากพันธมิตร ตอบสนองไลฟ์สไตล์แต่ละคน แบ่งออกเป็น 6 หมวด คือ 1.บันเทิง 2.พักผ่อน 3.สุขภาพ 4.การเดินทางและสื่อสาร5.อาหาร และ6.คูปองเงินสด ส่วนลดในการซื้อสินค้า โดยงบประมาณลงทุนต่อปีสำหรับเดอะวันการ์ดรวมประมาณ 8,000 ล้านบาท ทั้งด้านการตลาด การแลกของ การแลกซื้อ การทำโปรโมชั่น การลงทุนด้านระบบไอทีต่างๆ การพัฒนาและวิจัย
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น บริษัทยังได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าที่มีความแตกต่างกันรายบุคคลด้วยการจัดทำโมบายแอพพลิเคชั่นลงบนไอโฟนก่อนที่จะขยายไปสู่แพลทฟอร์มอื่นๆต่อไป เนื่องจากปัจจุบันนี้สมาร์ทโฟนได้รับความนิยมสูงและมีประโยชน์มากกับการทำธุรกิจผ่านโซเชียลเน็ทเวิร์ค โดยผู้ที่ต้องการใช้ต้องลงทะเบียนสมัคร ขณะที่แอพพลิเคชั่นนี้มีความพิเศษกว่าแอพพลิเคชั่นทั่วไป ประกอบด้วย 1.สมาชิกแต่ละคนได้รับสิทธิ์แตกต่างกัน จากข้อมูลและสถิติการใช้จ่ายผ่านบัตรที่บริษัทมีอยู่ 2.การอัพเดทโปรโมชันล่าสุดของห้างและร้านค้าในเครือ 3.อัพเดทการแลกคะแนน 4.เช็คคะแนนสะสมล่าสุด ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ปัจจุบันยอดดาวน์โหลดกว่า 50,000 ราย และประมาณการณ์ว่าจะมากถึง 100,000 คนในสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการพัฒนาระบบการแลกคะแนนออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.the-1-card.com ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนศกนี้
“ยุคนี้การแข่งขันธุรกิจค้าปลีกค่อนข้างรุนแรง เราต้องดูว่าคู่แข่งทำอะไรกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทำมิดไนท์เซลส์ หรือคูปองส่วนลด หรือลดราคา แต่สุดท้ายแล้วต้องดูว่าให้อะไรกับลูกค้าบ้าง ซึ่งลูกค้ามีความแตกต่างกันอย่างมาก บางรายอาจจะเข้ามาเดินห้างถี่แต่ซื้อน้อย บางรายเข้ามาน้อยแต่ซื้อมาก หรือเข้าถี่และซื้อเยอะ มีหลากหลาย เช่น
ตัวเลขที่เก็บข้อมูลได้พบว่า ลูกค้าเข้าห้างเซ็นทรัลเฉลี่ย 22 ครั้งต่อปีต่อคน ปีนี้เพิ่มเป็น 25 ครั้งต่อปีต่อคน และมีการใช้จ่ายสูงถึง 100,000 บาทต่อคนต่อปี ส่วนกลุ่มไดมอนด์ใช้จ่ายสูงถึง 5 แสนบาทต่อคนต่อปี เพราะเราทำการตลาดได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งบัตรเดอะวันการ์ดนี้จะทำให้เราวางแผนกลยุททธ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายธรรม์กล่าว
*** เดอะมอลล์เพิ่มงบตลาดสู้
นางสาวนงลักษณ์ โลหะมาณพ ผู้จัดการทั่วไป การตลาด คอร์ปอเรท โปรโมชัน ผู้ดูแลบัตรสมาชิก เอ็มการ์ด (M Card) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวบัตรเอ็มการ์ดมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว พบว่าได้รับความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งช่วง 6 เดือนแรกมีสมาชิกถือบัตร 6 แสนราย และสิ้นปีนี้คาดว่าจะมี 2.2 ล้านราย ส่วนปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสมาชิกบัตรเอ็มการ์ดให้ครบ 2.6 ล้านราย รวมทั้งจะเพิ่มงบการตลาดของบัตรนี้เป็น 650 ล้านบาท จากเดิมปีนี้ใช้ 600 ล้านบาท ที่รวมอยู่ในงบตลาดรวม 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5-10% เพื่อรองรับกับการแข่งขันด้านบัตรสะสมแต้มหรือรอยัลตี้โปรแกรมของธุรกิจค้าปลีกที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำซีอาร์เอ็มผ่านบัตรเอ็มการ์ดมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม ให้เกิดการจับจ่ายต่อเนื่อง และกระตุ้นการจับจ่ายมากขึ้นด้วย จากขณะนี้ที่มีสมาชิกแอคทีฟประมาณ 75% จากการเก็บข้อมูลพบว่า ลูกค้าที่ถือบัตรมีการใช้จ่ายดังนี้ บัตรแพลตทินัมใช้จ่าย 16,000 บาทต่อเดือน ส่วนเอ็มการ์ด ใช้จ่าย 4,500 บาทต่อเดือน โดยแยกลักษณะการใช้จ่ายของลูกค้าผู้ถือบัตรแยกเป็น ซูเปอร์มาร์เก็ต สัดส่วน 22.69% เพาเวอร์มอลล์ สัดส่วน 20.56% แผนกบิวตี้ฮอลล์ รองเท้า กระเป๋า สัดส่วน 26% แผนกผู้หญิง 14.96% แผนกผู้ชาย 9% เป็นต้น ตั้งเป้าหมายปีหน้าจะเพิ่มยอดการจายของลูกค้าผ่านบัตรเอ็มการ์ดอีก 5-10% โดยมีสัดส่สวนรายได้มาจากการจ่ายผ่านบัตรเอ็มการ์ดประมาณ 75%
ล่าสุดจัดแคมเปญฉลองขึ้นปีที่ 3 ถึง2 แคมเปญหลัก คือ 1.วันที่ 14-18 ก.ย. 54 รวม 5 วัน โปรโมชันหลัก เช่น ลดราคาสินค้าเคาน์เตอร์ปกติสูงสุด 30% เฉพาะสมาชิกเอ็มการ์ดลดเพิ่มอีก 20% จากปกติ 12.5% เมื่อใช้คะแนนสะสมเอ็มพ้อยท์เท่ากับยอดซื้อ รับดับเบิ้ลเอ็มแคชคูปองใช้เอ็มพ้อยท์ 800 คะแนน แลกรับคูปองส่วนลดเงินสด 200 บาทจากปกติ 100 บาท
2.แคมเปญวันที่ 14 ก.ย. 54 - 8 ม.ค. 55 รวม 117 วัน โปรโมชั่นหลัก เช่น ลุ้นรับรถยนต์ซีตรองดีเอส3 มูลค่า 1.54 ล้านบาทเมื่อชอปครบทุก 1,000 บาท ท็อปสเปนเดอร์ 10 รายรับฟรีไอแพด2จำนวน 30 รางวัล มูลค่า 597,000 บาท เป็นต้น การจัด 2 แคมเปญนี้คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 600 ล้านบาทในช่วง 5 วันแรก และทำรายได้รวม 16,000 ล้านบาทในช่วง 117 วัน และมีสมาชิกเข้าร่วมรายการ 80% โดยใช้งบการตลาด 72 ล้านบาท
*** คลับการ์ดขยายฐานร่วมร้านค้า
นายเคิร์ท แคมป์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันบัตรคลับการ์ดของเทสโก้โลตัสมีสมาชิกถือบัตรแล้วประมาณ 7.5 ล้านราย หลังจากเปิดตัวบัตรมาประมาณ 2 ปีแล้ว และได้ทำการมอบคูปองแทนเงินสดมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท คูปองส่วนลดสินค้ามูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ให้กับลูกค้า โดยได้จัดส่งคูปองให้แก่สมาชิกไปแล้วรวม 7 ครั้ง มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนฐานสมาชิกบัตรคลับการ์ดได้มากกว่า 8 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้
ล่าสุดเพื่อเป็นการขยายฐาน ทางคลับการ์ดได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการนำบัตรคลับการ์ดมาใช้กับร้านค้าเช่าในสโตร์ได้ด้วยเพื่อรับส่วนลดแต่ยังไม่ได้สะสมแต้ม โดยมีร้านค้าชั้นนำมากกว่า 30 แบรนด์ดังร่วม เช่น เคเอฟซี ซีเอ็ด ดังกิ้นโดนัท แดรี่ควีน เป็นต้น ส่วนสาขาต่างจังหวัดจะมีร้านค้าเช่าเข้าร่วมอีกมากกว่า 300 ร้านค้า กับแคมเปญล่าสุด คือ Club card bonus month ด้วยงบตลาด 80ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้ลูกค้าจะได้รับแต้มสะสมพิเศษทุกครั้งที่จับจ่าย แต่ละสัปดาห์จะมีสินค้ากว่า 15,000 รายการ มีโปรโมชั่นสะสมแต้มพิเศษทุกสัปดาห์
*** บิ๊กซีชูเทคโนโลยีดึงลูกค้า
นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันสมาชิกถือบัตรบิ๊กการ์ดของบิ๊กซีมีประมาณ 6 ล้านรายแล้ว หลังจากเปิดตัวมา 3 ปี จากนี้จะมีลูกเล่นใหม่ๆออกมา ล่าสุดเมื่อลูกค้าซื้อของแล้วและยอดซื้อถึงเกณฑ์ที่จัดโปรโมชั่นไว้ ในบิลนั้นก็พิมพ์ออกมาพร้อมกับคูปองทันที รวมทั้งมีคูปองส่วนลดออกมาด้วย ไม่ต้องไปแลกให้เสียเวลา ขณะเดียวกันก็สามารถเริ่มดึงร้านค้าเช่าในพื้นที่สโตร์มาร่วมด้วย และล่าสุดฉลองครบรอบ 3 ปี เริ่มวันศุกร์นี้ด้วยการชิงโชคนิสสันมาร์ช ซึ่งพิเศษตรงที่ปกติต้องรับคูปองเพื่อส่งชิงโชค แต่เมื่อลูกค้าบัตรบิ๊กการ์ดใช้จ่ายตามเงื่อนไขจะมีบิลพร้อมคูปองพิมพ์ออกมาให้ซึ่งมีรายละเอียดกรอกเรียบร้อยแล้ว
นายธรรม์ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำซีอาร์เอ็มโดยเฉพาะกลยุทธ์บัตรเดอะวันการ์ดซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำตลาด หลังจากที่ทำมาแล้ว 5 ปี กลายเป็นกลยุทธ์หลักสำคัญที่ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมลูกค้า ความต้องการสินค้า และการใช้เป็นข้อมูลในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยผ่านการนำเสนอสินค้า โปรโมชัน การบริการ สิทธิประโยชน์ต่างๆ
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกถือบัตรเดอะวันการ์ดเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านคน จากปัจจุบันมีประมาณ 3.2 ล้านคนกระจายทั่วประเทศ ซึ่งมีประมาณ 100,000 รายที่เป็นกลุ่มผู้ใช้จ่ายมาก เฉลี่ยแล้วในรอบ 1 ปีสมาชิกใช้จ่าย 18,000 บาทต่อคนต่อปี โดยเป็นสมาชิกที่ใช้บัตรเป็นประจำมากถึง 70-80% ในห้างและร้านค้าในเครือเซ็นทรัลรีเทลกว่า 280 สาขา จาก 8 บียูคือ ห้างเซ็นทรัล, ห้างโรบินสัน, ห้างเซน, เพาเวอร์บาย, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส, โฮมเวิร์ค และออฟฟิศดีโป
*** เดอะวันการ์ดเปิดเกมรุก
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ “1 for all MODES” ในการแลกคะแนนรูปแบบใหม่ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าจำนวนมากเป็นประจำ ด้วยการคัดเลือกและคัดสรรสินค้า การบริการจากพันธมิตร ตอบสนองไลฟ์สไตล์แต่ละคน แบ่งออกเป็น 6 หมวด คือ 1.บันเทิง 2.พักผ่อน 3.สุขภาพ 4.การเดินทางและสื่อสาร5.อาหาร และ6.คูปองเงินสด ส่วนลดในการซื้อสินค้า โดยงบประมาณลงทุนต่อปีสำหรับเดอะวันการ์ดรวมประมาณ 8,000 ล้านบาท ทั้งด้านการตลาด การแลกของ การแลกซื้อ การทำโปรโมชั่น การลงทุนด้านระบบไอทีต่างๆ การพัฒนาและวิจัย
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น บริษัทยังได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าที่มีความแตกต่างกันรายบุคคลด้วยการจัดทำโมบายแอพพลิเคชั่นลงบนไอโฟนก่อนที่จะขยายไปสู่แพลทฟอร์มอื่นๆต่อไป เนื่องจากปัจจุบันนี้สมาร์ทโฟนได้รับความนิยมสูงและมีประโยชน์มากกับการทำธุรกิจผ่านโซเชียลเน็ทเวิร์ค โดยผู้ที่ต้องการใช้ต้องลงทะเบียนสมัคร ขณะที่แอพพลิเคชั่นนี้มีความพิเศษกว่าแอพพลิเคชั่นทั่วไป ประกอบด้วย 1.สมาชิกแต่ละคนได้รับสิทธิ์แตกต่างกัน จากข้อมูลและสถิติการใช้จ่ายผ่านบัตรที่บริษัทมีอยู่ 2.การอัพเดทโปรโมชันล่าสุดของห้างและร้านค้าในเครือ 3.อัพเดทการแลกคะแนน 4.เช็คคะแนนสะสมล่าสุด ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ปัจจุบันยอดดาวน์โหลดกว่า 50,000 ราย และประมาณการณ์ว่าจะมากถึง 100,000 คนในสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการพัฒนาระบบการแลกคะแนนออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.the-1-card.com ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนศกนี้
“ยุคนี้การแข่งขันธุรกิจค้าปลีกค่อนข้างรุนแรง เราต้องดูว่าคู่แข่งทำอะไรกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทำมิดไนท์เซลส์ หรือคูปองส่วนลด หรือลดราคา แต่สุดท้ายแล้วต้องดูว่าให้อะไรกับลูกค้าบ้าง ซึ่งลูกค้ามีความแตกต่างกันอย่างมาก บางรายอาจจะเข้ามาเดินห้างถี่แต่ซื้อน้อย บางรายเข้ามาน้อยแต่ซื้อมาก หรือเข้าถี่และซื้อเยอะ มีหลากหลาย เช่น
ตัวเลขที่เก็บข้อมูลได้พบว่า ลูกค้าเข้าห้างเซ็นทรัลเฉลี่ย 22 ครั้งต่อปีต่อคน ปีนี้เพิ่มเป็น 25 ครั้งต่อปีต่อคน และมีการใช้จ่ายสูงถึง 100,000 บาทต่อคนต่อปี ส่วนกลุ่มไดมอนด์ใช้จ่ายสูงถึง 5 แสนบาทต่อคนต่อปี เพราะเราทำการตลาดได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งบัตรเดอะวันการ์ดนี้จะทำให้เราวางแผนกลยุททธ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายธรรม์กล่าว
*** เดอะมอลล์เพิ่มงบตลาดสู้
นางสาวนงลักษณ์ โลหะมาณพ ผู้จัดการทั่วไป การตลาด คอร์ปอเรท โปรโมชัน ผู้ดูแลบัตรสมาชิก เอ็มการ์ด (M Card) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวบัตรเอ็มการ์ดมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว พบว่าได้รับความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งช่วง 6 เดือนแรกมีสมาชิกถือบัตร 6 แสนราย และสิ้นปีนี้คาดว่าจะมี 2.2 ล้านราย ส่วนปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสมาชิกบัตรเอ็มการ์ดให้ครบ 2.6 ล้านราย รวมทั้งจะเพิ่มงบการตลาดของบัตรนี้เป็น 650 ล้านบาท จากเดิมปีนี้ใช้ 600 ล้านบาท ที่รวมอยู่ในงบตลาดรวม 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5-10% เพื่อรองรับกับการแข่งขันด้านบัตรสะสมแต้มหรือรอยัลตี้โปรแกรมของธุรกิจค้าปลีกที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำซีอาร์เอ็มผ่านบัตรเอ็มการ์ดมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม ให้เกิดการจับจ่ายต่อเนื่อง และกระตุ้นการจับจ่ายมากขึ้นด้วย จากขณะนี้ที่มีสมาชิกแอคทีฟประมาณ 75% จากการเก็บข้อมูลพบว่า ลูกค้าที่ถือบัตรมีการใช้จ่ายดังนี้ บัตรแพลตทินัมใช้จ่าย 16,000 บาทต่อเดือน ส่วนเอ็มการ์ด ใช้จ่าย 4,500 บาทต่อเดือน โดยแยกลักษณะการใช้จ่ายของลูกค้าผู้ถือบัตรแยกเป็น ซูเปอร์มาร์เก็ต สัดส่วน 22.69% เพาเวอร์มอลล์ สัดส่วน 20.56% แผนกบิวตี้ฮอลล์ รองเท้า กระเป๋า สัดส่วน 26% แผนกผู้หญิง 14.96% แผนกผู้ชาย 9% เป็นต้น ตั้งเป้าหมายปีหน้าจะเพิ่มยอดการจายของลูกค้าผ่านบัตรเอ็มการ์ดอีก 5-10% โดยมีสัดส่สวนรายได้มาจากการจ่ายผ่านบัตรเอ็มการ์ดประมาณ 75%
ล่าสุดจัดแคมเปญฉลองขึ้นปีที่ 3 ถึง2 แคมเปญหลัก คือ 1.วันที่ 14-18 ก.ย. 54 รวม 5 วัน โปรโมชันหลัก เช่น ลดราคาสินค้าเคาน์เตอร์ปกติสูงสุด 30% เฉพาะสมาชิกเอ็มการ์ดลดเพิ่มอีก 20% จากปกติ 12.5% เมื่อใช้คะแนนสะสมเอ็มพ้อยท์เท่ากับยอดซื้อ รับดับเบิ้ลเอ็มแคชคูปองใช้เอ็มพ้อยท์ 800 คะแนน แลกรับคูปองส่วนลดเงินสด 200 บาทจากปกติ 100 บาท
2.แคมเปญวันที่ 14 ก.ย. 54 - 8 ม.ค. 55 รวม 117 วัน โปรโมชั่นหลัก เช่น ลุ้นรับรถยนต์ซีตรองดีเอส3 มูลค่า 1.54 ล้านบาทเมื่อชอปครบทุก 1,000 บาท ท็อปสเปนเดอร์ 10 รายรับฟรีไอแพด2จำนวน 30 รางวัล มูลค่า 597,000 บาท เป็นต้น การจัด 2 แคมเปญนี้คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 600 ล้านบาทในช่วง 5 วันแรก และทำรายได้รวม 16,000 ล้านบาทในช่วง 117 วัน และมีสมาชิกเข้าร่วมรายการ 80% โดยใช้งบการตลาด 72 ล้านบาท
*** คลับการ์ดขยายฐานร่วมร้านค้า
นายเคิร์ท แคมป์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันบัตรคลับการ์ดของเทสโก้โลตัสมีสมาชิกถือบัตรแล้วประมาณ 7.5 ล้านราย หลังจากเปิดตัวบัตรมาประมาณ 2 ปีแล้ว และได้ทำการมอบคูปองแทนเงินสดมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท คูปองส่วนลดสินค้ามูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ให้กับลูกค้า โดยได้จัดส่งคูปองให้แก่สมาชิกไปแล้วรวม 7 ครั้ง มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนฐานสมาชิกบัตรคลับการ์ดได้มากกว่า 8 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้
ล่าสุดเพื่อเป็นการขยายฐาน ทางคลับการ์ดได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการนำบัตรคลับการ์ดมาใช้กับร้านค้าเช่าในสโตร์ได้ด้วยเพื่อรับส่วนลดแต่ยังไม่ได้สะสมแต้ม โดยมีร้านค้าชั้นนำมากกว่า 30 แบรนด์ดังร่วม เช่น เคเอฟซี ซีเอ็ด ดังกิ้นโดนัท แดรี่ควีน เป็นต้น ส่วนสาขาต่างจังหวัดจะมีร้านค้าเช่าเข้าร่วมอีกมากกว่า 300 ร้านค้า กับแคมเปญล่าสุด คือ Club card bonus month ด้วยงบตลาด 80ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้ลูกค้าจะได้รับแต้มสะสมพิเศษทุกครั้งที่จับจ่าย แต่ละสัปดาห์จะมีสินค้ากว่า 15,000 รายการ มีโปรโมชั่นสะสมแต้มพิเศษทุกสัปดาห์
*** บิ๊กซีชูเทคโนโลยีดึงลูกค้า
นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันสมาชิกถือบัตรบิ๊กการ์ดของบิ๊กซีมีประมาณ 6 ล้านรายแล้ว หลังจากเปิดตัวมา 3 ปี จากนี้จะมีลูกเล่นใหม่ๆออกมา ล่าสุดเมื่อลูกค้าซื้อของแล้วและยอดซื้อถึงเกณฑ์ที่จัดโปรโมชั่นไว้ ในบิลนั้นก็พิมพ์ออกมาพร้อมกับคูปองทันที รวมทั้งมีคูปองส่วนลดออกมาด้วย ไม่ต้องไปแลกให้เสียเวลา ขณะเดียวกันก็สามารถเริ่มดึงร้านค้าเช่าในพื้นที่สโตร์มาร่วมด้วย และล่าสุดฉลองครบรอบ 3 ปี เริ่มวันศุกร์นี้ด้วยการชิงโชคนิสสันมาร์ช ซึ่งพิเศษตรงที่ปกติต้องรับคูปองเพื่อส่งชิงโชค แต่เมื่อลูกค้าบัตรบิ๊กการ์ดใช้จ่ายตามเงื่อนไขจะมีบิลพร้อมคูปองพิมพ์ออกมาให้ซึ่งมีรายละเอียดกรอกเรียบร้อยแล้ว
