xs
xsm
sm
md
lg

เขื่อนใหญ่วิกฤตสั่งเร่งระบายน้ำกทม.รับมือฝนซ้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค - น้ำท่วมหลายจังหวัดยังวิกฤตและรุ่นแรงมากขึ้น ขณะที่“นายกฯ”กลับคุยฟุ้ง"มั่นใจรับมือได้"พร้อมสั่งระดมกำลังทหาร-ตำรวจ-มหาดไทยลงพื้นที่เร่งเสริมคันกั้นน้ำ "ศอส."เตือนอีกระดับน้ำเพิ่มมากขึ้น ขณะที่น้ำในเขื่อนใหญ่เกินความจุแล้ว เผยน้ำใน กทม.น่าห่วง ผู้ว่าฯสั่งทุกพื้นที่รับมือ ฝนถล่มซ้ำ 20-24 ก.ย.นี้ "ชาวกรุงเก่า"ทุกข์หนักแบกโลงศพลุยน้ำ 1.50 ขึ้นเมรุเผาสุดทุลักทุเล "20 อปท.เมืองลัพแล"จี้ผู้ว่าฯใช้งบอุทกภัยให้โปร่งใส หลังมีข่าวเรียกรับ 30% และกระจุกอยู่ที่ผู้รับเหมาเพียงรายเดียว "พระผู้ใหญ่จิตร"นั่งไม่ติดวัดต้องออกหน้าเรี่ยไรข้าวสารอาหารแห้งช่วย "คมนาคม"เผยถนนพังกว่า 800เส้นทางเสียหาย 1.4 หมื่นล้าน

วานนี้ (19 ก.ย.)น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาน้ำท่วมซึ่งหลายจังหวัดกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะที่ จ.ชัยนาท ประชาชนยังไม่ได้รับการดูแลว่า ตนได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ลงพื้นที่แล้ว ส่วนทางด้านทหารพัฒนาก็ได้ลงพื้นที่แล้วเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร และมหาดไทยได้ลงพื้ที่ไปหมดแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในพื้นที่ที่เป็นจุดวิกฤตโดยเฉพาะคันกั้นน้ำที่ใกล้จะพังจะเตรียมทางรัฐบาลเตรีบมรับมืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องบอกกับประชาชนครั้งนี้ว่าถือเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงและหนักมาก จึงต้องเร่งให้มีการเสริมแนวกั้นน้ำ ขณะนี้จึงต้องเร่งระดมคนเพื่อเสริมคันกั้นน้ำ และวันนี้(19) ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงไปดูในพื้นที่ภาคเหนือให้แล้ว

"จนถึงขณะนี้เรายังมั่นใจว่ารับมือได้อยู่ เพราะมีเพียงบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย แต่หลายจุดได้มีการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว"

**ศอส.เตือนระดับน้ำเพิ่มมากขึ้น

ด้านนายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 26 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ยโสธร เลย ขอนแก่น มหาสารคาม ศรีสะเกษ ฉะเชิงเทรา นครนายก ตาก สระแก้ว และปราจีนบุรี รวม 165 อำเภอ 1,095 ตำบล 6,915 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 408,783 ครัวเรือน 1,412,357 คนผู้เสียชีวิต 112 ราย สูญหาย 2 ราย

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำสะแกกรัง และลุ่มน้ำท่าจีน ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ส่วนลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ยังคงมีน้ำมากและอยู่ในระดับทรงตัว

**เผยน้ำในเขื่อนใหญ่เกินความจุแล้ว

ส่วนปริมาณน้ำเขื่อนขนาดใหญ่ ได้แก่เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำร้อยละ 88 ของความจุ เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 96 ของความจุ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำมากเกินความจุร้อยละ 102 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณมากเกินความจุร้อยละ 109 ของความจุอ่างฯจึงจำเป็นต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อน ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนและชุมชนริมฝั่งแม่น้ำได้รับกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น

“จากภาวะฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยังคงต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากน้ำหลากโดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ปัว และ อ.เชียงกลาง จ.น่าน รวมถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขต จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำแบบวันต่อวันเนื่องจากระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น”

**สถานการณ์น้ำ กทม.ยังน่าห่วง

นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยผลการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังและสถานการณ์น้ำที่ยังคงวิกฤตในขณะนี้ว่า มีพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ อาทิ มีนบุรี ลาดกระบัง หนองจอก และคลองสามวา ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำท่วม ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ได้กำชับให้ทุกสำนักงานเขตในพื้นที่จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันน้ำไว้สำหรับป้องกันพื้นที่เสี่ยงอย่างพอเพียง พร้อมทั้งจัดสรรงบฉุกเฉิน 1,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาน้ำท่วม รวมถึงจ้างหน่วยงานทหารพัฒนาดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ถนนและคูคลองในจุดที่มีน้ำท่วมขังอยู่เสมอ

นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้อำนวยความสะดวกแก่นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปลายภาคของนักเรียน ในส่วนของสำนักการโยธาได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับให้การช่วยเหลือประชาชน เช่น เครื่องยก และเครื่องกลหนัก สำหรับหน่วยงานสังกัด กทม.ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำก็ได้ประสานการทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การแก้ปัญหาน้ำท่วมขังเป็นไปอย่างมีระบบและเป็นรูปธรรม

"สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย.นี้จะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และกรุงเทพฯ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องอีก"

**น้ำท่วมกรุงเก่าชาวบ้านลุยน้ำเผาศพ

ด้านนายไมตรี ปิตินานนท์ ผอ.โครงการชลประทานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำเหนือ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังมีปริมาณน้ำมากที่จะไหลลงมาสู่แม่น้ำน้อย แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี โดยขณะนี้น้ำได้ท่วมพื้นที่ อ.ท่าวุ้ง อ.เมือง และ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งน้ำทั้งหมดจะไหลลงแม่น้ำลพบุรี ผ่านพื้นที่ อ.บ้านแพรก อ.มหาราช อ.บางปะหัน ที่มีน้ำท่วมสูงอยู่แล้วระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอีกและน้ำจะกระจายเข้าทุ่งมหาราช เข้าทุ่งบางปะหัน ท่วมพื้นที่นาปรังกว่า 30,000 ไร่

นอกจากนี้ น้ำจากแม่น้ำลพบุรี ยังจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้พื้นที่ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน ระดับน้ำจะสูงขึ้น จึงขอเตือนให้ประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำเร่งเก็บของเอาไว้ที่สูง

วันเดียวกันที่วัดแจ้ง หมู่ 6 ต.พิตเพียน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีพิธีเผาศพนายศักดา ทองชื่นใจ อายุ 58 ปีที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ขณะเดินออกจากบ้านพักที่ถูกน้ำท่วมกว่า 1 เมตรเกิดลื่นล้มศรีษะฟาดพื้น เล้นเลือดฝอยในสมองแตก ญาติได้ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา พบว่าภายในบริเวณวัด และในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1.50 เมตร ชาวบ้านต้องลุยน้ำมาร่วมงานศพ และแบกโลงศพลงมาจากศาลาการเปรียญเดินลุยน้ำที่สูงกว่า 1.50 เมตรระยะทางกว่า 10 เมตรเพื่อนำโลงศพขึ้นเมรุประกอบพิธีเผาศพ

**อัดผู้ว่าฯอุตรดิตถ์ใช้งบไม่โปร่งใส

มีรายงานข่าวจาก จ.อุตรดิตถ์แจ้งว่า วานนี้กลุ่มผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยนายกเทศมนตรี และนายก อบต.ราว 20 คนนำโดยนายพีระศักดิ์ พอจิต นายก อบจ.อุตรดิตถ์ ได้เข้าพบนายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ รองผู้ว่าฯอุตรดิตถ์ ที่รับผิดชอบการใช้งบประมาณช่วยเหลืออุทกภัยดินโคลนถล่ม ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย(ปภ.)อุตรดิตถ์และนายอำเภอทุกอำเภอ

นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า เหตุที่ต้องเข้าพบผู้ว่าฯและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเนื่องจากต้องการให้ใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ใช้เพื่อสมประโยชน์กับผู้รับเหมารายเดียว ให้ใช้งบประมาณอุทกภัยอย่างโปร่งใส เพราะมีเรื่องการรับผลประโยชน์จากงบประมาณมากถึง 30% ให้ตรวจสอบว่า มีการผูกขาดให้กับกำนันคนหนึ่งที่เป็นคนของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล การใช้งบประมาณรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมืองที่ต้องการส่งพรรคพวกตัวเองลงสมัครผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น

**สุโขทัยยังระทมปิดโรงเรียนอีก4แห่ง

ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุโขทัย ยังวิกฤต โดยทางหลวงหมายเลข 12 ถนนจรดวิถีถ่องสายสุโขทัย-ตากน้ำท่วมผิวจราจรสูง 60-80 ซม.เป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร จนสร้างผลกระทบหน่วยราชการหลายแห่งทั้งสถานศึกษา โรงพยาบาล ล่าสุดเช้าวานนี้ โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมชายประจำจังหวัดต้องประกาศปิดเรียนอีกครั้งเหตุน้ำท่วมภายในโรงเรียน รวมทั้งสถานศึกษาระดับวิทยาลัยอีก 2 แห่ง และระดับประถมศึกษาอีก 1 แห่ง

นอกจากสถานศึกษาแล้วทางแพทย์ พยาบาล บุคลากร และชาวบ้านที่ต้องไปใช้บริการของโรงพยาบาลสุโขทัยก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน เนื่องจากมีความยากลำบากในการเดินทางเข้าไปยังโรงพยาบาล เพราะมีปริมาณน้ำท่วมโดยรอบของโรงพยาบาลและบนถนนจรดวิถีถ่องสายสุโขทัย-ตาก ซึ่งมีน้ำท่วมผิวจราจรสูง 60-80 ซม.

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วม จ.สุโขทัยยังคงมีภาวะน้ำท่วมหนักอยู่ในหลายตำบลของเขต อ.เมือง และ อ.กงไกรลาส โดยที่ลุ่มต่ำบางหมู่บ้านระดับน้ำท่วมพื้นที่สูงกว่า 2 เมตรเช่นที่บ้านสามหมื่น, บ้านวังสะพาน ต.ปากพระ อ.เมือง และหลายหมู่บ้านใน ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาส ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำจากการเอ่อล้นของแม่น้ำยมเข้าท่วมพื้นที่

**พระผู้ใหญ่พิจิตรระดมช่วยเหยื่อน้ำท่วม

รายงานข่าวจาก จ.พิจิตรแจ้งว่า ขณะที่น้ำเหนือยังคงทะลักเข้าท่วมหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน เหตุเกิดจากพนังกั้นน้ำแตก และน้ำจากแม่น้ำน่านไหลบ่าเข้าท่วมทั้งไร่นาบ้านเรือนราษฎรและถนนหนทาง รวมถึงพืชผักสวนครัวที่ชาวบ้านปลูกไว้เป็นพืชอาหาร ทั้งเขต อ.เมือง และ อ.ตะพานหิน แถมยังมีข่าวจระเข้ที่ออกเพ่นพ่านทำเอาชาวบ้านต้องหวาดผวาอีกนั้น

ล่าสุด พระเมธีธรรมประนาท หรือ “ท่านเจ้าคุณปรีชา” เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร ได้ออกเรี่ยไรขอสิ่งของที่เป็นข้าวสารอาหารแห้งจากผู้มีจิตอันเป็นกุศล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าและคหบดีที่เป็นลูกศิษย์ เพื่อนำไปมอบสมทบให้แก่นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร เพื่อนำไปใช้ตั้งเป็นโรงครัวน้ำใจหุงหาอาหารให้ชาวบ้าน แทนการแจกถุงยังชีพ ซึ่งขณะนี้ตั้งจุดหุงข้าวเลี้ยงอาหารชาวบ้านแล้วใน 4 แห่ง สามารถแจกจ่ายอาหารช่วยชาวบ้านได้วันละกว่า 3,000 คน

นอกจากนี้ เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร ยังได้แสดงเทศนาธรรมปลอบขวัญชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมว่า ขออย่าให้ติดมั่นยึดมั่นกับสิ่งที่สูญเสียไปเพราะทรัพย์สมบัติล้วนเป็นของนอกกาย แต่จิตใจและสุขภาพถือเป็นสิ่งของสำคัญที่มีค่าหาที่เปรียบมิได้ ดังนั้น ถึงน้ำจะท่วมก็ขอให้มีน้ำใจต่อกัน เพราะยามที่ทุกคนมีภัยเราจะเห็นได้ว่าจะเกิดมิตรแท้ขึ้นมาช่วยเหลืออยู่เสมอ และกัลยาณมิตรเหล่านี้ต่างหากที่จะช่วยกอบกู้วิกฤตให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

**คมนาคมเผยถนนพังยับ800เส้นทาง

นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ถนนในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงได้รับความเสียหายจากอุทกภัยระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-19 ก.ย.54 รวม 372 สายทาง จากทั้งหมด 15 จังหวัดได้แก่สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี ชัยนาท ปทุมธานี อ่างทอง สุพรรณบุรี อุทัยธานี ปราจีนบุรี และชัยภูมิ โดยปัจจุบันการจราจรผ่านได้ 348 สายทาง และผ่านไม่ได้ 24 สายทาง โดยประเมินงบประมาณซ่อมแซมถนนรวม 2,859 ล้านบาท แบ่งเป็นการซ่อมแซมให้การจราจรผ่านได้ก่อน 73 ล้านบาท และฟื้นฟูคืนสู่สภาพเดิม 2,786 ล้านบาท

ทั้งนี้ น้ำท่วมถนนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่ถนนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจะไม่ค่อยซ้ำสายทางเดิม โดยจะเปลี่ยนแปลงตลอด ยกเว้นถนนริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ในปีงบประมาณ 54 ถนนของกรมฯได้รับความเสียหายจากอุทกภัยรวม 3 ครั้ง คือ ช่วงเดือนธ.ค.53 ช่วงเดือนเม.ย.54 และช่วงเดือนก.ค.54 คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว 3,703 ล้านบาท คงเหลืองบประมาณที่ยังขาดอยู่กว่า 1.04 หมื่นล้านบาท

นายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ถนนในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบทได้รับความเสียหายจากอุทกภัยระหว่างวันที่ 28 ก.ค.-19 ก.ย.นี้ รวม 460 สายทาง จากทั้งหมด 53 จังหวัด โดยถนนที่การจราจรผ่านได้ 386 สายทาง ผ่านไม่ได้ 74 สายทาง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 3,524 ล้านบาท

ส่วนความเสียหายจากอุกทภัยในปีงบประมาณ 2554 ถนนของกรมฯ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 9,707 ล้านบาท ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อซ่อมแซมบางส่วนเป็นเงินประมาณ 3,275 ล้านบาท คงเหลืองบประมาณที่ต้องเสนอขอรัฐบาลอีกประมาณ 6,432 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น