เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - เฉิน กวงเปียว มหาเศรษฐีชาวจีน ยอมทุบรถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์สุดรัก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หวังจุดกระแสรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ชาวจีนเลิกใช้รถยนต์ อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวกลับถูกชาวเน็ตจีนผู้ใช้รถยนต์รุมตอกกลับสับแหลกว่า “ไร้ประโยชน์”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16) มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ เฉิน กวงเปียว วัย 43 ปี ประธานบริษัทธุรกิจรีไซเคิล เจียงซู หวงผู่ รีนิวเอเบิล รีซอร์สเซส ยูทิไลเซชัน (Jiangsu Huangpu Renewable Resources Utilization) ได้ใช้รถแบคโฮหัวเจาะกระแทก ทุบทำลายรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำ รุ่นเอส 600 ซาลูน มูลค่ามากกว่า 2 ล้านหยวน หลังจากยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอเผยแพร่ลงบนโลกไซเบอร์โดยระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรณรงค์วันไม่ขับรถแห่งชาติ
หนังสือพิมพ์โมเดิร์น เอ็กซ์เพรส ในเมืองหนานจิง ระบุว่า การทำลายรถเบนซ์คันดังกล่าวซึ่งเป็นรถยนต์คู่บารมีที่เฉินใช้มาตั้งแต่เริ่มกิจการของตนในช่วงแรก มีจุดประสงค์เพื่อชักจูงให้ชาวจีนเลิกใช้รถยนต์เพื่อลดมลพิษและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เฉินกล่าวในวิดีโอว่า “ผมหวังว่าการกระทำของผมจะเป็นตัวอย่างให้แก่ชาวจีน โดยเฉพาะพวกนักธุรกิจผู้ประกอบการทั้งหลาย หากคุณมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อรถยนต์หรูคันโตได้ ก็อย่าซื้อเลย หรือหากคุณซื้อมาแล้ว ก็อย่าใช้มัน”
เฉิน กวงเปียน กลายเป็นมหาเศรษฐีจีนชื่อดังและเป็นที่รู้จักหลังจากเขาได้บริจาคเงินช่วยเหลือ 180 ล้านหยวน ให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) เมื่อปี 2008 นอกจากนี้เขายังได้รวมทีมกู้ภัยลงพื้นที่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าวด้วยตนเอง
แต่ต่อมาพฤติกรรมความใจบุญของเฉินก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการกระทำที่ไม่จริงใจ อวดรวย จากการที่เขาแจกเงินให้คนอื่นไปทั่วตั้งแต่คนจนตามท้องถนน หรือตามหมู่บ้านยากจน ไปจนถึงชาวไต้หวันผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังมีกระแสตั้งข้อสงสัยว่าเฉิน บริจาคเงินมากกว่ารายรับที่ได้จากกิจการบริษัทรีไซเคิลของตนเอง
และเมื่อนายเฉินได้ทุบรถเบนซ์ของตนเองโชว์บนโลกออนไลน์จีน เขายิ่งถูกวิจารณ์หนักขึ้น ชาวเน็ตบางรายในเว็บไซต์ Sina.com ได้ให้ความเห็นว่า “การกระทำของเฉินไม่มีเหตุผล เขาไม่ได้พิจารณาถึงความจำเป็นของชนชั้นกลางที่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามชานเมือง จำต้องใช้รถยนต์เดินทางทุกวัน เพราะไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะอยู่อาศัยในใจกลางเมืองได้”
ชาวเน็ตบางรายรู้สึกเสียดายรถยนต์ที่นายเฉินทุบ พร้อมกล่าวว่า “การกระทำของเฉินไม่ได้เป็นตัวอย่างอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่เป็นตัวอย่างของการกระทำโดยเปล่าประโยชน์”
ขณะที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่า การกระทำของเฉินเป็นเพียงแค่การโอ้อวด
ชาวเน็ตอีกรายเผยว่า “ทุกวันนี้คนจำนวนมากต่างต้องการโอ้อวด แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาสทำอย่างนั้น ขณะที่นายเฉินมี” พร้อมกล่าวว่า “โลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลย คนบางคนซื้อรถมาทุบเล่น แต่บางคนกลับไม่มีปัญญาแม้แต่จะซื้อรถสักคัน”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16) มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ เฉิน กวงเปียว วัย 43 ปี ประธานบริษัทธุรกิจรีไซเคิล เจียงซู หวงผู่ รีนิวเอเบิล รีซอร์สเซส ยูทิไลเซชัน (Jiangsu Huangpu Renewable Resources Utilization) ได้ใช้รถแบคโฮหัวเจาะกระแทก ทุบทำลายรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำ รุ่นเอส 600 ซาลูน มูลค่ามากกว่า 2 ล้านหยวน หลังจากยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอเผยแพร่ลงบนโลกไซเบอร์โดยระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรณรงค์วันไม่ขับรถแห่งชาติ
หนังสือพิมพ์โมเดิร์น เอ็กซ์เพรส ในเมืองหนานจิง ระบุว่า การทำลายรถเบนซ์คันดังกล่าวซึ่งเป็นรถยนต์คู่บารมีที่เฉินใช้มาตั้งแต่เริ่มกิจการของตนในช่วงแรก มีจุดประสงค์เพื่อชักจูงให้ชาวจีนเลิกใช้รถยนต์เพื่อลดมลพิษและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เฉินกล่าวในวิดีโอว่า “ผมหวังว่าการกระทำของผมจะเป็นตัวอย่างให้แก่ชาวจีน โดยเฉพาะพวกนักธุรกิจผู้ประกอบการทั้งหลาย หากคุณมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อรถยนต์หรูคันโตได้ ก็อย่าซื้อเลย หรือหากคุณซื้อมาแล้ว ก็อย่าใช้มัน”
เฉิน กวงเปียน กลายเป็นมหาเศรษฐีจีนชื่อดังและเป็นที่รู้จักหลังจากเขาได้บริจาคเงินช่วยเหลือ 180 ล้านหยวน ให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) เมื่อปี 2008 นอกจากนี้เขายังได้รวมทีมกู้ภัยลงพื้นที่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าวด้วยตนเอง
แต่ต่อมาพฤติกรรมความใจบุญของเฉินก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการกระทำที่ไม่จริงใจ อวดรวย จากการที่เขาแจกเงินให้คนอื่นไปทั่วตั้งแต่คนจนตามท้องถนน หรือตามหมู่บ้านยากจน ไปจนถึงชาวไต้หวันผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังมีกระแสตั้งข้อสงสัยว่าเฉิน บริจาคเงินมากกว่ารายรับที่ได้จากกิจการบริษัทรีไซเคิลของตนเอง
และเมื่อนายเฉินได้ทุบรถเบนซ์ของตนเองโชว์บนโลกออนไลน์จีน เขายิ่งถูกวิจารณ์หนักขึ้น ชาวเน็ตบางรายในเว็บไซต์ Sina.com ได้ให้ความเห็นว่า “การกระทำของเฉินไม่มีเหตุผล เขาไม่ได้พิจารณาถึงความจำเป็นของชนชั้นกลางที่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามชานเมือง จำต้องใช้รถยนต์เดินทางทุกวัน เพราะไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะอยู่อาศัยในใจกลางเมืองได้”
ชาวเน็ตบางรายรู้สึกเสียดายรถยนต์ที่นายเฉินทุบ พร้อมกล่าวว่า “การกระทำของเฉินไม่ได้เป็นตัวอย่างอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่เป็นตัวอย่างของการกระทำโดยเปล่าประโยชน์”
ขณะที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่า การกระทำของเฉินเป็นเพียงแค่การโอ้อวด
ชาวเน็ตอีกรายเผยว่า “ทุกวันนี้คนจำนวนมากต่างต้องการโอ้อวด แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาสทำอย่างนั้น ขณะที่นายเฉินมี” พร้อมกล่าวว่า “โลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลย คนบางคนซื้อรถมาทุบเล่น แต่บางคนกลับไม่มีปัญญาแม้แต่จะซื้อรถสักคัน”