จนทุกวันนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงยืนยันคำพูดเดิมๆ เหมือนตอนเปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อหมายเลขหนึ่งพรรคเพื่อไทยว่า ไม่มีนโยบายที่จะนิรโทษกรรมให้แก่ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายจะไม่ทำเพื่อคนคนเดียว จะทำเพื่อประเทศชาติ และประชาชน
คำยืนยันของนางสาวยิ่งลักษณ์หนักแน่น ไม่เขินอาย ทั้งที่พูดไปแล้วไม่มีใครเชื่อ และผู้คนทั้งหลายในบ้านนี้เมืองนี้ก็เห็นกันอยู่ว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ทำในสิ่งตรงข้ามกับที่นางสาวยิ่งลักษณ์พูด
ประเทศของเราเคยจะเป็นจะตายกันให้ได้เมื่อคนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่รักษาคำพูด ที่บอกว่าไม่เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็ เป็น บอกว่าจะไม่สืบทอดอำนาจของ รสช.แต่การกระทำสะท้อนให้เห็นว่า พยายามที่จะสืบทอดอำนาจจนกระทั่งเกิดการชุมนุม เกิดการประท้วง เกิดการเข่นฆ่ากันในเดือนพฤษภาคม 2535 และในที่สุด พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมตรี รองหัวหน้าคณะ รสช.ก็ต้องลาออก และหมดอนาคตทางการเมืองตั้งแต่บัดนั้น ทั้งที่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีหน่วยก้านดีกว่านายกรัฐมนตรีอีกหลายๆ คนที่ประเทศไทยเคยมีมา และกำลังมีอยู่
แต่สำหรับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ทั้งที่รู้ว่าพูดไม่จริง ทั้งที่รู้ว่าโกหก ทั้งที่รู้ว่า ตอแหล ประชาชนก็ยังรู้สึกเฉยๆ ไม่ถือสาหาความ อาจจะเป็นเพราะมองเป็นเรื่องตลก มองเป็นเรื่องสมเพชเวทนาเสียมากกว่าที่จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องพรรค์อย่างนี้ ไม่ว่าจะมีนายทหาร ตำรวจระดับพลเอก พลโท นักการเมืองประเภทเขี้ยวลากดิน อดีตข้าราชการประจำตำแหน่งใหญ่โตยอมสยบอยู่ภายใต้การนำของเธอ ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องอัศจรรย์พันลึกที่คนไม่ประสีประสาทางการเมืองประกาศตัวจะเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่วันก็ได้
เพราะคนทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้อยู่ว่า ทั้งหลายทั้งปวงนั้นขึ้นอยู่กับทักษิณ ทักษิณให้สมัคร สมัครก็ได้ ให้สมชายก็ต้องเป็นของสมชาย นี่ถ้าหากไม่ให้ยิ่งลักษณ์ แต่ให้มิ่งขวัญ ให้เฉลิม ให้จตุพร ก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น นอกจากมิ่งขวัญ เฉลิม หรือจตุพรก็เท่านั้น
ก็พูดกันตั้งแต่ที่ทักษิณเลือกโคลนนิ่งของเขามาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วมิใช่หรือว่า เพราะทักษิณต้องเลือกคนที่ไว้วางใจที่สุด กล้าที่จะทำเพื่อเขามากที่สุด วางใจได้ที่สุด
หนึ่งเดือนในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงก็ได้เห็นกันแล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทักษิณ ชินวัตร คาดหมาย คาดการณ์ไว้ได้เป็นอย่างดีที่สุด นั่นก็คือไม่สะทกสะท้าน ไม่ยี่หระ ไม่เขินอายที่จะทำทุกอย่างทุกประการเพื่อทักษิณ โดยต้องปากแข็งยิ้มรับคำถามท่องให้ขึ้นใจกับคำว่า เพื่อประโยชน์ ประเทศชาติและประชาชน ยืนยันในหลักการว่า ไม่ทำเพื่อคนคนเดียว
ส่วนปฏิบัติการให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และมีอีกมากมายที่พร้อมจะเสนอตัวให้ใช้งาน
นางสาวยิ่งลักษณ์มีหน้าที่อย่างเดียว คือ ยิ้มเข้าไว้ ปฏิเสธเข้าไว้ ไม่ไหวจริงๆ ก็เดินหนี
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาจึงต้องเร่งเอาตำแหน่ง ผบ.ตร.ให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ให้ได้ตามที่ทักษิณตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เร่งแก้ปัญหาให้ทักษิณไปญี่ปุ่น และประเทศอื่นใดอีกก็ได้ที่จะส่งผลในทางสากลให้ยอมรับทักษิณให้มากๆ และในประเทศก็ต้องพูดเรื่องอภัยโทษ หรือจะต้องทำทุกอย่างทุกประการให้คดีความทั้งหลายพ้นไปจากสารบบศาล ให้ผู้คนทั้งหลายนอกจาก 14/15 ล้านเสียงที่เลือกพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ทักษิณสะอาดบริสุทธิ์แล้ว ถ้าหากสามารถให้คนอื่นเห็นด้วย ก็ยิ่งจะเป็นเรื่องวิเศษ
เพราะฉะนั้นเราจึงได้ยินคำว่า ศาลแพ่งตัดสินไปแล้วว่าซื้อที่ดินรัชดาฯ โมฆะ เพราะฉะนั้นก็แสดงว่าไม่ได้มีการกระทำที่ผิด สมควรให้ศาลฎีการื้อคดีที่ดินรัชดาฯ มาพิจารณาใหม่
นี่โชคยังดีที่จะให้รื้อเฉพาะคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ไม่เรียกร้องให้รื้อคดีซุกหุ้นมาพิจารณาใหม่ด้วย เพราะมีนักกฎหมายใหญ่บอกว่าคดีซุกหุ้นเป็นการหักดิบกฎหมาย เอา 4 เสียงที่บอกว่า ทักษิณไม่ได้ซุกหุ้นไปรวมกับอีก 4 เสียงที่บอกว่า ไม่รับพิจารณคดีนี้เป็น 8 เสียง ชนะ 7 เสียงที่บอกว่าทักษิณซุกหุ้น
หรือการขอพระราชทานอภัยโทษไม่จำเป็นต้องสำนึกผิด ไม่จำเป็นที่จะต้องติดคุกเสียก่อน ไม่ต้องรับโทษก่อนอย่างที่เฉลิม และอีกหลายคนที่รับใช้ทักษิณ อย่างสุดจิตสุดใจกำลังพูดและทำอยู่ขณะนี้
“ไม่ทำเพื่อคนคนเดียว ไม่มีนโยบายเรื่องนิรโทษกรรม ยังไม่ทราบเรื่องนี้” นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบนักข่าวอย่างหนักแน่นมั่นคง
ดีว่ามีตำแหน่งใหญ่โตเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นชาวบ้าน คนเขาก็จะพูดว่า “ช่างตอหลดตอแหลได้ไม่อายปาก ลูกใคร หลานใคร น้องใครนะนี่” ชาวบ้านก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ แต่กระนั้นในใจก็เกิดความสงสัยว่า เราจะพูดเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกหกมดเท็จ ให้ลูกให้หลานเราอย่างไร ในเมื่อผู้นำประเทศเป็นเสียอย่างนี้
คำยืนยันของนางสาวยิ่งลักษณ์หนักแน่น ไม่เขินอาย ทั้งที่พูดไปแล้วไม่มีใครเชื่อ และผู้คนทั้งหลายในบ้านนี้เมืองนี้ก็เห็นกันอยู่ว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ทำในสิ่งตรงข้ามกับที่นางสาวยิ่งลักษณ์พูด
ประเทศของเราเคยจะเป็นจะตายกันให้ได้เมื่อคนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่รักษาคำพูด ที่บอกว่าไม่เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็ เป็น บอกว่าจะไม่สืบทอดอำนาจของ รสช.แต่การกระทำสะท้อนให้เห็นว่า พยายามที่จะสืบทอดอำนาจจนกระทั่งเกิดการชุมนุม เกิดการประท้วง เกิดการเข่นฆ่ากันในเดือนพฤษภาคม 2535 และในที่สุด พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมตรี รองหัวหน้าคณะ รสช.ก็ต้องลาออก และหมดอนาคตทางการเมืองตั้งแต่บัดนั้น ทั้งที่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีหน่วยก้านดีกว่านายกรัฐมนตรีอีกหลายๆ คนที่ประเทศไทยเคยมีมา และกำลังมีอยู่
แต่สำหรับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ทั้งที่รู้ว่าพูดไม่จริง ทั้งที่รู้ว่าโกหก ทั้งที่รู้ว่า ตอแหล ประชาชนก็ยังรู้สึกเฉยๆ ไม่ถือสาหาความ อาจจะเป็นเพราะมองเป็นเรื่องตลก มองเป็นเรื่องสมเพชเวทนาเสียมากกว่าที่จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องพรรค์อย่างนี้ ไม่ว่าจะมีนายทหาร ตำรวจระดับพลเอก พลโท นักการเมืองประเภทเขี้ยวลากดิน อดีตข้าราชการประจำตำแหน่งใหญ่โตยอมสยบอยู่ภายใต้การนำของเธอ ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องอัศจรรย์พันลึกที่คนไม่ประสีประสาทางการเมืองประกาศตัวจะเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่วันก็ได้
เพราะคนทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้อยู่ว่า ทั้งหลายทั้งปวงนั้นขึ้นอยู่กับทักษิณ ทักษิณให้สมัคร สมัครก็ได้ ให้สมชายก็ต้องเป็นของสมชาย นี่ถ้าหากไม่ให้ยิ่งลักษณ์ แต่ให้มิ่งขวัญ ให้เฉลิม ให้จตุพร ก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น นอกจากมิ่งขวัญ เฉลิม หรือจตุพรก็เท่านั้น
ก็พูดกันตั้งแต่ที่ทักษิณเลือกโคลนนิ่งของเขามาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วมิใช่หรือว่า เพราะทักษิณต้องเลือกคนที่ไว้วางใจที่สุด กล้าที่จะทำเพื่อเขามากที่สุด วางใจได้ที่สุด
หนึ่งเดือนในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงก็ได้เห็นกันแล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทักษิณ ชินวัตร คาดหมาย คาดการณ์ไว้ได้เป็นอย่างดีที่สุด นั่นก็คือไม่สะทกสะท้าน ไม่ยี่หระ ไม่เขินอายที่จะทำทุกอย่างทุกประการเพื่อทักษิณ โดยต้องปากแข็งยิ้มรับคำถามท่องให้ขึ้นใจกับคำว่า เพื่อประโยชน์ ประเทศชาติและประชาชน ยืนยันในหลักการว่า ไม่ทำเพื่อคนคนเดียว
ส่วนปฏิบัติการให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และมีอีกมากมายที่พร้อมจะเสนอตัวให้ใช้งาน
นางสาวยิ่งลักษณ์มีหน้าที่อย่างเดียว คือ ยิ้มเข้าไว้ ปฏิเสธเข้าไว้ ไม่ไหวจริงๆ ก็เดินหนี
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาจึงต้องเร่งเอาตำแหน่ง ผบ.ตร.ให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ให้ได้ตามที่ทักษิณตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เร่งแก้ปัญหาให้ทักษิณไปญี่ปุ่น และประเทศอื่นใดอีกก็ได้ที่จะส่งผลในทางสากลให้ยอมรับทักษิณให้มากๆ และในประเทศก็ต้องพูดเรื่องอภัยโทษ หรือจะต้องทำทุกอย่างทุกประการให้คดีความทั้งหลายพ้นไปจากสารบบศาล ให้ผู้คนทั้งหลายนอกจาก 14/15 ล้านเสียงที่เลือกพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ทักษิณสะอาดบริสุทธิ์แล้ว ถ้าหากสามารถให้คนอื่นเห็นด้วย ก็ยิ่งจะเป็นเรื่องวิเศษ
เพราะฉะนั้นเราจึงได้ยินคำว่า ศาลแพ่งตัดสินไปแล้วว่าซื้อที่ดินรัชดาฯ โมฆะ เพราะฉะนั้นก็แสดงว่าไม่ได้มีการกระทำที่ผิด สมควรให้ศาลฎีการื้อคดีที่ดินรัชดาฯ มาพิจารณาใหม่
นี่โชคยังดีที่จะให้รื้อเฉพาะคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ไม่เรียกร้องให้รื้อคดีซุกหุ้นมาพิจารณาใหม่ด้วย เพราะมีนักกฎหมายใหญ่บอกว่าคดีซุกหุ้นเป็นการหักดิบกฎหมาย เอา 4 เสียงที่บอกว่า ทักษิณไม่ได้ซุกหุ้นไปรวมกับอีก 4 เสียงที่บอกว่า ไม่รับพิจารณคดีนี้เป็น 8 เสียง ชนะ 7 เสียงที่บอกว่าทักษิณซุกหุ้น
หรือการขอพระราชทานอภัยโทษไม่จำเป็นต้องสำนึกผิด ไม่จำเป็นที่จะต้องติดคุกเสียก่อน ไม่ต้องรับโทษก่อนอย่างที่เฉลิม และอีกหลายคนที่รับใช้ทักษิณ อย่างสุดจิตสุดใจกำลังพูดและทำอยู่ขณะนี้
“ไม่ทำเพื่อคนคนเดียว ไม่มีนโยบายเรื่องนิรโทษกรรม ยังไม่ทราบเรื่องนี้” นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบนักข่าวอย่างหนักแน่นมั่นคง
ดีว่ามีตำแหน่งใหญ่โตเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นชาวบ้าน คนเขาก็จะพูดว่า “ช่างตอหลดตอแหลได้ไม่อายปาก ลูกใคร หลานใคร น้องใครนะนี่” ชาวบ้านก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ แต่กระนั้นในใจก็เกิดความสงสัยว่า เราจะพูดเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกหกมดเท็จ ให้ลูกให้หลานเราอย่างไร ในเมื่อผู้นำประเทศเป็นเสียอย่างนี้
