“ยู.เอส.โปโล เอเอสเอสเอ็น” ปรับกลยุทธ์ทั่วโลก หันรุกรีเทล พร้อมโฟกัสตลาดเอเชียมากขึ้น หวังดั๊บเบิ้ลสัดส่วนรายได้จากเอเชียเป็น 24% ในอีก 5 ปี ชูไทยเป็นฮับรุกตลาดเซาท์อีสเอเชีย
นายเดวิด คัมมิ่งส์ ประธานและซีอีโอ บริษัท ยู.เอส.พี.เอ. พร๊อพเพอร์ตี้ส์ อิงค์ เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ยู.เอส.โปโล เอเอสเอสเอ็น ( U.S. POLO ASSN ) จากอเมริกา เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับยุทธศาสตร์ใหม่เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการหันมาเน้นการขายลักษณะรีเทลมากขึ้น จากเดิมเน้นการขายแบบโฮลเซลหรือขายส่ง รวมทั้งจะให้ความสำคัญกับตลาดในเอเชียมากขึ้นด้วย เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตที่ดี จากเดิมที่ตลาดหลักจะอยู่ที่อเมริกากับยุโรป ด้วยการแต่งตั้งพาร์ตเนอร์ในแต่ละประเทศเป็นผู้ทำตลาด โดยรวมแล้วทั่วโลกมีกว่า 70 ไลเซ่นส์ใน 130 ประเทศ
ทั้งนี้เมื่อช่วง 5 ปีที่แล้ว สัดส่วนรายได้มาจาก อเมริกามากถึง 93% แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก ตลาดอเมริกาเหลือ 50% ตลาดมิดเดิ้ลอีสท์สัดส่วน 26% ตลาดยุโรปสัดส่วน 12% ตลาดเอเชียสัดส่วน 10% ตลาดอเมริกาใต้ 3% ซึ่งทั่วโลกมีชอปเปิดรวมกันแล้วมากกว่า 235 สาขา และมีแผนที่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ภายใน 5 ปีจากนี้ ขณะที่ตลาดเอเชียมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้อีกเท่าตัวเป็น 24% ภายใน 5 ปีนี้เช่นกัน
แนวทางการขยายตลาดแต่ละประเทศจะหาพันธมิตรในการรับผิดชอบผลิตและทำตลาด โดยในเอเชียตลาดใหญ่เช่น จีน เปิดแล้ว 2 สาขา ตั้งเป้าเปิด 500-700 สาขาทั่วประเทศแยกเป็นชอปประมาณ 200 ชอป ส่วนอินเดียเปิดแล้ว 50 สาขา มาเลเซียเปิดแล้ว 20 สาขา ขณะที่ไทยก็เริ่มแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการแต่งตั้งบริษัท ทอม เทเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้รับไลเซ่นส์ผลิตและจำหน่ายในไทยและรวม 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางในการรุกตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย ทั้งในด้านการผลิตและการขยายสาขา ซึ่งจากนี้จะเริ่มขยายตลาดเพิ่มขึ้น เช่น เวียดนาม มาเลเซีย
นายเดวิดกล่าวว่า มีความมั่นใจว่าจะสามารถขยายแบรนด์ยู.เอส.โปโล เอเอสเอสเอ็น ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจเอเชียมีการเติบโตเฉลี่ย 2.9% แล้ว
สำหรับแบรนด์ยู.เอส.โปโล เอเอสเอสเอ็น มีรายได้ทั่วโลกรวมกันประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยแล้วรายได้มีการเติบโตทุกปี เช่นปี 2551 เติบโต 59% ปี 2552 เติบโต 22% ปี 2553 เติบโต 33% และปี2554 เพียงครึ่งปีเติบโตแล้วกว่า 61%
นางพัชรวรรณ บุญนำทรัพย์ กรรมการบริหาร บริษัท ทอม เทเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากทำตลาดในไทย 3 ปี ประสบความสำเร็จมาก มีมากกว่า 40 จุดขายแล้ว แบ่งเป็นชอป 2 แห่งที่เซ็นทรัลเวิลด์กับเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 200% หรือมียอดขายเฉพาะแบรนด์นี้กว่า 120 ล้านบาท
ส่วนปีหน้าวางแผนที่จะลงทุนเปิดชอปอีก เช่น ที่เซ็นทรัลพระรามสาม เซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นต้น วางเป้าหมายเปิดร้านรูปแบบชอปครบ 10 แห่งภายใน 2 ปี รวมทั้งมีแผนที่จะขยายไลน์สินค้าเหมือนในต่างประเทศที่เริ่มจำหน่ายแล้ว เช่น แว่นตา นาฬิกา กระเป๋า น้ำหอม รองเท้า
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่บริษัทฯจะผลิตสินค้าแล้วส่งกับเครือข่าย ยู.เอส.พี.เอ. ทั่วโลกได้ เนื่องจากบริษัทแม่มีนโยบายที่จะแชร์ซอร์สซิ่งกันอยู่แล้ว เพื่อลดต้นทุนการผลิต และมีการประชุมกันทุก 2 ปีของผู้รับสิทธิ์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน เช่น ตุรกีประสบความสำเร็จจากการขายผ่านออนไลน์ ก็จะมาแชร์ข้อมูลกัน
เพื่อให้ประเทศอื่นนำไปประยุกต์ใช้ได้ หรือประเทศใดมีความแข็งแกร่งด้านการผลิตสินค้าบางตัวก็จะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกัน
นายเดวิด คัมมิ่งส์ ประธานและซีอีโอ บริษัท ยู.เอส.พี.เอ. พร๊อพเพอร์ตี้ส์ อิงค์ เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ยู.เอส.โปโล เอเอสเอสเอ็น ( U.S. POLO ASSN ) จากอเมริกา เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับยุทธศาสตร์ใหม่เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการหันมาเน้นการขายลักษณะรีเทลมากขึ้น จากเดิมเน้นการขายแบบโฮลเซลหรือขายส่ง รวมทั้งจะให้ความสำคัญกับตลาดในเอเชียมากขึ้นด้วย เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตที่ดี จากเดิมที่ตลาดหลักจะอยู่ที่อเมริกากับยุโรป ด้วยการแต่งตั้งพาร์ตเนอร์ในแต่ละประเทศเป็นผู้ทำตลาด โดยรวมแล้วทั่วโลกมีกว่า 70 ไลเซ่นส์ใน 130 ประเทศ
ทั้งนี้เมื่อช่วง 5 ปีที่แล้ว สัดส่วนรายได้มาจาก อเมริกามากถึง 93% แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก ตลาดอเมริกาเหลือ 50% ตลาดมิดเดิ้ลอีสท์สัดส่วน 26% ตลาดยุโรปสัดส่วน 12% ตลาดเอเชียสัดส่วน 10% ตลาดอเมริกาใต้ 3% ซึ่งทั่วโลกมีชอปเปิดรวมกันแล้วมากกว่า 235 สาขา และมีแผนที่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ภายใน 5 ปีจากนี้ ขณะที่ตลาดเอเชียมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้อีกเท่าตัวเป็น 24% ภายใน 5 ปีนี้เช่นกัน
แนวทางการขยายตลาดแต่ละประเทศจะหาพันธมิตรในการรับผิดชอบผลิตและทำตลาด โดยในเอเชียตลาดใหญ่เช่น จีน เปิดแล้ว 2 สาขา ตั้งเป้าเปิด 500-700 สาขาทั่วประเทศแยกเป็นชอปประมาณ 200 ชอป ส่วนอินเดียเปิดแล้ว 50 สาขา มาเลเซียเปิดแล้ว 20 สาขา ขณะที่ไทยก็เริ่มแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการแต่งตั้งบริษัท ทอม เทเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้รับไลเซ่นส์ผลิตและจำหน่ายในไทยและรวม 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางในการรุกตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย ทั้งในด้านการผลิตและการขยายสาขา ซึ่งจากนี้จะเริ่มขยายตลาดเพิ่มขึ้น เช่น เวียดนาม มาเลเซีย
นายเดวิดกล่าวว่า มีความมั่นใจว่าจะสามารถขยายแบรนด์ยู.เอส.โปโล เอเอสเอสเอ็น ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจเอเชียมีการเติบโตเฉลี่ย 2.9% แล้ว
สำหรับแบรนด์ยู.เอส.โปโล เอเอสเอสเอ็น มีรายได้ทั่วโลกรวมกันประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยแล้วรายได้มีการเติบโตทุกปี เช่นปี 2551 เติบโต 59% ปี 2552 เติบโต 22% ปี 2553 เติบโต 33% และปี2554 เพียงครึ่งปีเติบโตแล้วกว่า 61%
นางพัชรวรรณ บุญนำทรัพย์ กรรมการบริหาร บริษัท ทอม เทเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากทำตลาดในไทย 3 ปี ประสบความสำเร็จมาก มีมากกว่า 40 จุดขายแล้ว แบ่งเป็นชอป 2 แห่งที่เซ็นทรัลเวิลด์กับเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 200% หรือมียอดขายเฉพาะแบรนด์นี้กว่า 120 ล้านบาท
ส่วนปีหน้าวางแผนที่จะลงทุนเปิดชอปอีก เช่น ที่เซ็นทรัลพระรามสาม เซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นต้น วางเป้าหมายเปิดร้านรูปแบบชอปครบ 10 แห่งภายใน 2 ปี รวมทั้งมีแผนที่จะขยายไลน์สินค้าเหมือนในต่างประเทศที่เริ่มจำหน่ายแล้ว เช่น แว่นตา นาฬิกา กระเป๋า น้ำหอม รองเท้า
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่บริษัทฯจะผลิตสินค้าแล้วส่งกับเครือข่าย ยู.เอส.พี.เอ. ทั่วโลกได้ เนื่องจากบริษัทแม่มีนโยบายที่จะแชร์ซอร์สซิ่งกันอยู่แล้ว เพื่อลดต้นทุนการผลิต และมีการประชุมกันทุก 2 ปีของผู้รับสิทธิ์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน เช่น ตุรกีประสบความสำเร็จจากการขายผ่านออนไลน์ ก็จะมาแชร์ข้อมูลกัน
เพื่อให้ประเทศอื่นนำไปประยุกต์ใช้ได้ หรือประเทศใดมีความแข็งแกร่งด้านการผลิตสินค้าบางตัวก็จะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกัน
