นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน กลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวว่าเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 54 บริษัท โกลว์พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้อายุ 10 ปี มูลค่ารวม 5,555 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5 % ซึ่งเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ในการรีไฟแนนซ์เงินกู้โครงการ (Project Finance Facilities) ของบริษัทไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์ (TNP) เป็นหลัก ซึ่งการเข้าซื้อกิจการของ TNP ได้เสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 54 ที่ผ่านมา โดยบริษัทเข้าถือหุ้นทั้งหมดใน TNP และปัจจุบัน TNP มีกำลังการผลิตจำนวน 143 เมกะวัตต์ ที่เปิดดำเนินการอยู่ และอีก 110 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยมีกำหนดการเดินเครื่องเชิงเชิงพาณิชย์ในสิ้นปี 55
โดยส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในการเข้าซื้อกิจการของ TNP ครั้งนี้ คือการรีไฟแนนซ์ซึ่งถือเป็นการดำเนินการสำคัญที่สุดในการเพิ่มผลตอบแทนดังกล่าว บริษัทมีแผนในการจัดหาเงินทุนในเบื้องต้น 3,000 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในการรีไฟแนนซ์เงินกู้โครงการของ TNP และจัดหาในปีหน้าอีก 3,000 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในโครงการขยายกำลังการผลิตของไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์ 2
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความต้องการของนักลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทมีเป็นจำนวนมาก บริษัทจึงสามารถจัดหาเงินทุนครอบคลุมเงินทุนที่ต้องนำไปใช้ในโครงการขยายกำลังการผลิตของไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์ 2 เกือบทั้งหมดอีกด้วย สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้นอกจากจะช่วยให้สามารถสร้างมูลค่า (Value Creation) ได้ตามแผนงานแล้ว ยังสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อพื้นฐานธุรกิจและฐานะทางการเงินที่แข็งแรงของกลุ่มบริษัทอีกด้วย แม้ว่าตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะผันผวนตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตาม
โดยส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในการเข้าซื้อกิจการของ TNP ครั้งนี้ คือการรีไฟแนนซ์ซึ่งถือเป็นการดำเนินการสำคัญที่สุดในการเพิ่มผลตอบแทนดังกล่าว บริษัทมีแผนในการจัดหาเงินทุนในเบื้องต้น 3,000 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในการรีไฟแนนซ์เงินกู้โครงการของ TNP และจัดหาในปีหน้าอีก 3,000 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในโครงการขยายกำลังการผลิตของไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์ 2
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความต้องการของนักลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทมีเป็นจำนวนมาก บริษัทจึงสามารถจัดหาเงินทุนครอบคลุมเงินทุนที่ต้องนำไปใช้ในโครงการขยายกำลังการผลิตของไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์ 2 เกือบทั้งหมดอีกด้วย สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้นอกจากจะช่วยให้สามารถสร้างมูลค่า (Value Creation) ได้ตามแผนงานแล้ว ยังสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อพื้นฐานธุรกิจและฐานะทางการเงินที่แข็งแรงของกลุ่มบริษัทอีกด้วย แม้ว่าตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะผันผวนตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตาม
