00 หลังจากผ่านไปได้ระยะหนึ่ง เหมือนกับดู “ละครน้ำเน่า” ที่ตอนแรกหลายคนคิดว่าเป็น “พระเอก” แต่ทำไปทำมาเริ่มหักมุมกลายเป็นตรงกันข้ามเหมือนกับเรื่องบ่อนกลางกรุงนี่แหละ ที่ก่อนหน้านี้ดูเผินๆ จะเห็นว่าการออกมาแฉโพย ของ เสี่ย ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ จากพรรครักประเทศไทย ที่มีการเปิดคลิปแฉหลักฐานกลางสภา แต่ในที่สุดเมื่อตั้งสติค่อยๆ คิดตามทีละช็อต ผูกโยงกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคลกับเหตุการณ์ในอดีตมันก็เริ่มเข้าเค้าว่า นี่คือ การ “รับงาน” มาเดินเกม “ขับไล่” พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ให้พ้นจากเก้าอี้ ผบ.ตร. แล้วดัน “พี่เมียแม้ว” พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ขึ้นมาเสียบแทนอย่างปัจจุบันทันด่วน แบบ “ทำทันที” เหมือนกัน
00 เมื่อย้อนไปไม่นาน “เหลิม-ชูวิทย์” ทั้งคู่ก็รู้จักกันดี ถึงกับจะลงสมัคร ส.ส.ในพรรคเดียวกัน แต่ข่าววงในบอกว่า “แยกกันเดินรวมกันตี” ดีกว่า และที่สำคัญการลงสมัคร ส.ส.ของ ชูวิทย์ ที่ผ่านมานั้นเห็นชัดๆว่าเป็นการ “ตัดแต้ม” ปชป. และเป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยเต็มเหนี่ยว อีกทั้งเมื่อสังเกตเห็น “อาการแฉ” ก่อนหน้านี้ก็มาประเภท “แฉแล้วหยุด” ยังไงพิกล ตอนแรกทำท่าจะปะฉะดะกับพวกที่เอาคนในครอบครัวมาเป็นรัฐมนตรี พุ่งเป้าไปที่พรรคชาติไทยพัฒนาของ “เสี่ยเติ้ง” กรณีที่ เสธ.หนั่น ดัน “ลูกยอด” มานั่งเก้าอี้ รมช.พาณิชย์ แต่เอาเข้าจริงก็เฉย เงียบเป็นเป่าสากจนบัดนี้
00 ส่วนกับพรรคเพื่อไทยก็เช่นเดียวกัน เคยพูดอยู่คำหนึ่งว่า “แฟมิลีแคบิเนต” ทำท่าจะซัด “น้องปู” เหมือนจะแซว “ปูจ๋า” จากนั้นก็ไม่เคยพูดต่อ หยุดอยู่แค่นั้น และในวันแถลงนโยบายรัฐบาล แทนที่อภิปรายเรื่องที่เป็นสาระหลัก คือเรื่องนโยบาย แต่ดันมาพูดเรื่องบ่อนที่เกี่ยวข้องในระดับย่อย นั่นคือเกี่ยวกับเรื่องผลงานของตำรวจ ไม่ใช่ระดับ “ผู้กำหนดนโยบาย” ด้านอบายมุขอย่างรัฐบาล แม้ว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าการปราบปรามบ่อนการพนัน ยาเสพติด การรับส่งส่วย เป็นเรื่องที่ช่วยกันกำจัดให้เหลือน้อยที่สุด แต่การออกมาแบบนี้มัน “มีพิรุธ” แถมยังเจาะจงอยู่ที่เดียว และอย่าได้แปลกใจที่ตอนหลังมีคนเริ่มมองเห็นความผิดปกติมากขึ้น และเริ่มชี้หน้า “รู้ทัน” ชูวิทย์ว่า “รับงาน” เป็นใครมันก็ต้อง “ร้อนตัว” เป็นธรรมดา เพราะต้องจบเห่แน่นอน
00 การที่พูดเหมือนแก้เกี้ยวว่าอย่าผลักไสให้ไปอยู่ “ข้างแดง” นั้น ก็อยากบอกว่าตัวเราย่อมกำหนดทางเดินของตัวเองได้ว่าจะเป็นไปอย่างไร จะเป็นแดง หรือไม่ก็แล้วแต่ละเลือก สำคัญมันต้องชัดเจน แต่ถึงอย่างไรอีกไม่นานความจริงมันก็ต้องปรากฏออกมาวันยังค่ำว่า “ตัวตนที่แท้จริง” มันคืออะไรกันแน่
00 หลายคนเริ่มกังวลว่ามีการตบรางวัล “หัวโจก” คนเสื้อแดงกันพรึบพรับ ไม่ต่างจากอันธพาลครองเมือง เหมือนกับการค้ำจุนรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้อยู่ยาว แต่ถ้าพิจารณาอีกด้านหนึ่ง นี่แหละคือตัวเพิ่มดีกรีความเสื่อมให้เร็วขึ้น เพราะความมั่นคงของรัฐบาลอยู่ที่ “ผลงาน” เป็นหลัก โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้อง มีธรรมาภิบาล ไม่มีเรื่องทุจริตคอรัปชั่น นั่นแหละคือแรงส่งให้อยู่ได้นานที่สุด แต่เท่าที่เห็นในเวลานี้เป็นอย่างไรบ้างละ แนวโน้มไปทางไหนระหว่าง อันธพาล กับ ธรรมาภิบาล ลองคิดดูสิ !!
00 เมื่อย้อนไปไม่นาน “เหลิม-ชูวิทย์” ทั้งคู่ก็รู้จักกันดี ถึงกับจะลงสมัคร ส.ส.ในพรรคเดียวกัน แต่ข่าววงในบอกว่า “แยกกันเดินรวมกันตี” ดีกว่า และที่สำคัญการลงสมัคร ส.ส.ของ ชูวิทย์ ที่ผ่านมานั้นเห็นชัดๆว่าเป็นการ “ตัดแต้ม” ปชป. และเป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยเต็มเหนี่ยว อีกทั้งเมื่อสังเกตเห็น “อาการแฉ” ก่อนหน้านี้ก็มาประเภท “แฉแล้วหยุด” ยังไงพิกล ตอนแรกทำท่าจะปะฉะดะกับพวกที่เอาคนในครอบครัวมาเป็นรัฐมนตรี พุ่งเป้าไปที่พรรคชาติไทยพัฒนาของ “เสี่ยเติ้ง” กรณีที่ เสธ.หนั่น ดัน “ลูกยอด” มานั่งเก้าอี้ รมช.พาณิชย์ แต่เอาเข้าจริงก็เฉย เงียบเป็นเป่าสากจนบัดนี้
00 ส่วนกับพรรคเพื่อไทยก็เช่นเดียวกัน เคยพูดอยู่คำหนึ่งว่า “แฟมิลีแคบิเนต” ทำท่าจะซัด “น้องปู” เหมือนจะแซว “ปูจ๋า” จากนั้นก็ไม่เคยพูดต่อ หยุดอยู่แค่นั้น และในวันแถลงนโยบายรัฐบาล แทนที่อภิปรายเรื่องที่เป็นสาระหลัก คือเรื่องนโยบาย แต่ดันมาพูดเรื่องบ่อนที่เกี่ยวข้องในระดับย่อย นั่นคือเกี่ยวกับเรื่องผลงานของตำรวจ ไม่ใช่ระดับ “ผู้กำหนดนโยบาย” ด้านอบายมุขอย่างรัฐบาล แม้ว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าการปราบปรามบ่อนการพนัน ยาเสพติด การรับส่งส่วย เป็นเรื่องที่ช่วยกันกำจัดให้เหลือน้อยที่สุด แต่การออกมาแบบนี้มัน “มีพิรุธ” แถมยังเจาะจงอยู่ที่เดียว และอย่าได้แปลกใจที่ตอนหลังมีคนเริ่มมองเห็นความผิดปกติมากขึ้น และเริ่มชี้หน้า “รู้ทัน” ชูวิทย์ว่า “รับงาน” เป็นใครมันก็ต้อง “ร้อนตัว” เป็นธรรมดา เพราะต้องจบเห่แน่นอน
00 การที่พูดเหมือนแก้เกี้ยวว่าอย่าผลักไสให้ไปอยู่ “ข้างแดง” นั้น ก็อยากบอกว่าตัวเราย่อมกำหนดทางเดินของตัวเองได้ว่าจะเป็นไปอย่างไร จะเป็นแดง หรือไม่ก็แล้วแต่ละเลือก สำคัญมันต้องชัดเจน แต่ถึงอย่างไรอีกไม่นานความจริงมันก็ต้องปรากฏออกมาวันยังค่ำว่า “ตัวตนที่แท้จริง” มันคืออะไรกันแน่
00 หลายคนเริ่มกังวลว่ามีการตบรางวัล “หัวโจก” คนเสื้อแดงกันพรึบพรับ ไม่ต่างจากอันธพาลครองเมือง เหมือนกับการค้ำจุนรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้อยู่ยาว แต่ถ้าพิจารณาอีกด้านหนึ่ง นี่แหละคือตัวเพิ่มดีกรีความเสื่อมให้เร็วขึ้น เพราะความมั่นคงของรัฐบาลอยู่ที่ “ผลงาน” เป็นหลัก โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้อง มีธรรมาภิบาล ไม่มีเรื่องทุจริตคอรัปชั่น นั่นแหละคือแรงส่งให้อยู่ได้นานที่สุด แต่เท่าที่เห็นในเวลานี้เป็นอย่างไรบ้างละ แนวโน้มไปทางไหนระหว่าง อันธพาล กับ ธรรมาภิบาล ลองคิดดูสิ !!