ASTVผู้จัดการรายวัน – “ยิปรอค” เผยขึ้นราคาสินค้า 3-4% หลังต้นทุนวัสดุปรับขึ้น แต่เชื่อค่าแรงขึ้นหนุนคนหันมาใช้ระบบผนัง ฝ้าสำเร็จรูป ระบุน้ำหนักเบากว่าผนังทั่วไป 10 เท่า แถมติดตั้งเร็ว
นายแมทธิว วอล์คเกอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไทยประสบปัยหาในเรื่องของต้นทุนการผลิตทั้งวัสดุและพลังงานปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทปรับขึ้นราคาสินค้าประมาณ 3-4% อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาระบบการผลิต สินค้าให้สามารถลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด โดยหันใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ลดการใช้แรงงานในการผลิต ลดความสูญเสียของวัสดุ รวมถึงการพัฒนาสินค้าให้มีมีคุณภาพ และน้ำหนักเบาปัจจุบันมีน้ำหนักเพียง 1 ใน 10 เมื่อเทียบกับระบบผนังทั่วไป ซึ่งจะทำให้ง่ายและประหยัดในการขนส่ง นอกจากนี้ยังใช้ระยะเวลาในการติดตั้งน้อยเมื่อเทียบกับระบบก่ออิฐฉาบปูนทั่วไป ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวจะส่งผลดีเมื่อรัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททำให้ผู้บริโภคหันมาใช้ระบบสำเร็จรูปในการก่อสร้างบ้านเพื่อลดการใช้แรงงานลง
สำหรับภาพรวมของตลาดวัสดุก่อสร้าง เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีแนวโน้มที่ดีตามตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ภาพรวมของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ประเทศส่วนใหญ่ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการขยายตัวและพัฒนาทางเศรษฐกิจและการก่อสร้างสูงจากการลงทุนของภาครัฐบาลและเอกชน อาทิ เวียดนาม และไทย ที่มีโครงการใหม่เกิดขึ้นมากมาย การเจาะตลาดของแผ่นยิปซัมในตลาดวัสดุก่อสร้างยังคงมีโอกาสอยู่มาก
“แผ่นยิปซัมเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในงานฝ้าเพดานประมาณ 80% แต่สำหรับตลาดผนังทั้งอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัยยังคงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับประเทศในแถบนี้ที่การเจาะตลาดส่วนนี้ยังคงน้อยเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นระบบผนังก่ออิฐฉาบปูน ดังนั้น อัตราการใช้แผ่นยิปซัมต่อประชากรของภูมิภาคนี้เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วยังห่างไกลกันมาก ในอัตรา 1 ต่อ 10 ตารางเมตรต่อคน เท่านั้น”
นายแมทธิว วอล์คเกอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไทยประสบปัยหาในเรื่องของต้นทุนการผลิตทั้งวัสดุและพลังงานปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทปรับขึ้นราคาสินค้าประมาณ 3-4% อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาระบบการผลิต สินค้าให้สามารถลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด โดยหันใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ลดการใช้แรงงานในการผลิต ลดความสูญเสียของวัสดุ รวมถึงการพัฒนาสินค้าให้มีมีคุณภาพ และน้ำหนักเบาปัจจุบันมีน้ำหนักเพียง 1 ใน 10 เมื่อเทียบกับระบบผนังทั่วไป ซึ่งจะทำให้ง่ายและประหยัดในการขนส่ง นอกจากนี้ยังใช้ระยะเวลาในการติดตั้งน้อยเมื่อเทียบกับระบบก่ออิฐฉาบปูนทั่วไป ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวจะส่งผลดีเมื่อรัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททำให้ผู้บริโภคหันมาใช้ระบบสำเร็จรูปในการก่อสร้างบ้านเพื่อลดการใช้แรงงานลง
สำหรับภาพรวมของตลาดวัสดุก่อสร้าง เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีแนวโน้มที่ดีตามตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ภาพรวมของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ประเทศส่วนใหญ่ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการขยายตัวและพัฒนาทางเศรษฐกิจและการก่อสร้างสูงจากการลงทุนของภาครัฐบาลและเอกชน อาทิ เวียดนาม และไทย ที่มีโครงการใหม่เกิดขึ้นมากมาย การเจาะตลาดของแผ่นยิปซัมในตลาดวัสดุก่อสร้างยังคงมีโอกาสอยู่มาก
“แผ่นยิปซัมเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในงานฝ้าเพดานประมาณ 80% แต่สำหรับตลาดผนังทั้งอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัยยังคงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับประเทศในแถบนี้ที่การเจาะตลาดส่วนนี้ยังคงน้อยเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นระบบผนังก่ออิฐฉาบปูน ดังนั้น อัตราการใช้แผ่นยิปซัมต่อประชากรของภูมิภาคนี้เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วยังห่างไกลกันมาก ในอัตรา 1 ต่อ 10 ตารางเมตรต่อคน เท่านั้น”
