ศูนย์ข่าวเชียงใหม่- - ตำรวจลำปางรวบหนุ่มสงขลาคาด่านสบปราบ หลังขึ้นมาขนยาบ้า-ไอซ์จากเชียงรายเตรียมกลับไปขายที่บ้านแต่ไม่รอดโดนจับก่อน “ชัยยะ” เผยผู้ต้องหาทั้งเสพทั้งขายแถมเข้าออก 3 จชต.บ่อย ระบุหากหลุดไปถึงมาเลย์-สิงคโปร์ราคาเพิ่มอีก 10 เท่า ด้าน ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 ชี้ความต้องการยาภาคใต้พุ่งทำพ่อค้าลงทุนขึ้นมาขนเองถึงที่
วานนี้( 30 ส.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) เป็นประธานในการแถลงข่าวการจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาบ้าและยาไอซ์ในพื้นที่ จ.ลำปาง การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และตำรวจภูธรจังหวัดลำปางทราบว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงราย ผ่านพื้นที่ จ.ลำปาง เพื่อลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ จึงได้ตรวจตราตามด่านตรวจและจุดตรวจต่างๆ อย่างเข้มงวด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจสบปราบ นำโดย ร.ต.ท.ภัณทารักษ์ เครือวงศ์ รอง สวป.สภ.สบปราบ รับแจ้งจาก ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร สว.สส.ภ.จ.เชียงรายว่า ได้รับรายงานจากสายว่าจะมีรถของผู้ต้องสงสัย ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี สีบรอนซ์ทอง เลขทะเบียน ภค 5441 กทม. เดินทางจาก จ.เชียงรายเข้าสู่พื้นที่ จ.ลำปาง
เมื่อพบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวขับผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านจึงได้เรียกตรวจค้น จากการตรวจค้นพบวัตถุพันด้วยเทปกาวสีดำ 10 ก้อน ซุกซ่อนอยู่ใต้คอนโซลหน้ารถด้านซ้ายของคนขับ ภายในพบยาบ้า 10,600 เม็ด และยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส น้ำหนักรวม 1.1 กิโลกรัม จึงได้ควบคุมตัวนายศุภรัตน์ หมัดร่วม อยู่บ้านเลขที่ 23/1 ถ.ยี่ขุนอุทิศ ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวพร้อมนำของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนนายศุภรัตน์ ให้การว่า เดินทางมายัง จ.เชียงราย เพื่อซื้อและลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวกลับไปยังภูมิลำเนา โดยยาเสพติดที่ได้มาจะนำไปจำหน่ายในพื้นที่ รวมทั้งจะส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซียอีกด้วย โดยนายศุภรัตน์นอกจากจะเป็นผู้ลำเลียงยาเสพติดแล้วยังมีพฤติกรรมเสพยาเสพติดอีกด้วย
พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ผบช.ภ.5 กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้เป็นผลมาจากการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ต้องหาที่จับได้ ทราบว่ามีพฤติกรรมเข้าออกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจะมีการสืบสวนขยายผลต่อไปว่ามีความเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่หรือไม่ ขณะที่ยาเสพติดที่จับได้ในครั้งนี้นั้น หากสามารถหลุดรอดและเข้าไปยังประเทศมาเลเซียได้จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า
ด้านนายพรเทพ เอี่ยมประไพ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 กล่าวว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้เดินทางขึ้นมาลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนเอง โดยมีเป้าหมายที่จะนำยาเสพติดลงไปสู่พื้นที่ตอนใต้ของประเทศ ชี้ให้เห็นว่ามีการลำเลียงยาเสพติดในลักษณะดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ต่างจากเดิมที่มักให้คนในพื้นที่ภาคเหนือลำเลียงยาเสพติดออกจากพื้นที่ เพื่อนำไปส่งและพักไว้ยังพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ซึ่งการที่คนจากทางภาคใต้ขึ้นมาลำเลียงยาเสพติดเอง เป็นเพราะความต้องการยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ รวมไปถึงความต้องการจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการปรับเปลี่ยนการลำเลียงโดยหันมารับยาเสพติดและลำเลียงลงไปเอง