ศูนย์ข่าวภูมิภาค - น้ำท่วมหลายจังหวัดยังวิกฤต ชาวระนองกว่า 600 ชีวิตถูกตัดขาดดินภูเขาถล่มปิดทับถนนบ้านรังแตน-ในกรัง ส่วน "จันท์" น้ำป่าจากเทือกเขาสระบาปทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 50 หลังสวนผลไม้กว่า 100 ไร่ ถนนสายหลักจมบาดาล "ชลบุรี"ชาวต้องเร่งขนสิ่งของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น หลังฝนถล่มจนน้ำทะลักท่วมถนน-บ้านเรือน ขณะที่โคราชฝนถล่มนาน 3 ชม.ส่งผลน้ำท่วมขังถนน-บ้านเรือนร้านค้าเขตเทศบาลนครฯหลายจุด ด้านศูนย์เตือนภัยจังหวัดฯ ประกาศแจ้งเตือน ปชช.ในพื้นที่เสี่ยงระวังน้ำท่วม “ยิ่งลักษณ์”ลั่นชู "อุดรโมเดล" ให้หน่วยงานชลประทานทั่วประเทศนำไปบูรณาการเป็นต้นแบบ
หลายจังหวัดทั่วประเทศไทยยังคงถูกน้ำท่วมอย่างหนัก และประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น โดยเฉพาะที่ จ.ระนอง วานนี้ (29ส.ค.)ได้เกิดเหตุดินภูเขาถล่มปิดทับถนนสาย รน.5012 บ้านรังแตน-บ้านในกรัง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12 รอยต่อหมู่ที่ 9 บ้านในกรังกับหมู่ที่ 11 บ้านรังแตน ตำบล จ.ป.ร. อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นระยะทางประมาณ 50 เมตรหลังจากที่ฝนตกหนักติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาและดินยังคงเลื่อนไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากฝนตกยังคงตกหนักตลอดเวลา รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่บ้านในกรัง หมู่ที่ 9 ประมาณ 600 คนได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถนำพืชผลทางการเกษตรออกไปจำหน่ายได้
ต่อมา น.ส.จิตรา พรหมชุติมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยนายชาสันต์ คงเรือง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง และนายไชยันต์ ปฏิยุทธ นายอำเภอกระบุรี เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยพร้อมทั้งได้ประสานไปยังสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดระนอง เพื่อนำเครื่องจักรกลเข้าไปตักดินออกเพื่อเปิดเส้นทางให้ได้โดยเร็วที่สุด ในขณะที่พื้นที่ตำบลปากจั่น และตำบลมะมุ อำเภอกระบุรี น้ำยังคงท่วมสวนปาล์มน้ำมันและนาข้าว ที่อยู่ริมแม่น้ำกระบุรีและคลองจั่น
นายชาสันต์ คงเรือง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยในทุกอำเภอของจังหวัดระนอง ซึ่งได้เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางด้านอุทกภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีประชาชนเสียชีวิตจากภัยพิบัติในครั้งนี้
**น้ำท่วมจันท์บ้านเรือนเสียหายแล้วกว่า50หลัง
ส่วนในพื้นที่ จ.จันทบุรี ก็ได้เกิดฝนตกหนักเช่นกัน ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาสระบาปเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านฟอกส์แลนด์ หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ต.อ่างคีรี อ.มะขาม กว่า 50 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อน หลังระดับน้ำท่วมสูง 80 เซนติเมตรถึง 1 เมตรทำให้ชาวบ้านไม่สามารถยกสิ่งของไว้ในที่สูงได้ทันและถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ น้ำป่าที่ไหลหลากยังเข้าท่วมสวนผลไม้ของชาวบ้านเสียหายเป็นวงกว้างกว่า 100 ไร่ เช่น สวนลองกอง มังคุด สละ ปาล์ม เงาะ ทุเรียน และยางพารา มีน้ำท่วมขังสูง นอกจากนี้ยังมีน้ำท่วมถนนสายมะขาม-ขลุงที่เป็นถนนสายหลัก ทำให้การสัญจรไปมาของผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นไปด้วยความยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าอาสาหน่วยกู้ภัย สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี อปพร.และเทศบาลตำบลอ่างคีรี ได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือกับชาวบ้านในการช่วยขนย้ายสิ่งของในเบื้องต้นแล้ว แต่ปัญหายังพบว่าปริมาณน้ำมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด
ขณะที่ทางจังหวัดจันทบุรี ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นให้การช่วยเหลือชาวบ้านโดยการนำเรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ และเร่งอพยพชาวบ้านที่อยู่ในพื้นเสี่ยงออกนอกพื้นที่เป็นการเร่งด่วน
**ฝนถล่มน้ำท่วมชลฯชาวบ้านขนของหนีวุ่น
ส่วนที่ จ.ชลบุรี ตั้งแต่คืนวันที่ 28 ส.ค.จนถึงเช้าวันที่ 29ส.ค.ที่เขตอำเภอเมืองชลบุรี ได้มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนส่งผลให้น้ำฝนที่มีปริมาณมากและไม่สามารถระบายลงทะเลได้ทันได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตพื้นที่ตัวเมืองชลบุรี ต.แสนสุข และ ต.เหมือง อ.เมืองชลบุรี รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงจนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประกอบกับปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจากเขาสะสมกับน้ำในพื้นที่ราบต่ำทำให้น้ำท่วมทั้งถนนสายเลี่ยงเมืองแสนสุข หมู่บ้านมณีแก้ว และชุมชนหาดวอนนภา ต.แสนสุข อย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม เทศบาลเมืองแสนสุขได้ส่งกำลังเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบแล้วและได้ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณภัยออกสำรวจพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะถนนสายเลี่ยงเมืองแสนสุข ไทยพิพัฒน์ ได้มีน้ำสะสมเป็นจำนวนมากจนรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ต้องใช้เครื่องสูบน้ำมาระดมกำลังดูออกเพื่อให้รถของชาวบ้านวิ่งผ่านไปมาได้
ขณะที่นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้สั่งการให้นายกอบชัย บุญอรนะ ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดชลบุรี ส่งเจ้าหน้าออกไปทำการติดเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล หรือท่อระบายน้ำ นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ออกขจัดขยะมูลฝอยต่างๆ ที่อาจจะเข้าติดขัดขวางทางระบายน้ำ ทำให้น้ำระบายลงไม่สะดวกจึงเกิดปัญหาน้ำท่วมได้อีกด้วย
ฝนถล่มท่วมเมืองโคราชหลายจุด - เขื่อนใหญ่เร่งระบายน้ำรับมือ
**ฝนถล่มเมืองโคราชนาน3ชั่วโมงถนนจม
ส่วนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องกันนานเกือบ 3 ชั่วโมง ส่งผลให้ถนนหลายสายรวมทั้งบ้านเรือนร้านค้าประชาชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เช่น ถนนเดชอุดม ถนนมิตรภาพ ถนนราชดำเนิน และถนนสุรนารายณ์ มีน้ำท่วมขังระดับน้ำสูงกว่า 30 ซม.เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากท่ออุดตัน ต้องใช้เวลานานในการระบายน้ำจึงจะลดระดับลงเข้าสู่สภาวะปกติ
ขณะที่ศูนย์เตือนภัยจังหวัดนครราชสีมา ได้ประกาศแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมระดับ 2 (เฝ้าระวัง) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยประกอบด้วย เขตเทศบาลนครนครราชสีมา บริเวณหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ต.หัวทะเล ต.หนองบัวศาลา และ บริเวณหมู่บ้านจามจุรีทางไปเขตอุตสาหกรรมสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยส่งข้อความข่าวไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อให้ช่วยกันประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวให้มีการเตรียมความพร้อมไว้ตลอด 24 ชั่วโมง
**“ยิ่งลักษณ์”ชูอุดรโมเดลแก้น้ำท่วมอีก
ที่ จ.อุดรธานี เมื่อช่วงสายวานนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชมสถานีสูบน้ำท้ายห้วยหมากแข้ง ซึ่งเป็นโครงการเดิมสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อนุมัติเงินงบประมาณ 673,409,872 บาท จัดสรรให้ 16 หน่วยงานมาเพื่อทำโครงการป้องกันน้ำท่วมเมืองอุดรธานี โดยมีนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดระานี และข้าราชการที่เกี่ยวทุกหน่วยงาน และสมาชิกคนเสื้อแดงอุดรฯคอยให้การต้อนรับ
ในการตรวจเยี่ยมโครงการสถานีสูบและดันน้ำเทศบยาลนครอุดรธานีครั้งนี้ มีนายหาญชัย ฑีฆธนานนท์ นายก อบจ.อุดรธานี ซึ่งเป็นอดีตนายกเทศมนตรี และเป็นผู้ดำเนินการโครงการดังกล่าวทำหน้าที่บรรยายสรุป
หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จะนำเอาอุดรโมเดลนี้ไปให้หน่วยงานชลประทานและที่เกี่ยวข้องนำไปศึกษาและปรับให้เข้ากับสภาพของแต่ละพื้นที่
จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านเสอเพลอโนนสวรรค์ ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ซึ่งเป็นโรงเรียนรูปแบบการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ตำบลเป็นฐาน หรือโรงเรียนเสอเพลอโมเดล เพราะเป็นพื้นที่นำร่องนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ด้านการเพิ่มโอกาสและการเรียนรู้ สถานศึกษา
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์รับฟังการบรรยายสรุปจากผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา เขต 2 ถึงความเป็นมาของโรงเรียนและการดำเนินการตามนโยบาย หลังจากนั้นได้เดินไปตรวจเยี่ยมนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ตามห้องเรียนต่างๆ แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ
**กรมชลฯเตือนลุ่มน้ำเจ้าพระยารับมือน้ำเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรมชลประทานได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยมีเนื้อหาระบุว่าตามที่มีฝนตกหนักที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่จ้ำเจ้าพระยาที่ จ.นครสวรรค์ เพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าระดับน้ำจะอยู่ในเกณฑ์สูงสุด 2,500-2,600 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินทาที
ทั้งนี้ กรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำผ่านระบบของกรมชลประทานให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่เกิน 2,000-2,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้บริเวณที่ลุ่มต่ำของแม่เจ้าพระยา ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อน จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง และ จ.อยุธยา มีระดับน้ำเปลี่บยนแปลงเพิ่มขึ้นประมาณ 50 ซม.ในช่วงสั้นๆ จึงขอเตือนให้ประชาชน ป้องกันและเสริมกระสอบทรายในที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ พร้อมขนย้ายของมีค่าขึ้นที่สูง และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วย
หลายจังหวัดทั่วประเทศไทยยังคงถูกน้ำท่วมอย่างหนัก และประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น โดยเฉพาะที่ จ.ระนอง วานนี้ (29ส.ค.)ได้เกิดเหตุดินภูเขาถล่มปิดทับถนนสาย รน.5012 บ้านรังแตน-บ้านในกรัง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12 รอยต่อหมู่ที่ 9 บ้านในกรังกับหมู่ที่ 11 บ้านรังแตน ตำบล จ.ป.ร. อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นระยะทางประมาณ 50 เมตรหลังจากที่ฝนตกหนักติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาและดินยังคงเลื่อนไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากฝนตกยังคงตกหนักตลอดเวลา รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่บ้านในกรัง หมู่ที่ 9 ประมาณ 600 คนได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถนำพืชผลทางการเกษตรออกไปจำหน่ายได้
ต่อมา น.ส.จิตรา พรหมชุติมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยนายชาสันต์ คงเรือง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง และนายไชยันต์ ปฏิยุทธ นายอำเภอกระบุรี เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยพร้อมทั้งได้ประสานไปยังสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดระนอง เพื่อนำเครื่องจักรกลเข้าไปตักดินออกเพื่อเปิดเส้นทางให้ได้โดยเร็วที่สุด ในขณะที่พื้นที่ตำบลปากจั่น และตำบลมะมุ อำเภอกระบุรี น้ำยังคงท่วมสวนปาล์มน้ำมันและนาข้าว ที่อยู่ริมแม่น้ำกระบุรีและคลองจั่น
นายชาสันต์ คงเรือง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยในทุกอำเภอของจังหวัดระนอง ซึ่งได้เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางด้านอุทกภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีประชาชนเสียชีวิตจากภัยพิบัติในครั้งนี้
**น้ำท่วมจันท์บ้านเรือนเสียหายแล้วกว่า50หลัง
ส่วนในพื้นที่ จ.จันทบุรี ก็ได้เกิดฝนตกหนักเช่นกัน ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาสระบาปเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านฟอกส์แลนด์ หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ต.อ่างคีรี อ.มะขาม กว่า 50 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อน หลังระดับน้ำท่วมสูง 80 เซนติเมตรถึง 1 เมตรทำให้ชาวบ้านไม่สามารถยกสิ่งของไว้ในที่สูงได้ทันและถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ น้ำป่าที่ไหลหลากยังเข้าท่วมสวนผลไม้ของชาวบ้านเสียหายเป็นวงกว้างกว่า 100 ไร่ เช่น สวนลองกอง มังคุด สละ ปาล์ม เงาะ ทุเรียน และยางพารา มีน้ำท่วมขังสูง นอกจากนี้ยังมีน้ำท่วมถนนสายมะขาม-ขลุงที่เป็นถนนสายหลัก ทำให้การสัญจรไปมาของผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นไปด้วยความยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าอาสาหน่วยกู้ภัย สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี อปพร.และเทศบาลตำบลอ่างคีรี ได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือกับชาวบ้านในการช่วยขนย้ายสิ่งของในเบื้องต้นแล้ว แต่ปัญหายังพบว่าปริมาณน้ำมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด
ขณะที่ทางจังหวัดจันทบุรี ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นให้การช่วยเหลือชาวบ้านโดยการนำเรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ และเร่งอพยพชาวบ้านที่อยู่ในพื้นเสี่ยงออกนอกพื้นที่เป็นการเร่งด่วน
**ฝนถล่มน้ำท่วมชลฯชาวบ้านขนของหนีวุ่น
ส่วนที่ จ.ชลบุรี ตั้งแต่คืนวันที่ 28 ส.ค.จนถึงเช้าวันที่ 29ส.ค.ที่เขตอำเภอเมืองชลบุรี ได้มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนส่งผลให้น้ำฝนที่มีปริมาณมากและไม่สามารถระบายลงทะเลได้ทันได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตพื้นที่ตัวเมืองชลบุรี ต.แสนสุข และ ต.เหมือง อ.เมืองชลบุรี รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงจนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประกอบกับปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจากเขาสะสมกับน้ำในพื้นที่ราบต่ำทำให้น้ำท่วมทั้งถนนสายเลี่ยงเมืองแสนสุข หมู่บ้านมณีแก้ว และชุมชนหาดวอนนภา ต.แสนสุข อย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม เทศบาลเมืองแสนสุขได้ส่งกำลังเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบแล้วและได้ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณภัยออกสำรวจพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะถนนสายเลี่ยงเมืองแสนสุข ไทยพิพัฒน์ ได้มีน้ำสะสมเป็นจำนวนมากจนรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ต้องใช้เครื่องสูบน้ำมาระดมกำลังดูออกเพื่อให้รถของชาวบ้านวิ่งผ่านไปมาได้
ขณะที่นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้สั่งการให้นายกอบชัย บุญอรนะ ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดชลบุรี ส่งเจ้าหน้าออกไปทำการติดเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล หรือท่อระบายน้ำ นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ออกขจัดขยะมูลฝอยต่างๆ ที่อาจจะเข้าติดขัดขวางทางระบายน้ำ ทำให้น้ำระบายลงไม่สะดวกจึงเกิดปัญหาน้ำท่วมได้อีกด้วย
ฝนถล่มท่วมเมืองโคราชหลายจุด - เขื่อนใหญ่เร่งระบายน้ำรับมือ
**ฝนถล่มเมืองโคราชนาน3ชั่วโมงถนนจม
ส่วนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องกันนานเกือบ 3 ชั่วโมง ส่งผลให้ถนนหลายสายรวมทั้งบ้านเรือนร้านค้าประชาชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เช่น ถนนเดชอุดม ถนนมิตรภาพ ถนนราชดำเนิน และถนนสุรนารายณ์ มีน้ำท่วมขังระดับน้ำสูงกว่า 30 ซม.เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากท่ออุดตัน ต้องใช้เวลานานในการระบายน้ำจึงจะลดระดับลงเข้าสู่สภาวะปกติ
ขณะที่ศูนย์เตือนภัยจังหวัดนครราชสีมา ได้ประกาศแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมระดับ 2 (เฝ้าระวัง) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยประกอบด้วย เขตเทศบาลนครนครราชสีมา บริเวณหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ต.หัวทะเล ต.หนองบัวศาลา และ บริเวณหมู่บ้านจามจุรีทางไปเขตอุตสาหกรรมสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยส่งข้อความข่าวไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อให้ช่วยกันประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวให้มีการเตรียมความพร้อมไว้ตลอด 24 ชั่วโมง
**“ยิ่งลักษณ์”ชูอุดรโมเดลแก้น้ำท่วมอีก
ที่ จ.อุดรธานี เมื่อช่วงสายวานนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชมสถานีสูบน้ำท้ายห้วยหมากแข้ง ซึ่งเป็นโครงการเดิมสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อนุมัติเงินงบประมาณ 673,409,872 บาท จัดสรรให้ 16 หน่วยงานมาเพื่อทำโครงการป้องกันน้ำท่วมเมืองอุดรธานี โดยมีนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดระานี และข้าราชการที่เกี่ยวทุกหน่วยงาน และสมาชิกคนเสื้อแดงอุดรฯคอยให้การต้อนรับ
ในการตรวจเยี่ยมโครงการสถานีสูบและดันน้ำเทศบยาลนครอุดรธานีครั้งนี้ มีนายหาญชัย ฑีฆธนานนท์ นายก อบจ.อุดรธานี ซึ่งเป็นอดีตนายกเทศมนตรี และเป็นผู้ดำเนินการโครงการดังกล่าวทำหน้าที่บรรยายสรุป
หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จะนำเอาอุดรโมเดลนี้ไปให้หน่วยงานชลประทานและที่เกี่ยวข้องนำไปศึกษาและปรับให้เข้ากับสภาพของแต่ละพื้นที่
จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านเสอเพลอโนนสวรรค์ ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ซึ่งเป็นโรงเรียนรูปแบบการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ตำบลเป็นฐาน หรือโรงเรียนเสอเพลอโมเดล เพราะเป็นพื้นที่นำร่องนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ด้านการเพิ่มโอกาสและการเรียนรู้ สถานศึกษา
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์รับฟังการบรรยายสรุปจากผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา เขต 2 ถึงความเป็นมาของโรงเรียนและการดำเนินการตามนโยบาย หลังจากนั้นได้เดินไปตรวจเยี่ยมนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ตามห้องเรียนต่างๆ แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ
**กรมชลฯเตือนลุ่มน้ำเจ้าพระยารับมือน้ำเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรมชลประทานได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยมีเนื้อหาระบุว่าตามที่มีฝนตกหนักที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่จ้ำเจ้าพระยาที่ จ.นครสวรรค์ เพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าระดับน้ำจะอยู่ในเกณฑ์สูงสุด 2,500-2,600 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินทาที
ทั้งนี้ กรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำผ่านระบบของกรมชลประทานให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่เกิน 2,000-2,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้บริเวณที่ลุ่มต่ำของแม่เจ้าพระยา ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อน จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง และ จ.อยุธยา มีระดับน้ำเปลี่บยนแปลงเพิ่มขึ้นประมาณ 50 ซม.ในช่วงสั้นๆ จึงขอเตือนให้ประชาชน ป้องกันและเสริมกระสอบทรายในที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ พร้อมขนย้ายของมีค่าขึ้นที่สูง และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วย