นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่าปีนี้ บริษัทคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ประมาณ 25% จากปีก่อนที่ไม่ถึง โดยอัตรากำไรขั้นต้นแต่ละปีของ CPALL จะเติบโตปีละ 0.2-0.3% จากผลิตภัณฑ์สินค้าที่หลากหลาย ซึ่งสิ้นไตรมาส 2/54 อยู่ที่ 24.7% แบ่งเป็นสินค้าอาหาร 25% ส่วนสินค้าไม่ใช่อาหาร 23.6%
จากเหตุดังกล่าวทำให้คาดว่า รายได้ของบริษัทปีนี้จะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่เติบโต 15% เพราะมั่นใจว่าครึ่งหลังปี 54 รายได้ของบริษัทจะเติบโตมากกว่าครึ่งแรกที่มีรายได้ 7.69 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.3% และคาดว่ากำไรในครึ่งหลังปีนี้ ดีขึ้นด้วย หลัง 6 เดือนแรกที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 4.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5%
สำหรับกลยุทธ์ของ CPALL ยังเน้นต่อไปที่กลุ่มอาหารที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยจะเพิ่มในส่วนเบเกอรี่ กาแฟ อาหารเสริม อีกทั้งในครึ่งปีหลังประเมินว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของบริษัท
ส่วนนโยบายภาครัฐเรื่องการขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวัน ผู้จบปริญญาตรีได้รับเงินเดือน 15,000 บาท และมีการประกันราคาสินค้าเกษตรนั้น บริษัทเชื่าว่าจะช่วยทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อสูงขึ้น ช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทสูงกว่าเป้าหมายที่ปกติ ขณะที่ต้นทุนค่าแรงยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ สำนักการเงินและลงทุนสัมพันธ์ CPALL กล่าวถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจว่า ในไตรมาส 3/54 ผลประกอบการน่าจะดีกว่าไตรมาส 3 เดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และคาดว่าไตรมาสสุดท้ายก็จะเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ CPALL ตั้งงบลงทุนในแต่ละปีประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยปี 55 คาดว่าจะใช้งบเท่ากันส่วนใหญ่ใช้ในการขยายสาขาใหม่ปีละ 500 สาขาและปรับปรุงสาขาเดิม โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนธุรกิจเฟรนไชส์มี 55% จากปัจจุบัน 52% และร้านที่บริษัทลงทุนเอง 45% จาก 48% ในปัจจุบัน
" เราคาดว่าในปี 56 จะมีร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นครบ 7,000 สาขาในประเทศ โดยเน้นการเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัดและในจำนวนนี้สัดส่วน 15% ของจำนวนสาขาทั้งหมด อยู่ในสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ซึ่งบริษัทได้ต่อายุสัญญาไปอีก 12 ปีแล้ว "
จากเหตุดังกล่าวทำให้คาดว่า รายได้ของบริษัทปีนี้จะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่เติบโต 15% เพราะมั่นใจว่าครึ่งหลังปี 54 รายได้ของบริษัทจะเติบโตมากกว่าครึ่งแรกที่มีรายได้ 7.69 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.3% และคาดว่ากำไรในครึ่งหลังปีนี้ ดีขึ้นด้วย หลัง 6 เดือนแรกที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 4.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5%
สำหรับกลยุทธ์ของ CPALL ยังเน้นต่อไปที่กลุ่มอาหารที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยจะเพิ่มในส่วนเบเกอรี่ กาแฟ อาหารเสริม อีกทั้งในครึ่งปีหลังประเมินว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของบริษัท
ส่วนนโยบายภาครัฐเรื่องการขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวัน ผู้จบปริญญาตรีได้รับเงินเดือน 15,000 บาท และมีการประกันราคาสินค้าเกษตรนั้น บริษัทเชื่าว่าจะช่วยทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อสูงขึ้น ช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทสูงกว่าเป้าหมายที่ปกติ ขณะที่ต้นทุนค่าแรงยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ สำนักการเงินและลงทุนสัมพันธ์ CPALL กล่าวถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจว่า ในไตรมาส 3/54 ผลประกอบการน่าจะดีกว่าไตรมาส 3 เดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และคาดว่าไตรมาสสุดท้ายก็จะเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ CPALL ตั้งงบลงทุนในแต่ละปีประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยปี 55 คาดว่าจะใช้งบเท่ากันส่วนใหญ่ใช้ในการขยายสาขาใหม่ปีละ 500 สาขาและปรับปรุงสาขาเดิม โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนธุรกิจเฟรนไชส์มี 55% จากปัจจุบัน 52% และร้านที่บริษัทลงทุนเอง 45% จาก 48% ในปัจจุบัน
" เราคาดว่าในปี 56 จะมีร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นครบ 7,000 สาขาในประเทศ โดยเน้นการเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัดและในจำนวนนี้สัดส่วน 15% ของจำนวนสาขาทั้งหมด อยู่ในสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ซึ่งบริษัทได้ต่อายุสัญญาไปอีก 12 ปีแล้ว "
