ASTVผู้จัดการรายวัน - “เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์” เดินหน้าพัฒนาคอนโดฯหรู ผุดคอนโดฯ ยูนิตละ 50 ล้านซ.ทองหล่อ ปลายปีเปิดอีก 1 โครงการในย่าน CBD หลังแนวโน้มความต้องการมีเพิ่ม ยันรัฐไม่จำเป็นเพิ่มเพดานต่างชาติซื้อคอนโดฯ เหตุซื้อจริงไม่ถึง 49% แค่สร้างความเชื่อมั่นเป็นพอ ล่าสุดทุ่มงบ 20 ล้านบาท จัดงาน“11th Anniversary Major Development 2011” ระหว่าง 20-28 ส.ค.นี้ ณ สยามพารากอน ขนสต๊อกคอนโดฯจัดโปรโมชั่นตั้งเป้ากวาดยอดขาย 700 ล้านบาท
นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนราคาตั้งแต่ 80,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นไปในช่วงครึ่งปีแรกมีการชะลอตัวกว่า 20-30% โดยเฉพาะช่วงหาเลือกเลือกตั้ง แม้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ต้องการรอดูความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งภายหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น กลุ่มลูกค้าเริ่มกลับมาซื้ออีกครั้ง รวมถึงชาวต่างชาติที่ทะยอยเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากนี้ทิศทางของตลาดจะมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากทิศทางของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนที่ยังมีภาวะการขายที่ดีคือกลุ่มราคาประมาณ 1 แสนบาท/ตร.ม. บวก-ลบ หรือยูนิตละ 3-5 ล้านบาท ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่าราคาอื่นๆ ในขณะที่ตลาดสินค้าราคาแพงกว่า 1.5 ขึ้นไป ลูกค้าจะใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจนานขึ้น อย่างไรก็ตามนับจากต้นปีที่ผ่านมาแถบจะไม่มีผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าระดับบนออกมาเลย ทำให้สต๊อกที่มีอยู่ในตลาดลดน้อยลง การแข่งขันก็ลดลงด้วยเช่นกัน ส่วนตลาดในต่างจังหวัดตามหัวเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ หัวหินและพัทยานั้น เริ่มมีชาวต่างชาติกลับเข้ามาซื้ออสังหาฯ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่จะซื้อห้องชุดขนาดไม่ใหญ่มาก
นายสุริยน กล่าวต่อว่า กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทนั้น ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการตลาดระดับบนโดยส่วนตัวแล้วไม่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแลหรือกระตุ้นในตลาดนี้เป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าลูกค้าระดับดังกล่าว ขอเพียงรัฐบาลพัฒนาเศรษฐกิจให้มีการเติบโตที่ดีก็เพียงพอ เพราะจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให่แก่ผู้บริโภค ส่วนกรณีแก้ไขกฎหมายด้วยการเพิ่มสัดส่วนชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมนั้นเชื่อว่าไม่จำเป็น เพราะในความเป็นจริงแล้วทุกโครงการชาวต่างชาติซื้อไม่ถึงเพดานที่รัฐบาลกำหนด 49% ซึ่งโครงการของบริษัททั้งในหัวหิน และพัทยามีชาวต่างชาติซื้อไม่ถึง 10% รวมถึงการขยายระยะเวลาเช่าจาก 30 ปี เป็น 60-90 ปีนี้ก็ไม่จำเป็นเช่นกันเพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีผลต่อยอดขาย
ผุดคอนโดฯหรูตร.ม.ละ2แสน
สำหรับแผนการลงทุนหลังจากนี้ เตรียมเปิดตัวโครงการซุปเปอร์ลักซัวรี่ “เดอะ มาเวลล เรสซิเดนท์” ซ.ทองหล่อ 5 พัฒนาเป็นอาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 9 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 250-500 ตร.ม. ดับราคา 2 แสนบาท/ตร.ม. หรือราคาเริ่มต้น 50-100 ล้านบาท มูลค่าโครงการเกือบ 500 ล้านบาท โดยจะพัฒนาภายใต้บริษัทลูก “เอ็มเจอาร์ เดเวลลอปเมนท์” ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตามหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จบริษัทก็พร้อมที่จะพัฒนาโครงการอื่นต่อไป โดยกำหนดไว้ปีละอย่างน้อย 1-2 โครงการ
ส่วนสินค้ากลุ่มของเมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ ยังคงนโยบายพัฒนารูปแบบผสมผสาน หรือ มิกซ์ยูส ซึ่งจะประกอบด้วย คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานและโรงแรม เพื่อเพิ่มรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ขึ้นมาเป็น 20-30% ลดการพึ่งพิงรายได้จากการขายเพียงอย่างเดียวโดยพิจาณาการลงทุนตามศักยภาพของที่ดิน ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า
“เรายังคงโฟกัสไปที่สินค้าระดับ ราคาตั้งแต่ 80,000 บาทขึ้นไปเช่นเดิม แต่จะเพิ่มความหลากหลายให้แก่พอร์ตสินค้า ด้วยการปรับขนาดห้องให้เล็กลงจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือเพิ่มขนาดห้องใหญ่ขึ้น ขายได้แพงขึ้น วมถึงการพัฒนาคอนโดฯลักซ์ชัวรี่ ซึ่งจะทำให้ห้องชุดมีราคาที่หลากหลาย มากขึ้น” นายสุริยน กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่อีก 1-2 โครงการ โดยจะพัฒนาในนามบริษัทลูกที่ตั้งขึ้นมาใหม่ “เอ็มเจอาร์ ดีเวลลอปเมนท์” ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท MJD ถือหุ้น 100% เพื่อพัฒนาสินค้าระดับซุปเปอร์ลักชัวร์รี่ โครงการแรก เดอะ มาเวล เรสซิเดนท์ ทองหล่อ ซ.5 บนเนื้อที่ 300 ตร.ว. เป็นอาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 9 ยูนิต ขนาดห้อง 250-500 ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 2 แสนบาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นที่ 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนนี้ หากประสบความสำเร็จก็จะพัฒนาเพิ่มอีกปีละอย่างน้อย 1-2 โครงการ
ล่าสุดบริษัทเตรียมฉลองครบรอบ 11 ปี จับมือพันธมิตรธุรกิจ SCB-นกแอร์-ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล-ปัญญ์ปุริ-โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ จัดงาน “11th Anniversary Major Development 2011” ด้วยงบการตลาด 20 ล้านบาท โดยรวมคอนโดมิเนียมของบริษัททั้งในกรุงเทพและหัวหิน พร้อมข้อเสนอพิเศษ ระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคม ศกนี้ ณ Hall of Fame ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกสินค้าเหลือขายประมาณ 20% จาก 8 โครงการมูลค่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินค้าที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท และอีกกว่า 2,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้าง งานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 โดยตั้งเป้ายอดขายจากงานนี้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท
นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนราคาตั้งแต่ 80,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นไปในช่วงครึ่งปีแรกมีการชะลอตัวกว่า 20-30% โดยเฉพาะช่วงหาเลือกเลือกตั้ง แม้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ต้องการรอดูความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งภายหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น กลุ่มลูกค้าเริ่มกลับมาซื้ออีกครั้ง รวมถึงชาวต่างชาติที่ทะยอยเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากนี้ทิศทางของตลาดจะมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากทิศทางของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนที่ยังมีภาวะการขายที่ดีคือกลุ่มราคาประมาณ 1 แสนบาท/ตร.ม. บวก-ลบ หรือยูนิตละ 3-5 ล้านบาท ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่าราคาอื่นๆ ในขณะที่ตลาดสินค้าราคาแพงกว่า 1.5 ขึ้นไป ลูกค้าจะใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจนานขึ้น อย่างไรก็ตามนับจากต้นปีที่ผ่านมาแถบจะไม่มีผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าระดับบนออกมาเลย ทำให้สต๊อกที่มีอยู่ในตลาดลดน้อยลง การแข่งขันก็ลดลงด้วยเช่นกัน ส่วนตลาดในต่างจังหวัดตามหัวเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ หัวหินและพัทยานั้น เริ่มมีชาวต่างชาติกลับเข้ามาซื้ออสังหาฯ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่จะซื้อห้องชุดขนาดไม่ใหญ่มาก
นายสุริยน กล่าวต่อว่า กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทนั้น ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการตลาดระดับบนโดยส่วนตัวแล้วไม่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแลหรือกระตุ้นในตลาดนี้เป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าลูกค้าระดับดังกล่าว ขอเพียงรัฐบาลพัฒนาเศรษฐกิจให้มีการเติบโตที่ดีก็เพียงพอ เพราะจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให่แก่ผู้บริโภค ส่วนกรณีแก้ไขกฎหมายด้วยการเพิ่มสัดส่วนชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมนั้นเชื่อว่าไม่จำเป็น เพราะในความเป็นจริงแล้วทุกโครงการชาวต่างชาติซื้อไม่ถึงเพดานที่รัฐบาลกำหนด 49% ซึ่งโครงการของบริษัททั้งในหัวหิน และพัทยามีชาวต่างชาติซื้อไม่ถึง 10% รวมถึงการขยายระยะเวลาเช่าจาก 30 ปี เป็น 60-90 ปีนี้ก็ไม่จำเป็นเช่นกันเพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีผลต่อยอดขาย
ผุดคอนโดฯหรูตร.ม.ละ2แสน
สำหรับแผนการลงทุนหลังจากนี้ เตรียมเปิดตัวโครงการซุปเปอร์ลักซัวรี่ “เดอะ มาเวลล เรสซิเดนท์” ซ.ทองหล่อ 5 พัฒนาเป็นอาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 9 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 250-500 ตร.ม. ดับราคา 2 แสนบาท/ตร.ม. หรือราคาเริ่มต้น 50-100 ล้านบาท มูลค่าโครงการเกือบ 500 ล้านบาท โดยจะพัฒนาภายใต้บริษัทลูก “เอ็มเจอาร์ เดเวลลอปเมนท์” ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตามหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จบริษัทก็พร้อมที่จะพัฒนาโครงการอื่นต่อไป โดยกำหนดไว้ปีละอย่างน้อย 1-2 โครงการ
ส่วนสินค้ากลุ่มของเมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ ยังคงนโยบายพัฒนารูปแบบผสมผสาน หรือ มิกซ์ยูส ซึ่งจะประกอบด้วย คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานและโรงแรม เพื่อเพิ่มรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ขึ้นมาเป็น 20-30% ลดการพึ่งพิงรายได้จากการขายเพียงอย่างเดียวโดยพิจาณาการลงทุนตามศักยภาพของที่ดิน ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า
“เรายังคงโฟกัสไปที่สินค้าระดับ ราคาตั้งแต่ 80,000 บาทขึ้นไปเช่นเดิม แต่จะเพิ่มความหลากหลายให้แก่พอร์ตสินค้า ด้วยการปรับขนาดห้องให้เล็กลงจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือเพิ่มขนาดห้องใหญ่ขึ้น ขายได้แพงขึ้น วมถึงการพัฒนาคอนโดฯลักซ์ชัวรี่ ซึ่งจะทำให้ห้องชุดมีราคาที่หลากหลาย มากขึ้น” นายสุริยน กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่อีก 1-2 โครงการ โดยจะพัฒนาในนามบริษัทลูกที่ตั้งขึ้นมาใหม่ “เอ็มเจอาร์ ดีเวลลอปเมนท์” ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท MJD ถือหุ้น 100% เพื่อพัฒนาสินค้าระดับซุปเปอร์ลักชัวร์รี่ โครงการแรก เดอะ มาเวล เรสซิเดนท์ ทองหล่อ ซ.5 บนเนื้อที่ 300 ตร.ว. เป็นอาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 9 ยูนิต ขนาดห้อง 250-500 ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 2 แสนบาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นที่ 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนนี้ หากประสบความสำเร็จก็จะพัฒนาเพิ่มอีกปีละอย่างน้อย 1-2 โครงการ
ล่าสุดบริษัทเตรียมฉลองครบรอบ 11 ปี จับมือพันธมิตรธุรกิจ SCB-นกแอร์-ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล-ปัญญ์ปุริ-โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ จัดงาน “11th Anniversary Major Development 2011” ด้วยงบการตลาด 20 ล้านบาท โดยรวมคอนโดมิเนียมของบริษัททั้งในกรุงเทพและหัวหิน พร้อมข้อเสนอพิเศษ ระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคม ศกนี้ ณ Hall of Fame ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกสินค้าเหลือขายประมาณ 20% จาก 8 โครงการมูลค่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินค้าที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท และอีกกว่า 2,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้าง งานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 โดยตั้งเป้ายอดขายจากงานนี้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท