ASTVผู้จัดการรายวัน – “ไซโก” ฉลุยครึ่งปีแรกยอดขายโตสองหลัก มั่นใจทั้งปีดันยอดขาย 1,000 ล้านบาท ล่าสุดผนึกบาร์เซโลน่าทำรุ่นลิมิเต็ดบุกครึ่งปีหลัง ด้าน “เอส.ที.ไดเมนชั่นฯ”ชุกลยุทธ์นำเข้านาฬิกาอินดิเพนเดนซ์ สิ้นปีนี้จ่อนำเข้าเพิ่มอีก 2 แบรนด์ จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมรีโนเวตชอปเดิม 2 แห่ง เปลี่ยนชื่อเป็น เอส.ที.ไดแมนชั่นช้อป หลังแยกตัวจาก แฟรงก์ วอท์ช บูติก
นายภูริช มหาดำรงค์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ไซโกจากประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของปี 2554 นี้ (เดือนเมษายน-มิถุนายน) พบว่า รายได้ของบริษัทฯเป็นที่น่าพอใจ โดยมีผลประกอบการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก
ขณะที่สิ้นปีบัญชีปีที่แล้ว (จบเดือนมีนาคม 2554 ) ถือได้ว่า ยอดขายนาฬิกาไซโกของบริษัทฯมีอัตราการเติบโตมากถึง 15% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทฯเปิดดำเนินกิจการมา จากปรกติที่ยอดขายของไซโกจะเติบโตเฉลี่ย 10-12% ต่อปีเท่านั้นในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการเติบโตดี เนื่องมาจากว่า ในปีนี้บริษัทฯได้วางแผนการนำเข้านาฬิการุ่นใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยนำเข้ามาทุกกลุ่มเป้าหมาย และได้รับการตอบรับอย่างดี นอกจากนั้นยังมีนาฬิกาไซโก รุ่นพิเศษอีกด้วยที่ปีนี้ผลิตออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 130 ปีของไซโกทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะรุ่นมอนสเตอร์ ที่เหมาะสมกับกลุ่มวัยรุ่นทางบริษัทฯนำเข้ามาจำหน่ายเพียง 2,500 เรือนเท่านั้น สามารถจำหน่ายได้หมดภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในวงการก็ว่าได้
"ทั้งๆที่ช่วงปีที่ผ่านมาประเทศเราก็มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง แต่ก็ยังสามารถทำได้มากขนาดนี้ ก็น่าพอใจอย่างมาก และมั่นใจว่าทั้งปีเราจะมียอดขายรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท” นายภูริชกล่าว
สำหรับแผนการการรุกตลาดช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะเดินหน้าแผนต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดบริษัทไซโกได้จับมือกับบาเซโลน่าเพื่อผลิตไซโกรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น โดยให้ลูกค้าที่สนใจลงชื่อสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งสินค้าจะนำมาจำหน่ายในงานเซ็นทรัลอินเตอร์เนชั่นแนลวอชท์แฟร์ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคมถึง 27 กันยายนศกนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าชิดชม รวมทั้งในงานพรีวิวเซลล์ของเซ็นทรัลชิดลมในระหว่างวันที่ 12-23 สิงหาคมนี้ที่ล๊อบบี้เลาน์และที่โถงเปียโนในบริเวณชั้น1 ของห้างอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นอกจากแบรนด์ไซโกแล้ว ยังพบว่าผลประกอบการของนาฬิกาแบรนด์อื่นๆ เช่น แบรนด์แทคฮอยเออร์ ก็มีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักด้วยเช่นเดียวกัน โดยนอกจากแทค ฮอยเออร์จะนำนาฬิการุ่นไฮไลท์มาให้เลือกมากมายในงานเซ็นทรัลวอชท์แฟร์แล้ว ในปีนี้แทค ฮอยเออร์ยังมีแผนที่จะแตกไลน์สินค้าจากนาฬิกามาเป็นมือถือลักส์ซูรี่ในไตรมาสที่ 4 นี้ด้วยเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างความใกล้ชิดของแบรนด์แทค ฮอยเออร์กับลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังเตรียมแผนที่จะขยายไลน์มายังสินค้าอื่นๆ ภายใต้ยี่ห้อเดียวกันในเร็วๆ นี้ด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของแบรนด์แทค ฮอยเออร์ในประเทศไทย
***เอส.ที.ฯรุกนาฬิกามิดเดิลคลาส
นายณัฐภัทร จิรมณีกุล รองประธานกรรมการ บริษัท เอส.ที.ไดแมนชั่น วอท์ช บูติค ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกา เพียเจต์, เบรเกต์ เป็นต้น เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนการดำเนินงานในอีก 2 – 3 ปี จากนี้ โดยชูกลยุทธ์หลักคือ การเพิ่มการนำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ใหม่ๆที่มีลักษณะของการเป็นแบรนด์อินดิเพนเดนซ์ (นาฬิกาที่เป็นแบรนด์อิสระ) เพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิการายอื่นๆในไทยด้วยกันเอง
โดยเบื้องต้นนี้ ปีนี้จะขยายการนำเข้านาฬิกาอีกอย่างน้อย 2-3 แบรนด์ ระดับราคาเฉลี่ย 20,000 – 180,000 บาท จับกลุ่มระดับกลางคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมตลาดมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทฯมีนาฬิการะดับลักซ์ชัวรี่ และไฮเอน 10 แบรนด์ จากแบรนด์ทั้งหมดที่ทำตลาดอยู่ 11 แบรนด์
ทั้งนี้แนวโน้มที่น่าสนใจจากนี้ ตลาดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนเริ่มต้นทำงาน จับมาซื้อนาฬิการะดับราคาเรือนละ 10,000 บาทขึ้นไปมากขึ้น ด้วยกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับภาวะการเมืองและเศรษฐกิจที่เริ่มนิ่ง ส่งผลให้ตลาดนี้เติบโตดีอีกทั้งจะเป็นสัดส่วนตลาดที่ใหญ่มากประมาณ 50% ของตลาดรวม แต่ก็เป็นตลาดที่แข่งขันสูงเช่นเดียวกัน
ขณะที่กลุ่มตลาดนาฬิกาลักซ์ชัวรี่และไฮเอนสัดส่วนเพียง 10 – 15% เท่านั้น
สำหรับการลงทุนใหม่ๆนั้น บริษัทฯเตรียมเปิดช้อปใหม่ในรูปแบบ เพียเจต์ บูติก ที่ เซ็นทรัล เอมบาสซี่ ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 ปีจะเปิดบริการได้ จากปัจจุบันที่มีร้านมัลติแบรนด์ช้อป 2 สาขา ได้แก่ สยามพารากอน และ เอ็มโพเรี่ยม โดยเตรียมที่จะปรับปรุงช้อปใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็น เอส.ที.ไดแมนชั่น ช้อป เพื่อสร้างความแตกต่างจากแบรนด์เดิม ภายหลังจากที่ได้แยกตัวออกมาแล้วอย่างเป็นทางการกับ แฟรงก์ วอท์ช บูติก
นายณัฐภัทรกล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 10% จากปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้เข้าร่วมงาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอท์ช แฟร์ 2011 วันที่ 24 ส.ค.- 27 ก.ย. ศกนี้ที่ดิอีเวนต์ฮอลล์ชั้น 3 เซ็นทรัลชิดลม โดยตั้งเป้ายอดขายในงานนี้เติบโต 10-15%
ผลประกอบการที่เติบโตนั้นสาเหตุหลักมาจาก สัดส่วนลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นเป็น 35% จาก 10% ในปีที่แล้ว เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในปีนี้ที่สงบกว่าปีที่แล้ว โดยพบว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจับจ่ายนาฬิกา หรือ สินค้าฟุ่มเฟือย คือ ชาวจีน และ เวียดนาม ขณะที่สัดส่วนรายได้จากคนไทยมีประมาณ 65% ที่เป็นฐานลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน
นายภูริช มหาดำรงค์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ไซโกจากประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของปี 2554 นี้ (เดือนเมษายน-มิถุนายน) พบว่า รายได้ของบริษัทฯเป็นที่น่าพอใจ โดยมีผลประกอบการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก
ขณะที่สิ้นปีบัญชีปีที่แล้ว (จบเดือนมีนาคม 2554 ) ถือได้ว่า ยอดขายนาฬิกาไซโกของบริษัทฯมีอัตราการเติบโตมากถึง 15% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทฯเปิดดำเนินกิจการมา จากปรกติที่ยอดขายของไซโกจะเติบโตเฉลี่ย 10-12% ต่อปีเท่านั้นในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการเติบโตดี เนื่องมาจากว่า ในปีนี้บริษัทฯได้วางแผนการนำเข้านาฬิการุ่นใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยนำเข้ามาทุกกลุ่มเป้าหมาย และได้รับการตอบรับอย่างดี นอกจากนั้นยังมีนาฬิกาไซโก รุ่นพิเศษอีกด้วยที่ปีนี้ผลิตออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 130 ปีของไซโกทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะรุ่นมอนสเตอร์ ที่เหมาะสมกับกลุ่มวัยรุ่นทางบริษัทฯนำเข้ามาจำหน่ายเพียง 2,500 เรือนเท่านั้น สามารถจำหน่ายได้หมดภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในวงการก็ว่าได้
"ทั้งๆที่ช่วงปีที่ผ่านมาประเทศเราก็มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง แต่ก็ยังสามารถทำได้มากขนาดนี้ ก็น่าพอใจอย่างมาก และมั่นใจว่าทั้งปีเราจะมียอดขายรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท” นายภูริชกล่าว
สำหรับแผนการการรุกตลาดช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะเดินหน้าแผนต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดบริษัทไซโกได้จับมือกับบาเซโลน่าเพื่อผลิตไซโกรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น โดยให้ลูกค้าที่สนใจลงชื่อสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งสินค้าจะนำมาจำหน่ายในงานเซ็นทรัลอินเตอร์เนชั่นแนลวอชท์แฟร์ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคมถึง 27 กันยายนศกนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าชิดชม รวมทั้งในงานพรีวิวเซลล์ของเซ็นทรัลชิดลมในระหว่างวันที่ 12-23 สิงหาคมนี้ที่ล๊อบบี้เลาน์และที่โถงเปียโนในบริเวณชั้น1 ของห้างอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นอกจากแบรนด์ไซโกแล้ว ยังพบว่าผลประกอบการของนาฬิกาแบรนด์อื่นๆ เช่น แบรนด์แทคฮอยเออร์ ก็มีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักด้วยเช่นเดียวกัน โดยนอกจากแทค ฮอยเออร์จะนำนาฬิการุ่นไฮไลท์มาให้เลือกมากมายในงานเซ็นทรัลวอชท์แฟร์แล้ว ในปีนี้แทค ฮอยเออร์ยังมีแผนที่จะแตกไลน์สินค้าจากนาฬิกามาเป็นมือถือลักส์ซูรี่ในไตรมาสที่ 4 นี้ด้วยเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างความใกล้ชิดของแบรนด์แทค ฮอยเออร์กับลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังเตรียมแผนที่จะขยายไลน์มายังสินค้าอื่นๆ ภายใต้ยี่ห้อเดียวกันในเร็วๆ นี้ด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของแบรนด์แทค ฮอยเออร์ในประเทศไทย
***เอส.ที.ฯรุกนาฬิกามิดเดิลคลาส
นายณัฐภัทร จิรมณีกุล รองประธานกรรมการ บริษัท เอส.ที.ไดแมนชั่น วอท์ช บูติค ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกา เพียเจต์, เบรเกต์ เป็นต้น เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนการดำเนินงานในอีก 2 – 3 ปี จากนี้ โดยชูกลยุทธ์หลักคือ การเพิ่มการนำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ใหม่ๆที่มีลักษณะของการเป็นแบรนด์อินดิเพนเดนซ์ (นาฬิกาที่เป็นแบรนด์อิสระ) เพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิการายอื่นๆในไทยด้วยกันเอง
โดยเบื้องต้นนี้ ปีนี้จะขยายการนำเข้านาฬิกาอีกอย่างน้อย 2-3 แบรนด์ ระดับราคาเฉลี่ย 20,000 – 180,000 บาท จับกลุ่มระดับกลางคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมตลาดมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทฯมีนาฬิการะดับลักซ์ชัวรี่ และไฮเอน 10 แบรนด์ จากแบรนด์ทั้งหมดที่ทำตลาดอยู่ 11 แบรนด์
ทั้งนี้แนวโน้มที่น่าสนใจจากนี้ ตลาดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนเริ่มต้นทำงาน จับมาซื้อนาฬิการะดับราคาเรือนละ 10,000 บาทขึ้นไปมากขึ้น ด้วยกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับภาวะการเมืองและเศรษฐกิจที่เริ่มนิ่ง ส่งผลให้ตลาดนี้เติบโตดีอีกทั้งจะเป็นสัดส่วนตลาดที่ใหญ่มากประมาณ 50% ของตลาดรวม แต่ก็เป็นตลาดที่แข่งขันสูงเช่นเดียวกัน
ขณะที่กลุ่มตลาดนาฬิกาลักซ์ชัวรี่และไฮเอนสัดส่วนเพียง 10 – 15% เท่านั้น
สำหรับการลงทุนใหม่ๆนั้น บริษัทฯเตรียมเปิดช้อปใหม่ในรูปแบบ เพียเจต์ บูติก ที่ เซ็นทรัล เอมบาสซี่ ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 ปีจะเปิดบริการได้ จากปัจจุบันที่มีร้านมัลติแบรนด์ช้อป 2 สาขา ได้แก่ สยามพารากอน และ เอ็มโพเรี่ยม โดยเตรียมที่จะปรับปรุงช้อปใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็น เอส.ที.ไดแมนชั่น ช้อป เพื่อสร้างความแตกต่างจากแบรนด์เดิม ภายหลังจากที่ได้แยกตัวออกมาแล้วอย่างเป็นทางการกับ แฟรงก์ วอท์ช บูติก
นายณัฐภัทรกล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 10% จากปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้เข้าร่วมงาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอท์ช แฟร์ 2011 วันที่ 24 ส.ค.- 27 ก.ย. ศกนี้ที่ดิอีเวนต์ฮอลล์ชั้น 3 เซ็นทรัลชิดลม โดยตั้งเป้ายอดขายในงานนี้เติบโต 10-15%
ผลประกอบการที่เติบโตนั้นสาเหตุหลักมาจาก สัดส่วนลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นเป็น 35% จาก 10% ในปีที่แล้ว เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในปีนี้ที่สงบกว่าปีที่แล้ว โดยพบว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจับจ่ายนาฬิกา หรือ สินค้าฟุ่มเฟือย คือ ชาวจีน และ เวียดนาม ขณะที่สัดส่วนรายได้จากคนไทยมีประมาณ 65% ที่เป็นฐานลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน