xs
xsm
sm
md
lg

แฉปากีฯให้'จีน'ดูซากฮ.'สเตลต์'US ลำที่หน่วย'ซีลส์'ใช้บุกฆ่า'บินลาดิน'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ / เอเอฟพี – สื่อชั้นนำของโลกรายงานในวันอาทิตย์ (14) อ้างแหล่งข่าววงในหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุ เจ้าหน้าที่กรมประมวลข่าวกรองกลาง (ไอเอสไอ) ของปากีสถาน ไม่แยแสการเรียกร้องห้ามปรามของเจ้าหน้าที่ซีไอเอ โดยได้อนุญาตให้จีนเข้าไปสำรวจและเก็บตัวอย่างจากซากเฮลิคอปเตอร์อเมริกัน ลำที่ประสบอุบัติเหตุตกในระหว่างปฏิบัติการล่าสังหารอุซามะห์ บินลาดิน ที่เมืองอับบอตตาบัดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้เชื่อกันว่า ฮ.ลำดังกล่าวเป็นรุ่นล้ำสมัยอยู่โครงการลับสุดยอดของกองทัพสหรัฐฯ และมีเทคโนโลยีหลบหลีกการตรวจจับของเรดาห์ (สเตลต์)

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ และนิวยอร์ก ไทมส์ ต่างรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า ปากีสถานที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ได้อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของจีนเข้าไปถ่ายรูปซากเฮลิคอปเตอร์สหรัฐฯ ซึ่งส่วนหางที่หลงเหลือยังอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ ตลอดจนเก็บตัวอย่างผิวเคลือบชนิดพิเศษของฮ.ลำดังกล่าวกลับออกมาด้วย โดยเป็นที่เชื่อกันว่า ผิวเคลือบชนิดนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของเทคโนโลยีสเตลต์ อันทำให้อากาศยานปีกหมุนของหน่วยทหารรบพิเศษของสหรัฐฯ ลำนี้ สามารถหลบหลีกการตรวจจับของเรดาห์กองทัพปากีสถานเข้าไปปฏิบัติการลอบสังหารบินลาดินคาบ้านพักของเขาได้โดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว

ทั้งนี้ในเหตุการณ์สังหารบินลาดินคราวนั้น หน่วยทหารรบพิเศษ “ซีลส์” สังกัดกองทัพนาวีสหรัฐฯ เดินทางเข้าน่านฟ้าปากีสถานโดยลัดเลาะผ่านทางตะเข็บชายแดนอัฟกานิสถานด้วยเฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่ 2 ลำที่ยังไม่เคยปรากฏต่อสายตาสาธารณชนมาก่อน แม้รูปร่างหน้าตาของพวกมันมีความละม้ายคล้ายรุ่นแบล็กฮอล์ก อย่างไรก็ตามในระหว่างปฏิบัติการฮ.ลำหนึ่งเกิดเหตุขัดข้องและตกลงสู่พื้นได้รับความเสียหาย

หน่วยซีลส์ จำใจต้องทิ้งซาก ฮ.ลำนี้ไว้เบื้องหลัง ทว่า ด้วยเทคโนโลยีลับสุดยอดภายในเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว ตลอดจนเหตุผลด้านยุทธศาสตร์ ทำให้พวกเขาพยายามทำลายซากทิ้ง แต่ปรากฏว่าการทำลายไม่สมบูรณ์ ยังคงเหลือส่วนหางไว้ ซึ่งต่อมาซากหางของฮ. ลำนี้ก็ปรากฏอยู่ในภาพถ่ายที่แพร่สะพัดบนโลกอินเตอร์เน็ต และยังนำมาซึ่งหัวข้อถกเถียงอภิปรายกันเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มาที่ไปของมัน ในหมู่นักวิชาการ รวมถึงผู้คร่ำหวอดในวงการกลาโหมด้วย

“เวลานี้สหรัฐฯ ได้รับข้อมูลซึ่งบ่งชี้ว่า ปากีสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่ข่าวกรองไอเอสไอ ได้อนุญาตให้ทหารจีนเข้าไปถึงซากเฮลิคอปเตอร์ในอับบอตตาบัด” ไฟแนนเชียล ไทมส์ ระบุโดยอ้างคำกล่าวของบุคคลผู้หนึ่งซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการสืบราชการลับ

แหล่งข่าวดังกล่าวเปิดเผยด้วยว่า “พวกเราเคยร้องขอไปยังปากีสถานอย่างชัดแจ้งทันทีหลังจากปฏิบัติการสังหารบินลาดินครั้งนั้นว่า อย่าได้อนุญาตให้ผู้ใดเข้าถึงซากเฮลิคอปเตอร์ที่ยังหลงเหลืออยู่นี้”

ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อเช่นกันให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่า มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่าปากีสถานตกลงยินยอมให้จีนเข้าไปตรวจสอบเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว ทว่าเจ้าหน้าที่ผู้นี้ก็ยังไม่อาจยืนยันได้ว่ามันเกิดขึ้นแล้วจริงหรือไม่

ส่วน นิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า ข้อสันนิษฐานว่าทางการอิสลามาบัดอนุญาตให้เจ้าหน้าที่จีนเข้าถึงซากเฮลิคอปเตอร์นั้น มาจากการที่พวกเขาดักฟังการสนทนาของเจ้าหน้าที่ปากีสถาน ซึ่งหารือกันในเรื่องที่จะเชิญบุคลากรจากจีนเข้ามาตรวจสอบจุดที่เฮลิคอปเตอร์ตก

นอกจากนี้ ภายหลังเหตุการณ์สังหารบินลาดินผ่านไปไม่นาน ปากีสถานก็เคยพูดเป็นนัยเช่นกันว่า อาจยอมให้จีนเข้าถึงซากเฮลิคอปเตอร์ได้ หลังจากที่อิสลามาบัดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจากกรณีนี้ ที่สหรัฐฯ ได้ละเมิดอธิปไตยเหนือดินแดนปากีสถานอย่างร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดจากกองทัพปากีสถานออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่พลเอกอัชฟัก กายานี ผู้บัญชาการทหารบกปากีสถาน ปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าวโดยระบุว่าจีนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสำรวจแต่อย่างใด

ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมของจีน ก็ให้สัมภาษณ์เอเอฟพี เมื่อวานนี้ (15) ปฏิเสธว่า “เราขอแสดงความกังขาอย่างยิ่งต่อข้อกล่าวหานี้ เรื่องเช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน”

ทั้งนี้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจียง อี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ก็เคยออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่า จีนขอเข้าไปดูซากเฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐฯ โดยบอกว่าเป็นเรื่อง “น่าขำ”

สำหรับซากหางเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ เวลานี้ถูกขนย้ายกลับไปยังสหรัฐฯ แล้ว โดยโฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงอิสลามาบัด บอกกับรอยเตอร์ว่า หางของฮ. ดังกล่าวได้ถูกส่งกลับอเมริกา ภายหลังที่วุฒิสมาชิกจอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ เดินไปเยือนปากีสถานในเดือนพฤษภาคม เพื่อประสานรอยร้าวระหว่างสองประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น