ASTVผู้จัดการรายวัน – ซีเอ็มโอกรุ๊ป โชว์ 6 เดือนแรก กวาดรายได้ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% กำไรสุทธิ 121% “เสริมคุณ” มั่นใจรายได้สิ้นปีแตะ 1 พันล้านบาท คุย Backlog ประมาณ 650 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ภายในปีนี้ ทุ่มงบ 30 ล้าน ซื้ออุปกรณ์เพิ่มศักยภาพ
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธาน ซีเอ็มโอกรุ๊ป (CMO GROUP) ธุรกิจอีเวนต์ครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรก (มกราคม – มิถุนายน 2554) ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 425.87 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้ 282.37 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 4.95 ล้านบาท สูงขึ้น 121% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทมีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 22.5 ล้านบาท
ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2554 (เมษายน-มิถุนายน 2554) ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50 % จากปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 127 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 1.7 ล้านบาท ลดลง 85% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 12 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็นงานอีเว้นต์ของภาคเอกชน 65% และเป็นโครงการของภาครัฐอีก 35% นอกจากนี้ยังมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 650 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้
“ในปีนี้ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากว่าตอนนี้เรามีงานที่อยู่ระหว่างการประมูลอยู่หลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ผลในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4 ตลอดจนยังมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม ขณะเดียวกันในเรื่องของขาดทุนสุทธินั้น จะเห็นว่าบริษัทฯ ขาดทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนไปตามภาวะตลาดของธุรกิจอีเว้นท์ที่จะชะลอตัวในช่วงไตรมาส 2 อยู่แล้ว ” นายเสริมคุณ กล่าว
บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับงานอีกหลายงาน ซึ่งเป็นงานที่มีขนาดใหญ่ ช่วงครึ่งปีหลัง เช่น การจัดประกวดและสัมมนาเรื่อง เมืองสร้างสรรค์ ของกรมทัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ,งานจัดพาวิลเลียนต่างๆ ในงานบีโอไอ แฟร์ 2011 น่าจะประมูลได้งานได้อย่างน้อย 250 ล้านบาท ,งานเฉลิมพระเกียรติพระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และงานมหกรรมพืชสวนโลก ขณะเดียวกันมีแผนที่จะลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท ในบริษัท พีเอ็ม เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ด้านวิชวลอิมเมจ เข้ามาใช้ในงานใหญ่ ที่กล่าวมาข้างต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีของธุรกิจอีเวนต์ เนื่องจากว่า ทิศทางเศรษฐกิจ และการเมือง เริ่มนิ่ง ทำให้แต่ละหน่วยงานคงเร่งจัดกิจกรรมการตลาดกันมากยิ่งขึ้น ขณะที่ในส่วนของเรา ก็เป็นไปตามแผน เพราะได้รับงานล่วงหน้าไว้แล้ว บวกกับในช่วงไตรมาส 3 และ4 จะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจอีเวนต์ ซึ่งทำให้มั่นใจว่ารายได้เข้าเป้าได้แน่นอน
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธาน ซีเอ็มโอกรุ๊ป (CMO GROUP) ธุรกิจอีเวนต์ครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรก (มกราคม – มิถุนายน 2554) ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 425.87 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้ 282.37 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 4.95 ล้านบาท สูงขึ้น 121% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทมีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 22.5 ล้านบาท
ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2554 (เมษายน-มิถุนายน 2554) ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50 % จากปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 127 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 1.7 ล้านบาท ลดลง 85% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 12 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็นงานอีเว้นต์ของภาคเอกชน 65% และเป็นโครงการของภาครัฐอีก 35% นอกจากนี้ยังมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 650 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้
“ในปีนี้ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากว่าตอนนี้เรามีงานที่อยู่ระหว่างการประมูลอยู่หลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ผลในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4 ตลอดจนยังมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม ขณะเดียวกันในเรื่องของขาดทุนสุทธินั้น จะเห็นว่าบริษัทฯ ขาดทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนไปตามภาวะตลาดของธุรกิจอีเว้นท์ที่จะชะลอตัวในช่วงไตรมาส 2 อยู่แล้ว ” นายเสริมคุณ กล่าว
บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับงานอีกหลายงาน ซึ่งเป็นงานที่มีขนาดใหญ่ ช่วงครึ่งปีหลัง เช่น การจัดประกวดและสัมมนาเรื่อง เมืองสร้างสรรค์ ของกรมทัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ,งานจัดพาวิลเลียนต่างๆ ในงานบีโอไอ แฟร์ 2011 น่าจะประมูลได้งานได้อย่างน้อย 250 ล้านบาท ,งานเฉลิมพระเกียรติพระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และงานมหกรรมพืชสวนโลก ขณะเดียวกันมีแผนที่จะลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท ในบริษัท พีเอ็ม เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ด้านวิชวลอิมเมจ เข้ามาใช้ในงานใหญ่ ที่กล่าวมาข้างต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีของธุรกิจอีเวนต์ เนื่องจากว่า ทิศทางเศรษฐกิจ และการเมือง เริ่มนิ่ง ทำให้แต่ละหน่วยงานคงเร่งจัดกิจกรรมการตลาดกันมากยิ่งขึ้น ขณะที่ในส่วนของเรา ก็เป็นไปตามแผน เพราะได้รับงานล่วงหน้าไว้แล้ว บวกกับในช่วงไตรมาส 3 และ4 จะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจอีเวนต์ ซึ่งทำให้มั่นใจว่ารายได้เข้าเป้าได้แน่นอน