xs
xsm
sm
md
lg

สุโขทัยจมบาดาลระวังน้ำเหนือทะลักกทม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "องค์โสม"ห่วงใยราษฎรที่ประสบภัยน้ำท่วม พระราชทานถุงยังชีพช่วยชาวสุโขทัย ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายอำเภอในสุโขทัยยังจมบาดาล จทบ.พิษณุโลก ลุยน้ำช่วยเหยื่อ ส่วน"ตาก" ยังอ่วม 2 อำเภอจมใต้น้ำ พืชผลทางการเกษตรเสียหายกว่า 1 หมื่นไร่ วัวขาดหญ้าต้องแก้ปัญหาด้วยการนำผลฝรั่งจมน้ำให้กินแทน ส่วนภาคอีสานน้ำโขงเลยจุดวิกฤตทะลักท่วมมุกดาหารแล้ว ปภ.เตือนซ้ำ 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยารับมือ 8-10 ส.ค.

หลังจากเกิดพายุฝนถล่มในหลายจังหวัดของภาคเหนือ เช่น น่าน สุโขทัย ทำให้บ้านเรือน ไร่นา สิ่งสาธารณะประโยชน์ได้รับความเสียหาย และประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ทรงพระกรุณาโปรดให้กำลังพลของกองทัพเรือ ลำเลียงถุงยังชีพพระราชทานฯ เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชน และพระภิกษุสงฆ์ ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดสุโขทัยในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย

เมื่อเวลา 06.00 น.วานนี้ (8 ส.ค.)พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาโปรดให้นางสมถวิล ยังอยู่ ผู้ช่วยเลขานุการในพระองค์ เป็นผู้แทนฯนำกำลังพลของกองทัพเรือ ลำเลียงถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย สำหรับช่วยเหลือประชาชน 600 ชุดและพระภิกษุสงฆ์ 80 ชุดขึ้นรถบรรทุกชานต่ำของกองทัพเรือ ณ โรงเก็บเครื่องบิน ฝูงบิน 201 กองบิน 2 กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ สนามบินอู่ตะเภา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อนำเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุโขทัย และทรงมอบหมายให้นายอภัย จุลกะ ผู้แทนพระองค์ฯนำเข้าให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย ณ บริเวณดังกล่าวในเวลา 13.00 น.ของวันที่ 9 ส.ค.นี้

นางสมถวิล ยังอยู่ ผู้ช่วยเลขานุการในพระองค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงมีความห่วงใยราษฎรที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ประกอบกับฤดูนี้เริ่มที่จะมีพายุต่างๆ พัดเข้ามาในประเทศ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม จะได้นำสิ่งของพระราชทานมูลนิธิ อาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทยเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ยังป็นการแบ่งเบาพระราชภาระในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการดูแลผู้ประสบภัยในเบื้องต้นอีกด้วย

**สุโขทัยยังอ่วม-ปชช.เดือดร้อนหนัก

ด้านสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สุโขทัยวานนี้หลายพื้นที่ยังวิกฤตหนัก โดยเฉพาะชาวบ้านหมู่ 14 บ้านเนินทอง ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย ต้องประสบภาวะน้ำท่วมเข้าตัวบ้านต้องยกข้าวของหนีน้ำไว้ในที่สูง รวมทั้งระดับน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมตัวบ้านยังทำให้โดยรอบเตียงนอนและทั่วพื้นบ้านเจิ่งนองด้วยน้ำในระดับที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เหตุดังกล่าวเกิดจากผลกระทบระดับน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ อ.สวรรคโลก, อ.ศรีสำโรง ซึ่งเป็นอำเภอตอนเหนือของ จ.สุโขทัย ได้เริ่มคลี่คลายลงระดับน้ำที่ท่วมพื้นที่เริ่มลดระดับลงอย่างต่อเนื่องและระดับน้ำที่ลดลงได้ไหลบ่าเข้าสู่พื้นที่ อ.เมืองสุโขทัย ฝั่งตะวันตกจนทำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ ต.บ้านกล้วย โดยล่าสุด 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 5, 12 และ หมู่ที่ 16 โดยระดับน้ำที่เข้าท่วมในชุมชนของหมู่บ้านพื้นที่ลุ่มสูงถึงเกือบ 2 เมตร โดยมีชาวบ้านได้รับผลกระทบกว่า 100 ครัวเรือน

เช่นเดียวกันในพื้นที่ 3 ชุมชนของเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยฝั่งตะวันตกต้องประสบปัญหาน้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่สูงเกือบ 1 เมตร คือ ชุมชนคลองโพธิ, ชุมชนคูหาสุวรรณ์และ บางส่วนของชุมชนร่วมใจพัฒนา ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และตชด ค่ายรามคำแหง สุโขทัยได้จัดส่งเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือในการเดินทางเข้าออกของชาวบ้านและอำนวยความสะดวกในการขนย้ายข้าวของด้วยแล้ว โดยมีชาวบ้านได้รับผลกระทบกว่า 300 ครัวเรือน

**จทบ.พิษณุโลกลุยน้ำช่วยเหยื่อสุโขทัย

ขณะที่ พล.ต.สุมงคล ดิษบรรจง ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกพิษณุโลก พร้อมด้วยนายเสกสรรค์ ฉัตรตระกูล นายอำเภอกงไกรลาศ ได้นำถุงยังชีพและน้ำดื่ม 200 ชุดมามอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่หมู่ 6 ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ที่ถูกน้ำท่วมขังหมู่บ้านสูงเกือบ 2 เมตร หนักสุดในรอบหลายสิบปี

พร้อมกันนี้ได้ลงเรือเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพให้กับนายเวช แจ่มใส อายุ 70 ปีที่ป่วยเป็นอัมพาต อาศัยอยู่กับภรรยา และบ้านถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร จนเกือบถึงพื้นบ้าน โดยคณะทหารและนายอำเภอกงไกรลาศได้ขอร้องให้สองตายาย ย้ายไปอยู่อาศัยกับลูกหลานชั่วคราวก่อน เพราะเป็นห่วงความปลอดภัย แต่ทว่าทั้งสองตายายปฏิเสธ เพราะเป็นห่วงบ้าน จึงได้ฝากให้ผู้ใหญ่บ้านดูแลอย่างใกล้ชิด

**ตากอ่วม2อำเภอจมใต้น้ำทั้งคนทั้งสัตว์

รายงานข่าวจาก จ.ตากแจ้งถึงสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่ อ.สามเงา และ อ.บ้านตากว่า น้ำระลอกใหญ่ได้ทะลักเข้าพื้นที่เมื่อกลางดึกวันที่ 7 ส.ค.แม่น้ำวังที่สามารถรับน้ำได้วินาทีละ 316 ลูกบาศก์เมตร แต่ได้เพิ่มเป็น 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือมากกว่า 3 เท่าตัว ทำให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่ตำบลยกกระบัตร ต.วังหมัน และ ต.วังจันทร์ อ.สามเงา น้ำล้นเข้าพื้นที่การเกษตร อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว ฝรั่ง และกล้วยไข่ นับหมื่นไร่จมใต้น้ำบางจุดท่วมมิดต้นกล้วย นอกจากนี้ลำไยที่กำลังใกล้เก็บผลผลิตหลายร้อยไร่ถูกน้ำท่วมเกษตรกรต้องรีบเก็บผลผลิตนำมาขายตามสองข้างทางบนถนนพหลโยธิน

ส่วนบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ตามริมน้ำได้อพยพไปอาศัยตามบ้านญาติในตัวเมือง นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นำถุงยังชีพกว่า 1,000 ชุดไปมอบให้กับราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนที่วัดแม่เชียงราย และวัดสองแคว ต.ยกกระบัตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว

ส่านที่ อ.บ้านตาก น้ำที่ท่วม 3 หมู่บ้านของ ต.แม่สลิด คือบ้านยางโอง ขณะนี้รับน้ำที่ล้นมาจาก อ.สามเงา ขณะนี้ชาวบ้านกว่า 1,000 ครอบครัว ต้องอาศัยอยู่แต่ชั้นบน เนื่องจากน้ำท่วมชั้นล่างเกือบมิด ต้องใช้การเดินทางทางเรือหรือว่ายน้ำออกมา ขณะนี้กำลังขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงเช่นวัวกำลังขาดแคลนหญ้าและฟางข้าวอย่างหนัก เนื่องจากที่เก็บกักตุนไว้ถูกน้ำพัดพาไปหมด บางจุดเกษตรกรต้องตัดยอดต้นข้าวโพด และนำผลฝรั่งที่ถูกน้ำท่วมเสียหายมาให้กินแทนหญ้า

ด้าน พ.อ.สุภโชค ธวัชพีระชัย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอดร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.แม่ระมาด อบต.แม่ระมาด เข้าตรวจสอบและนำกำลังทหาร อาสา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ เข้าทำการเร่งชักลากซุง โดยใช้รถแบคโฮของบริษัททำเหมืองในพื้นที่ใช้สริงลากซุงออกมาจากบริเวณใต้ตอหม้อสะพานอย่างทุลักทุเล อย่างยากลำบาก ซึ่งต้องใช้คนลงไปโรยตัวมัดซุงด้วยสลิง แล้วดึงออกทีละชิ้นและยังทำการทุบปูนสะพานตรงกลางออก ทั้งหมดเพื่อง่ายต่อการวางชิ้นส่วนสะพานเหล็กโดยคาดว่าจะใช้เวลานานกว่า 2-3 วันจึงจะสามารถก่อสร้างสะพานแบริ่งได้

ชาวบ้านหลายคนที่อาศัยในพื้นที่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 บ้านโบเก่ บ้านคอนหวั่น บ้านนำหอม และบ้านคำหวั่น ต.แม่ตื่น ต่างออกมาโวยวายว่า ขณะนี้อาหารเริ่มขาดแคลนแล้ว ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งน้ำดื่มสะอาด และอาหารแห้ง เนื่องจากชาวบ้านไม่สามารถไปไหนได้เพราะเส้นทางถูกตัดขาดหลายจุดระหว่างกัน บางหมู่บ้านเริ่มมีการต้มหน่อไม้กินเเทนข้าว

**น้ำในแม่น้ำโขงมุกดาหารเลยจุดวิกฤต

ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่บริเวณ จ.มุกดาหาร ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นจนเลยจุดวิกฤตแล้ว ทำให้มีน้ำเอ่อออกไปท่วมพื้นที่ทำการเกษตรและที่พักอาศัยของประชาชนเป็น ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ขณะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องมาร่วมสัปดาห์แล้ว จึงทำให้มีน้ำไหลลงสู่ลำห้วยสาขาของแม่น้ำโขงเป็นจำนวนมาก ประกอบกับระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่รับน้ำมาจากทางตอนเหนืออย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำที่วัดได้สูงถึง 12.57 เมตร เป็นระดับที่สูงเลยจุดวิกฤติแล้ว โดยจุดวิกฤติอยู่ที่ 12.50 เมตร โดยระดับน้ำยังคงเพิ่มระดับสูงขึ้นทุกระยะ เฉลี่ยชั่วโมงละ 2-4 ซม.

ลักษณะเช่นนี้จึงทำให้เกิดน้ำหนุนสูง เอ่อล้นลำห้วยสาขาออกไปท่วมสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทั้งที่เป็นของประชาชน และสิ่งสาธารณประโยชน์ เป็นบริเวณกว้าง ที่สำคัญน้ำได้เอ่อเข้าท่วมบ้านพักอาศัยของประชาชน ที่ตั้งใกล้ลำห้วยสาขาภายในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร แล้ว โดยเฉพาะในชุมชนศรีดอนมุกดา-ชุมชน ประเสริฐ ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างต่ำ มีระดับน้ำท่วมขังสูงมากว่า 1 เมตร ต้องใช้เรือเป็นพาหนะสัญจร น้ำยังได้เอ่อขึ้นไปท่วมอาคารเรียนชั้นเดียวของโรงเรียนท่านพระสารีบุตร ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับอนุบาล-ชั้นประถมศึกษาของเอกชน จนต้องหยุดการเรียนการสอนกระทันหัน อย่างไม่มีกำหนด

ด้านการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบเหตุน้ำเอ่อท่วมในครั้งนี้ มีทั้งหลายหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือเช่นเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเทศบาลเมืองมุกดาหาร ที่นำเรือท้องแบนเข้าไปให้บริการประชาชน พร้อมกับช่วยเก็บสิ่งของของประชาชนขึ้นที่สูง นอกจากนั้นยังมีตำรวจน้ำ ฝ่ายปกครอง และอื่น ๆ อีกหลายหน่วยงาน ในขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.มุกดาหารได้ตัดระบบไฟที่จ่ายเข้าไปในชุมชนแล้ว เพื่อความปลอดภัย

**เตือน7จว.ลุ่มเจ้าพระยารับมือ8-10ส.ค.

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ภาคกลางตอนล่างรวม 7 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ให้เตรียมรับมือน้ำล้นตลิ่งจากภาวะน้ำเหนือไหลบ่าในช่วงวันที่ 8-10 ส.ค.โดยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง รวมถึงติดตามและปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

นายวิบูลย์ กล่าวว่า เบื้องต้นกรม ปภ.ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี เขต 16 ชัยนาท และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำล้นตลิ่งสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน

**ผู้ว่าฯกทม.ยันสถานการณ์ไม่น่าห่วง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม.และผู้บริหาร กทม.ได้เดินทางมายังริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณบริษัท ไทยอมฤตบริวเวอรี่ จำกัด เขตบางซื่อ เพื่อตรวจงานเรียงกระสอบทรายป้องกันน้ำทะเลหนุน และน้ำเหนือไหลบ่า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในการรับปริมาณน้ำเหนือที่คาดว่าจะเข้ากทม.วันที่ 10 ส.ค.จากผลกระทบพายุโซนร้อนนกเตนที่ผ่านมา

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.พร้อมป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วม แต่สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่ประมาณ 1.66-1.8 เมตร จากน้ำทะเลปานกลาง โดยวันที่ 10 ส.ค.นี้คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 เมตร ซึ่ง กทม.ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ 2.5-3 เมตร ส่วนพื้นที่เสี่ยงบริเวณ กทม.ด้านตะวันตกและตะวันออก ระดับน้ำยังต่ำกว่าขีดวิกฤตทุกแห่ง ทั้งนี้ กทม.จะเฝ้าระวังต่อไป พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานพร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนยังห่วงคือ 2 เดือนข้างหน้า น้ำในเขื่อนสำคัญ เช่น เขื่อนสิริกิติ์ อาจจะมีปริมาณน้ำเต็มเขื่อน รัฐบาลต้องติดตามดูแลให้ดี เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่นอกอำนาจหน้าที่ของกทม.
กำลังโหลดความคิดเห็น