xs
xsm
sm
md
lg

เขมรวางบึ้มดักทหารไทยตาย1เจ็บ1ตาควายระอุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เขมรวางกับดักระเบิดตามแนวชายไทยอื้อ! ล่าสุด ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเขมรอีก บริเวณชายแดน “ปราสาทตาควาย” ต.บักได อ.พนมดงรัก สุรินทร์ เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ถูกส่งเข้ารักษา ที่ รพ.พนมดงรัก ด้านมทภ.2 เตรียมถก RBC ถอนกำลังออกจากพื้นที่ปลอดทหาร "วธ."พร้อมคืน36โบราณวัตถุ หากกัมพูชามีหลักฐานชัดเจน

วานนี้(8 ส.ค.)ผู้สื่อข่าวรายประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.ชุดลาดตระเวนทหารไทย 6 นายได้เหยียบกับระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะออกลาดตะเวนที่บริเวณชายแดนไทยด้านทิศตะวันออกของปราสาทตาควาย บ.ไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ห่างจากตัวปราสาทตาควายออกไป ประมาณ 300 เมตร ซึ่งคาดว่าทหารเขมรนำมาฝังไว้ ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บสาหัส 1 นายและเสียชีวิตขณะนำส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธินจังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ พลทหารพลนิกร มูลหา อายุ 23 ปี ตำแหน่งพลปืนเล็ก กองร้อยทหารราบที่ 2 กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 จังหวัดอุดรธานี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.7 ต.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย

ต่อมาเวลา 17.30 น.ที่ตึกตรวจเก็บศพ เจ้าหน้าที่แพทย์โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒย์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ และแพทย์ ประจำโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ ได้ทำการชันสูตรศพ พลทหารพลนิกร มูลหา อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิตดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์เหยียบกับระเบิดดังกล่าว พลทหารพลนิกร มูลหา ผู้เสียชีวิตได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าแถวเดินนำชุดทหารลาดตระเวนร่วมกับชุดร้อย ร.1332 จ.อุดรธานี รวม 6 นาย ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณชายแดนด้านทิศตะวันออก ปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก ซึ่งเป็นเส้นทางลาดตระเวนใหม่ตามแผนทางการทหาร

ขณะเดินลาดตระเวนออกจากปราสาทตาควาย ไปเป็นระยะทางประมาณ 300 เมตร ได้เหยียบกับระเบิด ชนิด 69 ที่ฝังอยู่ใต้ดินเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ร่างของพลทหารนิกร ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิด ตามร่างกาย ศีรษะบริเวณท้ายทอย และขาทั้งสองข้าง อาการสาหัสถูกนำตัวส่งมารักษาตัวที่ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธินจังหวัดทหารบกสุรินทร์ ซึ่งทีมแพทย์และพยาบาลพยายามช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่พลทหารพลนิกรทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อนทหารชุดลาดตระเวนอีก 5 นาย ปลอดภัยทั้งหมด

แหล่งข่าวทหารระบุว่า ระเบิดดังกล่าวน่าจะเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบฝังดิน ชนิด แบบ 69 ซึ่งอาจเป็นระเบิดที่มีการวางในช่วงการปะทะกันของทหารไทยกับทหารกัมพูชา ตามแนวชายแดนระหว่างวันที่ 26 เม.ย.-2 พ.ค.ที่ผ่านมา หรืออาจเป็นการนำเข้าวางขึ้นใหม่ของทหารกัมพูชา หลังการสู้รบสงบลงแล้วซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดังรัก จ.สุรินทร์ หลังเกิดเหตุการณ์เหยียบระเบิดเกิดขึ้น ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปยังปกติ ทหารทั้ง 2 ฝ่ายยังสามารถพูดคุยกันได้ ไม่พบมีความตึงเครียดแต่อย่างใด

สำหรับศพพลทหารพลนิกร มูลหา อายุ 23 ปี สังกัด ร้อย ร.1332 จ.อุดรธานี จะมีพิธีรดน้ำศพในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.) ที่วัดจุมพลสุทธาวาส ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยเบื้องต้นผู้บังคับบัญชาเตรียมจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพพลทหาร พลนิกร มูลหา อย่างสมเกียรติ พร้อมเตรียมขอปูนบำเหน็จตามระเบียบของกองทัพบกอย่างเต็มที่ ในความเสียสละและทุ่มเทการปฏิบัติหน้าที่อย่างสมชายชาติทหาร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุ ทหารไทยเหยียบกับระเบิดทหารกัมพูชา ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ขณะออกลาดตระเวนในเขตแดนไทย ที่บริเวณช่องตาเฒ่า ชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านปราสาทโดนตรวล ทิศตะวันออกของผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้ พลทหารธีรัช ขอเหนี่ยวกลาง อายุ 21 ปี ทหารช่าง กรมทหารราบที่ 23 กองพันทหารที่ 1 กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 ได้รับบาดเจ็บขาขวาขาด และ ส.ท.ปรีชา พิมพ์พิลา อายุ 26 ปี สังกัด บาดเจ็บบริเวณหน้าผากและดวงตาข้างขวา อาการสาหัส ทั้ง 2 นาย

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ทหารไทยออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการ เถียงตาฮอง ไปยังบริเวณจุดตรวจการณ์ช่องตาเฒ่า ใกล้เขาพระวิหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ ได้เหยียบกับระเบิดทหารเขมร ทำให้ พลทหาร โกวิทย์ ทามูล สังกัด กรมทหารราบที่ 23 กองพันทหารราบที่ 1 ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสข้อเท้าข้างขวาขาด

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการปัญหาข้อพิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา นั้น พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ประธานร่วมกรรมการชายแดนภูมิภาคไทย-กัมพูชา หรือ อาร์บีซี กล่าวว่า ได้ประสานไปยัง พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา เพื่อจัดประชุมอาร์บีซี หารือเบื้องต้นการปรับกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายออกจากพื้นที่เขตปลอดทหาร ตามคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก

**วธ.รอหลักฐานก่อนคืนโบราณวัตถุ

จากกรณีสำนักข่าวซินหัวของจีนเผยแพร่ข่าวนายฮึม แชม รัฐมนตรีกระทรวงศิลปะและวัฒนธรรมกัมพูชาระบุว่า ได้ขอให้นายสมปอง สงวนบรรพ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา ช่วยดำเนินการส่งคืนโบราณวัตถุที่เหลืออยู่ หลังจากทางการไทยยึดได้โบราณวัตถุที่ถูกลักลอบโจรกรรมมาจากกัมพูชาจำนวน 43 ชิ้นเมื่อปี 2543 แต่เมื่อปี 2552 ได้ส่งคืนกัมพูชาแล้ว 7 ชิ้น

วานนี้ (8ส.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เป็นเรื่องที่ไทยกับกัมพูชาเจรจากันได้ โดยความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับไทยในด้านวัฒนธรรมนั้นไม่มีปัญหา คาดว่า รมว.วธ.คนใหม่น่าจะเข้ามาสะสางได้ และได้สอบถามไปยังนางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ได้ความว่าโบราณวัตถุส่วนที่เหลือ 36 ชิ้นหลักฐานยังไม่ชัดเจน จำเป็นต้องรอหลักฐานที่ชัดเจนมายืนยัน หรือทั้ง 2 ประเทศมาเจรจากันอีกครั้ง

ด้านนายอนันต์ ชูโชติ ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร กล่าวว่า สำนักพิพิธภัณสถานแห่งชาติ ได้จัดเก็บโบราณวัตถุ 36 ชิ้นไว้ที่คลังกลาง จ.ปทุมธานี หากมีการเจรจาระดับประเทศ หรือมีหลักฐานมายืนยัน ทางสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจะมีคณะกรรมการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอีกครั้ง โบราณวัตถุส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมประดับแหล่งโบราณสถาน.
กำลังโหลดความคิดเห็น