00 เชื่อว่าคืนวันที่ 4 ต่อเนื่องวันที่ 5 ส.ค.สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะเป็นวันคืนที่น่าตื่นเต้นพอดู เพราะรุ่งขึ้นคือวันที่ 5 ส.ค.จะเป็นวันที่สภาผู้แทนฯนัดหมายกันโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นเธออยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรเมื่อถึงเวลาจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามมันก็อดที่จะมีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นไม่ได้
00 ต้องไม่ลืมว่าด้วยประสบการณ์ทางการเมืองแค่ 40 วันเท่านั้นที่ทำให้ชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า จากเดิมที่เป็นสาวสังคม ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ในความเป็นจริงมี “พี่เลี้ยง” ที่ถูกคัดเลือกมาคอยดูแลไว้พร้อมสรรพอยู่แล้ว จู่ๆก็กำลังจะกลายเป็น นายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย กลายเป็น “สถิติประวัติศาสตร์” เพียงชั่วข้ามคืน เป็นใครก็ต้องนอนไม่หลับเป็นธรรมดา
00 ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องระทึกใจยิ่งกว่าก็คือ นับจากที่เธอได้เป็นนายกฯหญิงของไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ถึงตอนนั้นทุกสายตาจะจับจ้องมองมาที่เธอเป็นจุดเดียว ไม่ว่าจะกระดิกตัวไปทางไหนก็ถูกมองตามไม่กระพริบ ถูกตั้งคำถามตลอดเวลา และคำตอบจะเป็นแบบอ้อมไปอ้อมมาเหมือนก่อนหน้านี้คงไม่ได้แล้ว เช่น บอกว่า “จะทำให้ดีที่สุด” หรือ “เราต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบ” เลี่ยงๆแบบเดิมคงไม่ได้
00 สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำเป็นอันดับแรกของ ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่โฉมหน้าครม.ชุด “ปู 1” ว่าจะออกมาอย่างไร ถ้าเริ่มต้นด้วยเสียง “ยี้” แล้วละก็ อย่าว่าแต่ 6 เดือนตามที่มีคนคาดการณ์อายุของรัฐบาลนี้เลย มันอาจพังก่อนกำหนดก็ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าการคาดหวังของชาวบ้านนั้นสูงมาก สูงจนอันตราย และที่สำคัญพัฒนาการทางการเมืองของคนไทยนั้นถือว่าก้าวกระโดด โดยเฉพาะพวกเสื้อแดงนั่นแหละ แต่ที่ผ่านมาถูกปิดบังอำพราง สร้างกระแสบิดเบือน แต่ตราบใดก็ตามเมื่อได้เจอกับของจริงที่น่าผิดหวังแล้วละก็จะกลายเป็น “บูมเมอแรง” ย้อนกลับมาได้ตลอดเวลา
00 อีกด้านหนึ่งไม่น่าเชื่อว่าความเคลื่อนไหวฟอร์ม ครม.ยังไม่นิ่ง แม้ว่าผ่านไปกว่าเดือนเศษแล้ว ทั้งที่น่าจะมีรายชื่ออยู่ในใจตั้งแต่แรก แต่กลายเป็นว่ามีการถอดเข้าถอดออกอยู่หลายรอบ คนที่มีชื่อโผล่ในตอนแรก ตอนหลังกลับหายไปเฉยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “ความคาดหวัง” จากสังคมนี่แหละจึงต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์มาก่อน อย่างเช่น วิชิต สุรพงษ์ชัย ล่าสุดข่าวว่ามานั่งรองนายกฯควบรองนายกฯ มันก็เป็นไปได้ เพราะ “ซี้เก่า” ทางธุรกิจเกื้อหนุนกันมา แต่ที่น่าจับตาก็คือ รมว.กลาโหมที่จนถึงนาทีนี้ยังไม่ลงตัว ต้องเขย่า ต้องยกหู “เคลียร์” กันไปหลายรอบแล้ว รายหลังสุดปล่อยชื่อมาว่าจะเป็น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา แต่เอาเข้าจริงทำท่าจะแผ่วลงไปอีก และมาโผล่ที่ “เสี่ยหมง” พล.อ.มงคล อัมพรพิศิษฐ์ อีกรอบ นัยว่าจะใช้ความใกล้ชิดกับ “ป๋า” ทำทางไปหา “ศูนย์กลาง” ว่ากันอย่างนั้น
00 แต่ที่เมาท์กันให้แซดทั้งตลาดก็คือมีชื่อของ “ประเสริฐ บุญสัมพันธ์” ติดโผ รมว.พลังงานด้วย นี่สิไม่ธรรมดา ที่ต้องพูดแบบนั้นก็เพราะในช่วงเวลาใกล้เคียงกันดันมีข่าวจากสื่อหัวเขียวทำนองว่า มี “บิ๊ก” คนหนึ่งทุ่มเงิน “จ้างตัวเอง” ด้วยตัวเลขสิบหลักขออาสาเป็นเสนาบดีเพื่อมานั่ง “ทับขี้” ระหว่างที่นั่งบริหารรัฐวิสาหกิจบางแห่งเสียด้วย เรื่องมันจึงพิลึกไม่ธรรมดา ชวนติดตามจริงๆ พับผ่า !!
00 นี่ก็อาจเข้าข่ายพิลึกพิลั่นไม่น้อยเหมือนกัน ที่อยู่ดีๆ กทม.ในยุคของ “คุณชาย” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลุกขึ้นเบียด “มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช” จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา “12สิงหามหาราชินี” หน้าตาเฉย ทั้งที่ผ่านมาการจัดงานดังกล่าว มูลนิธิ 5 ธันวาฯดำเนินการมาตลอดนับสิบๆปีแล้วจนเป็นที่รับรู้กันทั่วและทางกทม.ก็ให้ความร่วมมือเข้าร่วมงานเป็นปกติ เพียงแต่ปีนี้มาแปลก เมื่อกทม.กลับใช้สนามหลวงเป็นสถานที่จัดงานเป็นครั้งแรก โดยใช้งบประมาณนับ “ร้อยล้านบาท” ขณะที่ฝ่ายมูลนิธิ 5 ธันวาฯถูกบีบให้ไปจัดงานในพื้นที่เล็กๆแคบๆบริเวณหน้าศาลฎีกาเหมือนปีก่อนที่อยู่ในช่วงของการปรับปรุงท้องสนามหลวง แม้ว่าหากมองอีกมุมหนึ่งการจัดงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติเป็นเรื่องที่ดีหากหลายหน่วยงานช่วยกันจัดถวาย แต่ที่ผิดปกติก็คือ มันมี “กลิ่นทะแม่ง” มีข่าวลอยลมเข้ามาว่ามี “ไอ้โม่ง” คนหนึ่งใน “เสาชิงช้า” หวังจะงาบส่วนแบ่งจากการจัด “อีเวนท์” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ คิดดูก็แล้วกันว่าเป็นเงินเท่าไหร่ งานนี้ได้แต่ลุ้นให้ “คุณชาย”ช่วยควาญหาตัวให้ที !!
00 ต้องไม่ลืมว่าด้วยประสบการณ์ทางการเมืองแค่ 40 วันเท่านั้นที่ทำให้ชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า จากเดิมที่เป็นสาวสังคม ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ในความเป็นจริงมี “พี่เลี้ยง” ที่ถูกคัดเลือกมาคอยดูแลไว้พร้อมสรรพอยู่แล้ว จู่ๆก็กำลังจะกลายเป็น นายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย กลายเป็น “สถิติประวัติศาสตร์” เพียงชั่วข้ามคืน เป็นใครก็ต้องนอนไม่หลับเป็นธรรมดา
00 ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องระทึกใจยิ่งกว่าก็คือ นับจากที่เธอได้เป็นนายกฯหญิงของไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ถึงตอนนั้นทุกสายตาจะจับจ้องมองมาที่เธอเป็นจุดเดียว ไม่ว่าจะกระดิกตัวไปทางไหนก็ถูกมองตามไม่กระพริบ ถูกตั้งคำถามตลอดเวลา และคำตอบจะเป็นแบบอ้อมไปอ้อมมาเหมือนก่อนหน้านี้คงไม่ได้แล้ว เช่น บอกว่า “จะทำให้ดีที่สุด” หรือ “เราต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบ” เลี่ยงๆแบบเดิมคงไม่ได้
00 สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำเป็นอันดับแรกของ ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่โฉมหน้าครม.ชุด “ปู 1” ว่าจะออกมาอย่างไร ถ้าเริ่มต้นด้วยเสียง “ยี้” แล้วละก็ อย่าว่าแต่ 6 เดือนตามที่มีคนคาดการณ์อายุของรัฐบาลนี้เลย มันอาจพังก่อนกำหนดก็ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าการคาดหวังของชาวบ้านนั้นสูงมาก สูงจนอันตราย และที่สำคัญพัฒนาการทางการเมืองของคนไทยนั้นถือว่าก้าวกระโดด โดยเฉพาะพวกเสื้อแดงนั่นแหละ แต่ที่ผ่านมาถูกปิดบังอำพราง สร้างกระแสบิดเบือน แต่ตราบใดก็ตามเมื่อได้เจอกับของจริงที่น่าผิดหวังแล้วละก็จะกลายเป็น “บูมเมอแรง” ย้อนกลับมาได้ตลอดเวลา
00 อีกด้านหนึ่งไม่น่าเชื่อว่าความเคลื่อนไหวฟอร์ม ครม.ยังไม่นิ่ง แม้ว่าผ่านไปกว่าเดือนเศษแล้ว ทั้งที่น่าจะมีรายชื่ออยู่ในใจตั้งแต่แรก แต่กลายเป็นว่ามีการถอดเข้าถอดออกอยู่หลายรอบ คนที่มีชื่อโผล่ในตอนแรก ตอนหลังกลับหายไปเฉยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “ความคาดหวัง” จากสังคมนี่แหละจึงต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์มาก่อน อย่างเช่น วิชิต สุรพงษ์ชัย ล่าสุดข่าวว่ามานั่งรองนายกฯควบรองนายกฯ มันก็เป็นไปได้ เพราะ “ซี้เก่า” ทางธุรกิจเกื้อหนุนกันมา แต่ที่น่าจับตาก็คือ รมว.กลาโหมที่จนถึงนาทีนี้ยังไม่ลงตัว ต้องเขย่า ต้องยกหู “เคลียร์” กันไปหลายรอบแล้ว รายหลังสุดปล่อยชื่อมาว่าจะเป็น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา แต่เอาเข้าจริงทำท่าจะแผ่วลงไปอีก และมาโผล่ที่ “เสี่ยหมง” พล.อ.มงคล อัมพรพิศิษฐ์ อีกรอบ นัยว่าจะใช้ความใกล้ชิดกับ “ป๋า” ทำทางไปหา “ศูนย์กลาง” ว่ากันอย่างนั้น
00 แต่ที่เมาท์กันให้แซดทั้งตลาดก็คือมีชื่อของ “ประเสริฐ บุญสัมพันธ์” ติดโผ รมว.พลังงานด้วย นี่สิไม่ธรรมดา ที่ต้องพูดแบบนั้นก็เพราะในช่วงเวลาใกล้เคียงกันดันมีข่าวจากสื่อหัวเขียวทำนองว่า มี “บิ๊ก” คนหนึ่งทุ่มเงิน “จ้างตัวเอง” ด้วยตัวเลขสิบหลักขออาสาเป็นเสนาบดีเพื่อมานั่ง “ทับขี้” ระหว่างที่นั่งบริหารรัฐวิสาหกิจบางแห่งเสียด้วย เรื่องมันจึงพิลึกไม่ธรรมดา ชวนติดตามจริงๆ พับผ่า !!
00 นี่ก็อาจเข้าข่ายพิลึกพิลั่นไม่น้อยเหมือนกัน ที่อยู่ดีๆ กทม.ในยุคของ “คุณชาย” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลุกขึ้นเบียด “มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช” จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา “12สิงหามหาราชินี” หน้าตาเฉย ทั้งที่ผ่านมาการจัดงานดังกล่าว มูลนิธิ 5 ธันวาฯดำเนินการมาตลอดนับสิบๆปีแล้วจนเป็นที่รับรู้กันทั่วและทางกทม.ก็ให้ความร่วมมือเข้าร่วมงานเป็นปกติ เพียงแต่ปีนี้มาแปลก เมื่อกทม.กลับใช้สนามหลวงเป็นสถานที่จัดงานเป็นครั้งแรก โดยใช้งบประมาณนับ “ร้อยล้านบาท” ขณะที่ฝ่ายมูลนิธิ 5 ธันวาฯถูกบีบให้ไปจัดงานในพื้นที่เล็กๆแคบๆบริเวณหน้าศาลฎีกาเหมือนปีก่อนที่อยู่ในช่วงของการปรับปรุงท้องสนามหลวง แม้ว่าหากมองอีกมุมหนึ่งการจัดงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติเป็นเรื่องที่ดีหากหลายหน่วยงานช่วยกันจัดถวาย แต่ที่ผิดปกติก็คือ มันมี “กลิ่นทะแม่ง” มีข่าวลอยลมเข้ามาว่ามี “ไอ้โม่ง” คนหนึ่งใน “เสาชิงช้า” หวังจะงาบส่วนแบ่งจากการจัด “อีเวนท์” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ คิดดูก็แล้วกันว่าเป็นเงินเท่าไหร่ งานนี้ได้แต่ลุ้นให้ “คุณชาย”ช่วยควาญหาตัวให้ที !!