เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เอชเอสบีซี ธนาคารใหญ่ที่สุดในยุโรปแถลงวานนี้(1)ว่า จะหั่นลดตำแหน่งงานในทั่วโลกเป็นจำนวน 30,000 ตำแหน่งในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า ตามแผนการที่จะถอยออกมาจากประเทศซึ่งอยู่ในฐานะแข่งขันไม่ค่อยไหว ขณะเดียวกับที่ปรับจุดเน้นหนักของการดำเนินงานให้มาอยู่ที่เอเชีย แต่พร้อมกันนี้ แบงก์ยักษ์รายนี้ก็ประกาศด้วยว่าสามารถทำผลกำไรในครึ่งแรกปีนี้ได้สูงกว่าที่คาดหมาย
เอชเอสบซีระบุในคำแถลงว่า กำลังอยู่ในกระบวนการตัดลดพนักงานในทั่วโลกลง 5,000 ตำแหน่ง ภายหลังการปรับโครงสร้างการดำเนินงานในละตินอเมริกา, สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, และตะวันออกกลาง ไม่เพียงเท่านั้น สจวร์ต กัลลิเวอร์ ซีอีโอของเอชเอสบีซียังได้ออกมาแถลงเพิ่มเติมว่า ทางแบงก์ยังจะตัดลดตำแหน่งงานลงอีก
“ยังจะมีการลดตำแหน่งงานลงไปอีก 25,000 ตำแหน่ง เป็นการเพิ่มเติมจาก 5,000 ตำแหน่งที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว” เขากล่าว
การตัดลดทั้งสิ้น 30,000 ตำแหน่งเช่นนี้ เท่ากับประมาณ 10% ของจำนวนลูกจ้างพนักงานที่เอชเอสบีซีมีอยู่ทั่วโลก แต่กัลลิเวอร์ย้ำว่า ก่อนที่จะถึงปี 2013 ทางธนาคารก็กำลังมีการรับพนักงานใหม่อยู่เรื่อยๆ เช่นกัน
“จำนวนสุทธิจะต่ำกว่าตัวเลข 30,000 มากทีเดียว” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว เวลานี้เอชเอสบีซีมีลูกจ้างพนักงานทั่วโลกประมาณ 300,000 คน โดยที่กว่าหนึ่งในสามปฏิบัติงานอยู่ในแถบเอเชีย
การลดพนักงานเช่นนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่เอชเอสบีซีประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ที่ว่าจะตัดต้นค่าใช้จ่ายให้ได้ถึง 3,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลา 2 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารใหญ่แห่งนี้กำลังพลิกกลับยุทธศาสตร์เดิมที่เคยใช้ซึ่งมุ่งขยายไปเปิดสาขาตามประเทศต่างๆ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่า มัวแต่มุ่งไป “ตั้งเสาธง” ในทั่วโลกเท่านั้น
กัลลิเวอร์ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของเอชเอสบีซีในเดือนมกราคม ได้เปิดเผยแผนการปฏิรูปครั้งมโหฬารเมื่อ 3 เดือนก่อน ที่ตั้งจุดมุ่งหมายจะลดต้นทุน และแสดงเจตนารมณ์ที่จะขาย, ปิด, หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลง กิจการธนาคารรายย่อยของเอชเอสบีซีใน 39 ประเทศ และหันมาลงทุนในบรรดาตลาดที่เติบโตรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบเอเชีย
เมื่อวันอาทิตย์(31ก.ค.) ธนาคารแห่งนี้เพิ่งแถลงว่าจะขายสาขาที่อยู่ในสหรัฐฯ 195 แห่งให้ เฟิร์สต์ ไนแอการา ไฟแนนเชียล โดยจะได้รับเงินสดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังจะปิดสาขาอื่นๆ 13 แห่งจากทั้งหมด 470 แห่งที่มีอยู่
ในการแถลงเมื่อวันจันทร์ เอชเอสบีซีระบุว่า ในครึ่งแรกปีนี้สามารถทำกำไรสุทธิได้ 8,900 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 35% ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีก็อยู่ที่ 11,500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.3%
เอชเอสบซีระบุในคำแถลงว่า กำลังอยู่ในกระบวนการตัดลดพนักงานในทั่วโลกลง 5,000 ตำแหน่ง ภายหลังการปรับโครงสร้างการดำเนินงานในละตินอเมริกา, สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, และตะวันออกกลาง ไม่เพียงเท่านั้น สจวร์ต กัลลิเวอร์ ซีอีโอของเอชเอสบีซียังได้ออกมาแถลงเพิ่มเติมว่า ทางแบงก์ยังจะตัดลดตำแหน่งงานลงอีก
“ยังจะมีการลดตำแหน่งงานลงไปอีก 25,000 ตำแหน่ง เป็นการเพิ่มเติมจาก 5,000 ตำแหน่งที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว” เขากล่าว
การตัดลดทั้งสิ้น 30,000 ตำแหน่งเช่นนี้ เท่ากับประมาณ 10% ของจำนวนลูกจ้างพนักงานที่เอชเอสบีซีมีอยู่ทั่วโลก แต่กัลลิเวอร์ย้ำว่า ก่อนที่จะถึงปี 2013 ทางธนาคารก็กำลังมีการรับพนักงานใหม่อยู่เรื่อยๆ เช่นกัน
“จำนวนสุทธิจะต่ำกว่าตัวเลข 30,000 มากทีเดียว” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว เวลานี้เอชเอสบีซีมีลูกจ้างพนักงานทั่วโลกประมาณ 300,000 คน โดยที่กว่าหนึ่งในสามปฏิบัติงานอยู่ในแถบเอเชีย
การลดพนักงานเช่นนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่เอชเอสบีซีประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ที่ว่าจะตัดต้นค่าใช้จ่ายให้ได้ถึง 3,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลา 2 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารใหญ่แห่งนี้กำลังพลิกกลับยุทธศาสตร์เดิมที่เคยใช้ซึ่งมุ่งขยายไปเปิดสาขาตามประเทศต่างๆ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่า มัวแต่มุ่งไป “ตั้งเสาธง” ในทั่วโลกเท่านั้น
กัลลิเวอร์ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของเอชเอสบีซีในเดือนมกราคม ได้เปิดเผยแผนการปฏิรูปครั้งมโหฬารเมื่อ 3 เดือนก่อน ที่ตั้งจุดมุ่งหมายจะลดต้นทุน และแสดงเจตนารมณ์ที่จะขาย, ปิด, หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลง กิจการธนาคารรายย่อยของเอชเอสบีซีใน 39 ประเทศ และหันมาลงทุนในบรรดาตลาดที่เติบโตรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบเอเชีย
เมื่อวันอาทิตย์(31ก.ค.) ธนาคารแห่งนี้เพิ่งแถลงว่าจะขายสาขาที่อยู่ในสหรัฐฯ 195 แห่งให้ เฟิร์สต์ ไนแอการา ไฟแนนเชียล โดยจะได้รับเงินสดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังจะปิดสาขาอื่นๆ 13 แห่งจากทั้งหมด 470 แห่งที่มีอยู่
ในการแถลงเมื่อวันจันทร์ เอชเอสบีซีระบุว่า ในครึ่งแรกปีนี้สามารถทำกำไรสุทธิได้ 8,900 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 35% ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีก็อยู่ที่ 11,500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.3%
