ASTVผู้จัดการรายวัน - “พฤกษา”ชี้อีก 2 ปี ทำเลจากแยกพระราม 9 - ศูนย์วัฒนะธรรม จะกลายเป็น The Heart of Ratchada สำนักงานเกิดใหม่แตะ 8 แสนตร.ม. ศูนย์การค้า โรงแรมหรู ลุยเปิดคอนโดฯหรู ไอวี่ แอมพิโอ ติดอาคารทรู ราคาเริ่มต้น 3.5-8.8 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าผู้บริหารบริษัทในย่านใกล้เคียง ด้านAREA เผยตัวเลขซับพลายที่อยู่อาศัยในตลาดรวม ณ เดือน มิ.ย. 54 พบ มีกว่า 1.35 แสนหน่วย คาด 16 เดือนระบายหมด หากไม่มซัพพลายใหม่สมทบอีก
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทพฤกษา เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายคอนโดมิเนียมหรู ภายใต้แบรนด์ “ไอวี่ แอมพิโอ” เป็นอาคารสูง 29 ชั้น 1 อาคารจำนวน 289 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.5-8.8 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตรม.ละ 1.5 แสนบาท
ทั้งนี้บริษัทได้เปิดขายเป็นการภายในตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 50% ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารที่ทำงานในย่านใกล้เคียง เช่น ตึกทรู ผู้บริหารจากบริษัทเงินทุนต่างๆ ที่คาดว่าจะย้ายสำนักงานมาเปิดใกล้กับอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ ปัจจุบันโครงการได้ผ่านการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ สวล.เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้ กำหนดแล้วเสร็จในปี 2556
“แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสินค้าคอนโดมิเนียมเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก จนเกรงว่าจะล้นตลาด แต่ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นในบางทำเล บางเซ็กเมนต์ ซึ่งยังมีช่องว่างตลาดอยู่ในทุกทำเลขึ้นอยู่กับว่าทำเลนั้นๆ มีตลาดอะไรที่ยังขาดหาย” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์บนถนนรัชดาฯ-พระราม 9 หากมองย้อนกลับไป 3 ปีที่ผ่านมา (2551-2553) พบว่าพื้นที่ย่านรัชาดาฯ มีอัตราการเติบโตของตลาดคอนโดฯสูงเป็นอันดับ 3 รองจากสีลม และพหลโยธิน และเมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่าในพื้นที่นี้คอนโดฯที่เติบโตมากสุด คือ คอนโดฯระดับกลาง-บน คือ ระดับราคา 3-7 ล้านบาท มีการเติบโตถึง 315 % โดยมีมูลค่าตลาดเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 3,900 ล้านบาท เป็น 8,377 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินค้าคงเหลือในตลาดประมาณ 1,000-2,000 ยูนิต มูลค่าประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มองว่าทำเลรัชดาฯจากแยกพระราม 9- แยกศูนย์วัฒนธรรม ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเป็น The Heart of Ratchada ซึ่งจะถูกปรับเป็นอาคารสำนักงาน และที่พักอาศัย สำหรับการเติบโตของแหล่งธุรกิจโดยรอบพบว่าบนพื้นที่นี้มีทั้งอาคารสำนักงานที่เป็นธุรกิจชั้นนำของเมืองไทย เช่น อาคารเมืองไทยภัทร,ตึกทรู ทาวเวอร์ ,ไซเบอร์ เวิลด์ ทาวเวอร์, โรงแรมเลอ คองคอร์ด, ออฟฟิศทาวเวอร์ และยังมีสถานกงสุล แหล่งช้อปปิ้ง โรงแรม และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่เกิดขึ้น เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อาคารสำนักงานของบริษัท เอไอเอ และแหล่งเอนเตอร์เทนน์คอมเพล็กของกลุ่มเซ็นทรัล และโรงแรมระดับ 6 ดาวอีก 1 แห่ง ซึ่งอาคารสำนักงานเหล่านี้มีพื้นที่ก่อสร้างรวมกันมากกว่า 800,000 ตาราง
คาด16เดือนดูดซับที่อยู่อาศัย1.35แสนหน่วย
นายโสภณ พรโชคชัยประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัดหรือ AREA กล่าวว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 มีหน่วยเสนอขายที่อยู่อาศัยในตลาดรวม135,598 หน่วย ซึ่งใช้เวลาดูดซับอีก 16 เดือน จึงจะขายหมด หากไม่มีการเปิดตัวโครงการขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ หากเทียบกับจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4.5 ล้านหน่วย ก็ถือเป็นอัตราส่วนประมาณ 3% ยังน้อยกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540-2541 ที่มีอัตราส่วนพุ่งสูงถึง 5% ดังนั้นจากการเปรียบเทียบนี้ ยังถือว่าตลาดอยู่ในภาวะปกติ เพียงแต่หากมีอุปทานเกิดขึ้นใหม่อีกเป็นจำนวนมาก อาจเกิดภาวะล้นตลาดได้
สำหรับ ในรายละเอียดห้องชุดทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 ยังรอขายอยู่ 43,496 หน่วย ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 10 เดือน หากไม่มีอุปทานใหม่เกิดขึ้นจึงสามารถระบายออกได้หมด สำหรับกรณีทาวน์เฮาส์ยังเหลืออยู่ 40,248 หน่วย คาดว่าจะใช้เวลาระบายออก 20 เดือน ส่วนบ้านเดี่ยวมีหน่วยรอขายอยู่ 40,707 หน่วย คาดว่าต้องใช้เวลา 29 เดือนในการระบายออก โดยสรุปแล้วห้องชุดยังอยู่ในภาวะตลาดที่ดีที่สุด ส่วนบ้านเดี่ยวก็มีภาวะที่กระเตื้องขึ้น
“เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่าห้องชุดระดับ 5-10 ล้านบาท ขณะนี้เหลืออยู่ 1,086 หน่วย น่าจะขายหมดภายในเวลา 5 เดือน ทั้งนี้คงเพราะเป็นที่อยู่อาศัยคุณภาพใจกลางเมือง จึงมีศักยภาพในการขายสูง สำหรับกลุ่มทาวน์เฮาส์ 3-5 ล้านบาท ซึ่งมี 3,283 หน่วยเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงเช่นกัน คาดว่าจะสามารถขายหมดในช่วง 17 เดือน ในกรณีของบ้านเดี่ยว5-10 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่ 8,482 หน่วยถือเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยวที่มีศักยภาพการขายสูงสุด คาดว่าจะสามารถขายหมดภายใน 25 เดือน”
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทพฤกษา เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายคอนโดมิเนียมหรู ภายใต้แบรนด์ “ไอวี่ แอมพิโอ” เป็นอาคารสูง 29 ชั้น 1 อาคารจำนวน 289 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.5-8.8 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตรม.ละ 1.5 แสนบาท
ทั้งนี้บริษัทได้เปิดขายเป็นการภายในตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 50% ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารที่ทำงานในย่านใกล้เคียง เช่น ตึกทรู ผู้บริหารจากบริษัทเงินทุนต่างๆ ที่คาดว่าจะย้ายสำนักงานมาเปิดใกล้กับอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ ปัจจุบันโครงการได้ผ่านการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ สวล.เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้ กำหนดแล้วเสร็จในปี 2556
“แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสินค้าคอนโดมิเนียมเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก จนเกรงว่าจะล้นตลาด แต่ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นในบางทำเล บางเซ็กเมนต์ ซึ่งยังมีช่องว่างตลาดอยู่ในทุกทำเลขึ้นอยู่กับว่าทำเลนั้นๆ มีตลาดอะไรที่ยังขาดหาย” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์บนถนนรัชดาฯ-พระราม 9 หากมองย้อนกลับไป 3 ปีที่ผ่านมา (2551-2553) พบว่าพื้นที่ย่านรัชาดาฯ มีอัตราการเติบโตของตลาดคอนโดฯสูงเป็นอันดับ 3 รองจากสีลม และพหลโยธิน และเมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่าในพื้นที่นี้คอนโดฯที่เติบโตมากสุด คือ คอนโดฯระดับกลาง-บน คือ ระดับราคา 3-7 ล้านบาท มีการเติบโตถึง 315 % โดยมีมูลค่าตลาดเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 3,900 ล้านบาท เป็น 8,377 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินค้าคงเหลือในตลาดประมาณ 1,000-2,000 ยูนิต มูลค่าประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มองว่าทำเลรัชดาฯจากแยกพระราม 9- แยกศูนย์วัฒนธรรม ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเป็น The Heart of Ratchada ซึ่งจะถูกปรับเป็นอาคารสำนักงาน และที่พักอาศัย สำหรับการเติบโตของแหล่งธุรกิจโดยรอบพบว่าบนพื้นที่นี้มีทั้งอาคารสำนักงานที่เป็นธุรกิจชั้นนำของเมืองไทย เช่น อาคารเมืองไทยภัทร,ตึกทรู ทาวเวอร์ ,ไซเบอร์ เวิลด์ ทาวเวอร์, โรงแรมเลอ คองคอร์ด, ออฟฟิศทาวเวอร์ และยังมีสถานกงสุล แหล่งช้อปปิ้ง โรงแรม และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่เกิดขึ้น เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อาคารสำนักงานของบริษัท เอไอเอ และแหล่งเอนเตอร์เทนน์คอมเพล็กของกลุ่มเซ็นทรัล และโรงแรมระดับ 6 ดาวอีก 1 แห่ง ซึ่งอาคารสำนักงานเหล่านี้มีพื้นที่ก่อสร้างรวมกันมากกว่า 800,000 ตาราง
คาด16เดือนดูดซับที่อยู่อาศัย1.35แสนหน่วย
นายโสภณ พรโชคชัยประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัดหรือ AREA กล่าวว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 มีหน่วยเสนอขายที่อยู่อาศัยในตลาดรวม135,598 หน่วย ซึ่งใช้เวลาดูดซับอีก 16 เดือน จึงจะขายหมด หากไม่มีการเปิดตัวโครงการขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ หากเทียบกับจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4.5 ล้านหน่วย ก็ถือเป็นอัตราส่วนประมาณ 3% ยังน้อยกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540-2541 ที่มีอัตราส่วนพุ่งสูงถึง 5% ดังนั้นจากการเปรียบเทียบนี้ ยังถือว่าตลาดอยู่ในภาวะปกติ เพียงแต่หากมีอุปทานเกิดขึ้นใหม่อีกเป็นจำนวนมาก อาจเกิดภาวะล้นตลาดได้
สำหรับ ในรายละเอียดห้องชุดทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 ยังรอขายอยู่ 43,496 หน่วย ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 10 เดือน หากไม่มีอุปทานใหม่เกิดขึ้นจึงสามารถระบายออกได้หมด สำหรับกรณีทาวน์เฮาส์ยังเหลืออยู่ 40,248 หน่วย คาดว่าจะใช้เวลาระบายออก 20 เดือน ส่วนบ้านเดี่ยวมีหน่วยรอขายอยู่ 40,707 หน่วย คาดว่าต้องใช้เวลา 29 เดือนในการระบายออก โดยสรุปแล้วห้องชุดยังอยู่ในภาวะตลาดที่ดีที่สุด ส่วนบ้านเดี่ยวก็มีภาวะที่กระเตื้องขึ้น
“เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่าห้องชุดระดับ 5-10 ล้านบาท ขณะนี้เหลืออยู่ 1,086 หน่วย น่าจะขายหมดภายในเวลา 5 เดือน ทั้งนี้คงเพราะเป็นที่อยู่อาศัยคุณภาพใจกลางเมือง จึงมีศักยภาพในการขายสูง สำหรับกลุ่มทาวน์เฮาส์ 3-5 ล้านบาท ซึ่งมี 3,283 หน่วยเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงเช่นกัน คาดว่าจะสามารถขายหมดในช่วง 17 เดือน ในกรณีของบ้านเดี่ยว5-10 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่ 8,482 หน่วยถือเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยวที่มีศักยภาพการขายสูงสุด คาดว่าจะสามารถขายหมดภายใน 25 เดือน”