ASTVผู้จัดการรายวัน-กกต.เตรียมประกาศรับรองส.ส.ที่เหลือทั้งหมดวันนี้ คาดครบ 95% เพื่อให้เปิดประชุมสภาฯ ได้ "เต้น-ตู่-พรทิวา"ยังต้องลุ้น พร้อมสั่งนับคะแนนเขต 2 ยะลาใหม่ ส่วนที่เมืองโอ่ง ผู้สมัครส.ส.ปชป.เขต 4 เบรกรับรองส.ส. หลังเจอบัตรเลือกตั้งถูกทิ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เริ่มประชุมเมื่อเวลา 10.00 น. โดยมีรายงานเบื้องต้นว่า การประชุมกกต.ครั้งนี้ จะยังไม่มีการพิจารณาประกาศรับรองผลเลือกตั้งส.ส.เพิ่มเติมเป็นรอบที่ 4 เนื่องจาก กกต. ต้องการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยพิจารณาประกาศรับรองผล ส.ส.ในคราวเดียวกัน ซึ่งในที่ประชุมมีสำนวนร้องคัดค้านเข้าพิจารณาทั้งหมด 11 เรื่อง
ขณะเดียวกัน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขากกต. ยังได้ลาประชุม 1 วัน เพื่อไปแสดงวิสัยทัศน์ในการเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการประกาศรับรองผลของกกต.จนถึงขณะนี้ ได้ประกาศรับรองไปแล้ว 402 คน แบ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 117 คน ส.ส.แบ่งเขต 285 คน ยังขาดอีก 73 คน ถึงจะครบร้อยละ 95 ที่จะสามารถเปิดประชุมสภาฯ นัดแรกได้
หลังการประชุม นายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมกกต. มีการพิจารณา และมีมติในสำนวนร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งจำนวน 15 เรื่อง โดยในจำนวนนี้มีเรื่องร้องคัดค้าน นางพรทิวา นาคาศัย ว่าที่ ส.ส.เขต 1 ชัยนาท , ร้องคัดค้านกรณีคุณสมบัติของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และกรณี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปไตยใหม่ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมคะแนนเสียงที่กกต.ได้ลงในแต่ละสำนวน ซึ่งฝ่ายการประชุมจะมีการขานมติให้ที่ประชุมทราบทั้งหมดในการประชุมวันนี้ (27 ก.ค.)
** สั่งนับคะแนนใหม่ เขต 2 ยะลา
นายสมชาติกล่าวว่า ที่ประชุมกกต. ยังมีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 สั่งให้นับคะแนนใหม่ ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.ยะลา ในวันที่ 31 ก.ค. หลังพบว่า กรรมการประจำหน่วยปฏิบัติไม่ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด อาทิ มีการติดประกาศผลคะแนนที่หน้าหน่วยและนำออก ทำให้ถือว่ามีการปิดประกาศโดยไม่เปิดเผย จัดทำผลคะแนนและปิดประกาศผลคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริง อีกทั้งผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง มีคะแนนห่างจากผู้ที่ได้รับคะแนนมาเป็นลำดับ 2 เพียง 33 คะแนน กกต.จึงเห็นว่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จึงสั่งให้มีการนับคะแนนใหม่
ทั้งนี้ กกต.กำหนดให้เจ้าที่นับคะแนน 1 ชุดจะนับคะแนนประมาณ 1,500 คะแนน และจะมีการจัดตั้งชุดนับคะแนนประมาณ 60 ชุด โดยให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย อีกทั้งให้มีการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน
**คาดรับรองส.ส.ครบ 95% วันนี้
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ในการประชุมกกต.มีมติยกคำร้องไปประมาณ 10 เรื่อง ซึ่ง กกต. 2 ใน 5 คน เห็นว่าควรเสนอให้ประกาศรับรองพร้อมกันทีเดียวในวันนี้ (27 ก.ค.) เพื่อให้ทันเปิดประชุมสภา และยังมีการสั่งสอบเพิ่มเติมในบางเขต เช่น กรณีนางนันทนา สงฆ์ประชา ว่าที่ ส.ส.เขต 2 ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย เพราะกรณีนี้ทางกกต.จังหวัด เสนอยกคำร้อง แต่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกกต. เสนอให้เลือกตั้งใหม่กกต. จึงยังเห็นว่าควรสอบเพิ่มเติม
ส่วนสำนวนของนางพรทิวา กกต. ยกคำร้องไป 1 คำร้อง แต่ยังมีเรื่องร้องเรียนอีก 1 เรื่องที่ทางจังหวัดยังไม่ได้เสนอเข้ามา ซึ่งยังไม่ทราบว่าที่ประชุมกกต.วันนี้ จะได้พิจารณากรณีของนางพรทิวาในสำนวนที่เหลือได้หรือไม่
สำหรับกรณีของแกนนำนปช. ที่เหลือ คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้สรุปสำนวนและเสนอให้กกต.แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการลงมติ โดยขอนำไปศึกษาก่อนที่จะกลับมาพิจารณาใหม่ในวันนี้
นางสดศรีกล่าวว่า กกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณาการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.เพิ่มเติม จากเดิมที่ได้กำหนดไว้ เพราะ กกต.เห็นเหมือนกันว่า น่าพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านให้เสร็จก่อนแล้วประกาศไปเลยในคราวเดียวกัน ซึ่งในวันนี้ มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ได้ครบเกณฑ์ 95% เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าจะเสนอสำนวนที่มีอยู่ให้ กกต.พิจารณาประกาศได้ 100%
นายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ประธาน กกต.จว.ยะลา กล่าวถึงการนับคะแนนใหม่ว่า นายซูการ์โน มะทา ผู้สมัคร ส.ส.ยะลา เขต 2 พรรคเพื่อไทย ได้ร้องเข้ามายังกกต.จว.ยะลา ทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนจึงได้ลงพื้นที่ จนมีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าคำร้องมีมูล จึงได้เสนอมายัง กกต.จว.ยะลา ก่อนที่จะเสนอไปยังกกต.กลาง ด้วยมติเสียงข้างมากให้มีการนับคะแนนใหม่ ส่วนประเด็นการสอบสวนความผิดของฝ่ายปฏิบัตินั้น ยังเป็นอีกประเด็น เนื่องจากตอนนี้จะต้องดูก่อนว่า คะแนนที่นับใหม่เป็นอย่างไร ถ้ามีความแตกต่างจากคะแนนที่นับไปแล้ว ทางผู้ร้องติดใจเอาความ ก็จะต้องร้องในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องมา กกต.จว.ยะลาก็จะดำเนินการตามกระบวนการ
**แฉมีคนแอบอ้างเป็นกกต.ขายข้อมูล
แหล่งข่าวจากทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ได้มีชายวัยประมาณ 40 ปี อ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานเลือกตั้ง และรู้สำนวนการร้องคัดค้านการเลือกตั้งทุกสำนวนที่ส่งเข้าที่ กกต. ซึ่งอยู่ในการดูแลของนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และยังได้อ้างตัวอีกว่า เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในฝ่ายกิจการกรรมการเลือกตั้ง 3 ซึ่งได้มาติดต่อขอพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค และแกนนำคนเสื้อแดง เพื่อเสนอข้อมูลในสำนวนการสอบสวนเรื่องร้องเรียนและคัดค้านการเลือกตั้งในส่วนของว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายครั้ง
แต่ในช่วงหลังนี้ หลังจากที่มีข่าวผู้บริหาร กกต.ตีกอล์ฟกับนักการเมือง จึงได้สงสัยว่าคนดังกล่าวเป็นพนักงานในสำนักงานกกต. จริงหรือไม่ ทำให้ผู้ใหญ่ของพรรคสงสัยในพฤติกรรม จึงสั่งให้มีการสืบสวนทางลับว่า ชายคนดังกล่าวมีแผนอะไร เนื่องจากเหมือนมีเจตนาที่จะทำให้พรรคเสียหาย เพราะเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา กกต.เพิ่งมีมติ ตั้งนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เป็นประธานสอบสวนข้อเท็จจริงมีว่าที่ ส.ส.วิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกกต.เพื่อให้หลุดคดีร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง จึงเกรงว่าจะเป็นกลลวงให้พรรค
** โฆษกปธม.รอลุ้นปาร์ตี้ลิสต์
วานนี้ ( 26 ก.ค.) นายวารินทร์ อัฐนาค รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้เดินทางมารอฟังการพิจารณาการประกาศรับรอง ส.ส. ในรอบที่ 4 ที่ กกต. โดยหวังว่า กกต. จะประกาศรับรองส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรค เพื่อให้เข้าไปเป็นตัวแทนของภาคประชาชน ทำหน้าที่ในสภา
นายวารินทร์กล่าวว่า ได้ทราบข่าวมาว่า เมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค.ผ่านมา มีนักการเมืองใหญ่ในภาคอีสาน สังกัดพรรคเล็ก มาล็อบบี้กับคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีนี้ของกกต. เพื่อให้เสนอต่อกกต.ว่าไม่ควรรับรองส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค เพื่อจะทำให้บัตรที่เลือกพรรคปธม. กลายเป็นบัตรเสีย และพรรคการเมืองดังกล่าวจะได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม พรรคยังเชื่อมั่นการทำงานของกกต.ว่าไม่มีใครจะมากดดันกกต.ได้
**ปชป.เขต 4 ราชบุรี ร้องค้านประกาศผล
วันเดียวกันนี้ นายยศศักดิ์ ชีวะวิญญู อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ จ.ราชบุรี ได้เข้ายื่นเรื่องร้องคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 ต่อ กกต. หลังมีการพบบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งถูกทิ้งอยู่ และบัตรดังกล่าวส่วนใหญ่ได้ทำเครื่องหมายกากบาทหมายเลข 10 ที่เลขของตน จึงน่าจะเป็นคะแนนที่ประชาชนได้เลือกตน แต่ไม่ได้ถูกนับเป็นคะแนน ทำให้ตนต้องแพ้การเลือกตั้ง และเห็นว่าคะแนนห่างจากผู้ได้รับการเลือกตั้งไม่มากนัก จึงเชื่อว่ามีบัตรเลือกตั้งที่เลือกตนถูกนำไปทิ้งในจุดอื่นๆ อีก โดยนายยศศักดิ์ ขอให้กกต. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด และนำตัวคนทำผิดมาลงโทษ แม้ว่าการตรวจสอบอาจไม่สามารถทำให้ผลของการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม แต่เพื่อความยุติธรรม
** คาดเป็นบัตรที่นับคะแนนแล้ว
นายแสงทอง โตอดิเทพย์ ประธาน กกต.จว.ราชบุรี กล่าวถึง กรณีมีการพบบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของเขตเลือกตั้งที่ 4 จ.ราชบุรี ถูกซุกซ่อนอยู่ในศาลพระภูมิที่ชำรุด ว่า ขณะนี้ กกต.จว.ราชบุรี กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าบัตรดังกล่าว เป็นบัตรเลือกตั้งที่ปลอมขึ้น หรือบัตรเลือกตั้งจริงที่ใช้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา หากเป็นบัตรเลือกตั้งจริง ก็คงไม่มีผลกระทบต่อการเลือกตั้ง เนื่องจากการนับคะแนนเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว และที่หลุดออกไปก็น่าจะมาจากเวลานับแล้วนำกลับใส่ลงหีบไม่หมด หรือมีผู้ที่ลักบัตรดังกล่าวออกไป ขณะกำลังนำใส่ลงหีบบัตรเพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกต.จว.ราชบุรีได้แจ้งความที่สถานีตำรวจแล้ว รวมทั้งกกต.จว.ราชบุรี ยังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีบัตรเลือกตั้งได้ถูกนำออกมาจากหีบบัตร โดยคณะกรรมการตรวจสอบจะมีทั้งกกต.จว. กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ 4 และตำรวจ อีกทั้งตนได้รายงานถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ามายังกกต.ให้ได้รับทราบแล้วเมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยกกต.กลางได้แสดงความสงสัยว่าบัตรเลือกตั้งที่นับคะแนนเสร็จแล้วหลุดออกมาจากหีบบัตรเลือกตั้งได้อย่างไร
**โวย"เจ๊สด"ชี้นำเบี่ยงคลิปซื้อเสียง
นายประมวล เอมเปีย ผู้สมัคร ส.ส.เขต ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง ตนได้ติดตามข่าวการพิจารณาใบเหลือง ใบแดง ของกกต. มาโดยตลอด แต่เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ได้ให้สัมภาษณ์ระบุถึง กกต. จ.ชลบุรี เสนอให้ใบเหลือง ในการเลือกตั้งที่ชลบุรี เขต 3 เพราะมีคลิปวีดีโอ และพยานหลักฐาน ทั้งพยานวัตถุ และบุคคลครบถ้วน แต่นางสดศรี กลับพูดชี้นำผ่านสื่อว่า เข้าใจว่าคลิปวีดีโอดังกล่าว เป็นการตัดต่อของชาวบ้าน
การพูดเช่นนี้ต้องถามว่า นางสดศรี เป็น กกต.มีหน้าที่กำกับดูแล ควบคุมจัดการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรม แต่การออกมาให้สัมภาษณ์ ของนางสดศรี กลับสร้างความไม่สบายใจให้กับกลุ่มชาวบ้านที่เป็นพยาน ดูเสมือนว่าประชาชนสร้างหลักฐานเท็จมาร้องเรียน และเป็นการชี้นำด้วย หากคิดว่าเป็นการตัดต่อคลิปก็ขอให้เชิญเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบได้ ทั้งที่ข้อเท็จจริงใน จ.ชลบุรี ไม่มีประชาชนคนไหน กล้าขัดขวาง ท้าทาย หรือวางตัวอยู่คนละฝ่ายกับตระกูลคุณปลื้ม แต่ที่มีชาวบ้าน หรือประชาชน รวมตัวออกมาเอาเงินของกลางที่ได้จากการซื้อเสียง เอาไปคืนที่สำนักงาน กกต. พร้อมทั้งกล้ายืนยันเป็นพยานบุคคลว่ามีการซื้อเสียงกันก็เพราะประชาชนคนชลบุรี ต่างทนไม่ได้ เพราะมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมีพฤติกรรมซื้อเสียงมากมาย ง่ายเสียกว่าไปซื้อของในตลาดสด ทั้งที่กกต.มีหน้าที่ดูแลแต่กกต.กลับไม่มีความสามารถที่จะรักษากฎหมาย
นายประมวลกล่าวว่า สำหรับตน จะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ที่ต้องออกมา เพื่อขอให้กกต.ทำหน้าที่ และย้ำว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ขอถามว่าทุกวันนี้ มีการข่มขู่พยานบุคคล อยากทราบว่ารายชื่อของพยาน เล็ดรอดออกมาได้อย่างไร ให้ผู้ถูกร้องมาข่มขู่พยานได้ถูกตัว หรือการที่นางสดศรีระบุว่า จะทำให้เป็นกรณีตัวอย่างเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กกต. และจริงหรือไม่ที่มีข่าวออกมาว่าสามารถซื้อกกต.ได้ และจริงหรือไม่ที่การพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงของกกต.ในอดีตของการลงมติต่างๆ กกต.ชุดก่อนๆ นี้มีการถกถึงประเด็นและพฤติกรรมว่าผิดกฎหมายอย่างไร แต่กกต.ชุดนี้ใช้วิธีติ๊กให้ใบเหลือง ใบแดง หรือใบขาว โดยไม่มีการเรียกเจ้าหน้าที่สอบสวนที่ทำการสอบสวนในพื้นที่มาสอบถามในรายละเอียด ดังนั้น อยากให้กกต.ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆ ต่อสังคม เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นการเรียกคืนความเชื่อมั่นของกกต.อย่างแท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินคดีกับ กกต.หรือไม่ นายประมวล กล่าวว่า กรณีนี้หลักฐานพยานชัดเจน ถ้ากกต.พิจารณายกคำร้อง ตนก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว และคิดว่าประชาชนอีกเป็นร้อยคน ก็พร้อมที่จะมาเป็นพยานเพิ่ม และไม่ยอมแน่นอน หากกกต.วินิจฉัยผิดไปจากข้อเท็จจริง ตนก็ต้องหารือกับฝ่ายกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และขอเน้นย้ำให้กกต.กลาง เรียกพยานบุคคล พยานเอกสารที่ได้สอบปากคำ รวมทั้งพยานวัตถุที่ไดลงบันทึกไว้แล้วทั้งหมดจากกกต.จังหวัด เพื่อนำมาพิจารณาให้ครบถ้วน อย่าหมกเม็ด หรือดองเรื่องไว้ เพราะตนเชื่อมั่นว่า พฤติการณ์เหล่านี้ ทำให้เชื่อได้ว่าการเลือกตั้งไม่สุจริต และโปร่งใส ซึ่งตนและประชาชน จะเฝ้าจับตาดู กกต.ว่าจะทำอย่างไรเพื่อประชาชนไว้วางใจสมกับที่คาดหวัง เพราะผ่านการเลือกตั้งมาคนเขารู้ว่ามีการทุจริตกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่กกต.กลับแจกใบเหลือง เพียง 2 ใบเท่านั้น แล้วจะเรียกความเชื่อมั่นให้กับกกต.ได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เริ่มประชุมเมื่อเวลา 10.00 น. โดยมีรายงานเบื้องต้นว่า การประชุมกกต.ครั้งนี้ จะยังไม่มีการพิจารณาประกาศรับรองผลเลือกตั้งส.ส.เพิ่มเติมเป็นรอบที่ 4 เนื่องจาก กกต. ต้องการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยพิจารณาประกาศรับรองผล ส.ส.ในคราวเดียวกัน ซึ่งในที่ประชุมมีสำนวนร้องคัดค้านเข้าพิจารณาทั้งหมด 11 เรื่อง
ขณะเดียวกัน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขากกต. ยังได้ลาประชุม 1 วัน เพื่อไปแสดงวิสัยทัศน์ในการเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการประกาศรับรองผลของกกต.จนถึงขณะนี้ ได้ประกาศรับรองไปแล้ว 402 คน แบ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 117 คน ส.ส.แบ่งเขต 285 คน ยังขาดอีก 73 คน ถึงจะครบร้อยละ 95 ที่จะสามารถเปิดประชุมสภาฯ นัดแรกได้
หลังการประชุม นายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมกกต. มีการพิจารณา และมีมติในสำนวนร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งจำนวน 15 เรื่อง โดยในจำนวนนี้มีเรื่องร้องคัดค้าน นางพรทิวา นาคาศัย ว่าที่ ส.ส.เขต 1 ชัยนาท , ร้องคัดค้านกรณีคุณสมบัติของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และกรณี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปไตยใหม่ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมคะแนนเสียงที่กกต.ได้ลงในแต่ละสำนวน ซึ่งฝ่ายการประชุมจะมีการขานมติให้ที่ประชุมทราบทั้งหมดในการประชุมวันนี้ (27 ก.ค.)
** สั่งนับคะแนนใหม่ เขต 2 ยะลา
นายสมชาติกล่าวว่า ที่ประชุมกกต. ยังมีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 สั่งให้นับคะแนนใหม่ ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.ยะลา ในวันที่ 31 ก.ค. หลังพบว่า กรรมการประจำหน่วยปฏิบัติไม่ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด อาทิ มีการติดประกาศผลคะแนนที่หน้าหน่วยและนำออก ทำให้ถือว่ามีการปิดประกาศโดยไม่เปิดเผย จัดทำผลคะแนนและปิดประกาศผลคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริง อีกทั้งผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง มีคะแนนห่างจากผู้ที่ได้รับคะแนนมาเป็นลำดับ 2 เพียง 33 คะแนน กกต.จึงเห็นว่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จึงสั่งให้มีการนับคะแนนใหม่
ทั้งนี้ กกต.กำหนดให้เจ้าที่นับคะแนน 1 ชุดจะนับคะแนนประมาณ 1,500 คะแนน และจะมีการจัดตั้งชุดนับคะแนนประมาณ 60 ชุด โดยให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย อีกทั้งให้มีการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน
**คาดรับรองส.ส.ครบ 95% วันนี้
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ในการประชุมกกต.มีมติยกคำร้องไปประมาณ 10 เรื่อง ซึ่ง กกต. 2 ใน 5 คน เห็นว่าควรเสนอให้ประกาศรับรองพร้อมกันทีเดียวในวันนี้ (27 ก.ค.) เพื่อให้ทันเปิดประชุมสภา และยังมีการสั่งสอบเพิ่มเติมในบางเขต เช่น กรณีนางนันทนา สงฆ์ประชา ว่าที่ ส.ส.เขต 2 ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย เพราะกรณีนี้ทางกกต.จังหวัด เสนอยกคำร้อง แต่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกกต. เสนอให้เลือกตั้งใหม่กกต. จึงยังเห็นว่าควรสอบเพิ่มเติม
ส่วนสำนวนของนางพรทิวา กกต. ยกคำร้องไป 1 คำร้อง แต่ยังมีเรื่องร้องเรียนอีก 1 เรื่องที่ทางจังหวัดยังไม่ได้เสนอเข้ามา ซึ่งยังไม่ทราบว่าที่ประชุมกกต.วันนี้ จะได้พิจารณากรณีของนางพรทิวาในสำนวนที่เหลือได้หรือไม่
สำหรับกรณีของแกนนำนปช. ที่เหลือ คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้สรุปสำนวนและเสนอให้กกต.แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการลงมติ โดยขอนำไปศึกษาก่อนที่จะกลับมาพิจารณาใหม่ในวันนี้
นางสดศรีกล่าวว่า กกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณาการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.เพิ่มเติม จากเดิมที่ได้กำหนดไว้ เพราะ กกต.เห็นเหมือนกันว่า น่าพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านให้เสร็จก่อนแล้วประกาศไปเลยในคราวเดียวกัน ซึ่งในวันนี้ มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ได้ครบเกณฑ์ 95% เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าจะเสนอสำนวนที่มีอยู่ให้ กกต.พิจารณาประกาศได้ 100%
นายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ประธาน กกต.จว.ยะลา กล่าวถึงการนับคะแนนใหม่ว่า นายซูการ์โน มะทา ผู้สมัคร ส.ส.ยะลา เขต 2 พรรคเพื่อไทย ได้ร้องเข้ามายังกกต.จว.ยะลา ทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนจึงได้ลงพื้นที่ จนมีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าคำร้องมีมูล จึงได้เสนอมายัง กกต.จว.ยะลา ก่อนที่จะเสนอไปยังกกต.กลาง ด้วยมติเสียงข้างมากให้มีการนับคะแนนใหม่ ส่วนประเด็นการสอบสวนความผิดของฝ่ายปฏิบัตินั้น ยังเป็นอีกประเด็น เนื่องจากตอนนี้จะต้องดูก่อนว่า คะแนนที่นับใหม่เป็นอย่างไร ถ้ามีความแตกต่างจากคะแนนที่นับไปแล้ว ทางผู้ร้องติดใจเอาความ ก็จะต้องร้องในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องมา กกต.จว.ยะลาก็จะดำเนินการตามกระบวนการ
**แฉมีคนแอบอ้างเป็นกกต.ขายข้อมูล
แหล่งข่าวจากทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ได้มีชายวัยประมาณ 40 ปี อ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานเลือกตั้ง และรู้สำนวนการร้องคัดค้านการเลือกตั้งทุกสำนวนที่ส่งเข้าที่ กกต. ซึ่งอยู่ในการดูแลของนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และยังได้อ้างตัวอีกว่า เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในฝ่ายกิจการกรรมการเลือกตั้ง 3 ซึ่งได้มาติดต่อขอพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค และแกนนำคนเสื้อแดง เพื่อเสนอข้อมูลในสำนวนการสอบสวนเรื่องร้องเรียนและคัดค้านการเลือกตั้งในส่วนของว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายครั้ง
แต่ในช่วงหลังนี้ หลังจากที่มีข่าวผู้บริหาร กกต.ตีกอล์ฟกับนักการเมือง จึงได้สงสัยว่าคนดังกล่าวเป็นพนักงานในสำนักงานกกต. จริงหรือไม่ ทำให้ผู้ใหญ่ของพรรคสงสัยในพฤติกรรม จึงสั่งให้มีการสืบสวนทางลับว่า ชายคนดังกล่าวมีแผนอะไร เนื่องจากเหมือนมีเจตนาที่จะทำให้พรรคเสียหาย เพราะเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา กกต.เพิ่งมีมติ ตั้งนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เป็นประธานสอบสวนข้อเท็จจริงมีว่าที่ ส.ส.วิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกกต.เพื่อให้หลุดคดีร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง จึงเกรงว่าจะเป็นกลลวงให้พรรค
** โฆษกปธม.รอลุ้นปาร์ตี้ลิสต์
วานนี้ ( 26 ก.ค.) นายวารินทร์ อัฐนาค รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้เดินทางมารอฟังการพิจารณาการประกาศรับรอง ส.ส. ในรอบที่ 4 ที่ กกต. โดยหวังว่า กกต. จะประกาศรับรองส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรค เพื่อให้เข้าไปเป็นตัวแทนของภาคประชาชน ทำหน้าที่ในสภา
นายวารินทร์กล่าวว่า ได้ทราบข่าวมาว่า เมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค.ผ่านมา มีนักการเมืองใหญ่ในภาคอีสาน สังกัดพรรคเล็ก มาล็อบบี้กับคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีนี้ของกกต. เพื่อให้เสนอต่อกกต.ว่าไม่ควรรับรองส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค เพื่อจะทำให้บัตรที่เลือกพรรคปธม. กลายเป็นบัตรเสีย และพรรคการเมืองดังกล่าวจะได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม พรรคยังเชื่อมั่นการทำงานของกกต.ว่าไม่มีใครจะมากดดันกกต.ได้
**ปชป.เขต 4 ราชบุรี ร้องค้านประกาศผล
วันเดียวกันนี้ นายยศศักดิ์ ชีวะวิญญู อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ จ.ราชบุรี ได้เข้ายื่นเรื่องร้องคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 ต่อ กกต. หลังมีการพบบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งถูกทิ้งอยู่ และบัตรดังกล่าวส่วนใหญ่ได้ทำเครื่องหมายกากบาทหมายเลข 10 ที่เลขของตน จึงน่าจะเป็นคะแนนที่ประชาชนได้เลือกตน แต่ไม่ได้ถูกนับเป็นคะแนน ทำให้ตนต้องแพ้การเลือกตั้ง และเห็นว่าคะแนนห่างจากผู้ได้รับการเลือกตั้งไม่มากนัก จึงเชื่อว่ามีบัตรเลือกตั้งที่เลือกตนถูกนำไปทิ้งในจุดอื่นๆ อีก โดยนายยศศักดิ์ ขอให้กกต. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด และนำตัวคนทำผิดมาลงโทษ แม้ว่าการตรวจสอบอาจไม่สามารถทำให้ผลของการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม แต่เพื่อความยุติธรรม
** คาดเป็นบัตรที่นับคะแนนแล้ว
นายแสงทอง โตอดิเทพย์ ประธาน กกต.จว.ราชบุรี กล่าวถึง กรณีมีการพบบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของเขตเลือกตั้งที่ 4 จ.ราชบุรี ถูกซุกซ่อนอยู่ในศาลพระภูมิที่ชำรุด ว่า ขณะนี้ กกต.จว.ราชบุรี กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าบัตรดังกล่าว เป็นบัตรเลือกตั้งที่ปลอมขึ้น หรือบัตรเลือกตั้งจริงที่ใช้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา หากเป็นบัตรเลือกตั้งจริง ก็คงไม่มีผลกระทบต่อการเลือกตั้ง เนื่องจากการนับคะแนนเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว และที่หลุดออกไปก็น่าจะมาจากเวลานับแล้วนำกลับใส่ลงหีบไม่หมด หรือมีผู้ที่ลักบัตรดังกล่าวออกไป ขณะกำลังนำใส่ลงหีบบัตรเพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกต.จว.ราชบุรีได้แจ้งความที่สถานีตำรวจแล้ว รวมทั้งกกต.จว.ราชบุรี ยังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีบัตรเลือกตั้งได้ถูกนำออกมาจากหีบบัตร โดยคณะกรรมการตรวจสอบจะมีทั้งกกต.จว. กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ 4 และตำรวจ อีกทั้งตนได้รายงานถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ามายังกกต.ให้ได้รับทราบแล้วเมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยกกต.กลางได้แสดงความสงสัยว่าบัตรเลือกตั้งที่นับคะแนนเสร็จแล้วหลุดออกมาจากหีบบัตรเลือกตั้งได้อย่างไร
**โวย"เจ๊สด"ชี้นำเบี่ยงคลิปซื้อเสียง
นายประมวล เอมเปีย ผู้สมัคร ส.ส.เขต ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง ตนได้ติดตามข่าวการพิจารณาใบเหลือง ใบแดง ของกกต. มาโดยตลอด แต่เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ได้ให้สัมภาษณ์ระบุถึง กกต. จ.ชลบุรี เสนอให้ใบเหลือง ในการเลือกตั้งที่ชลบุรี เขต 3 เพราะมีคลิปวีดีโอ และพยานหลักฐาน ทั้งพยานวัตถุ และบุคคลครบถ้วน แต่นางสดศรี กลับพูดชี้นำผ่านสื่อว่า เข้าใจว่าคลิปวีดีโอดังกล่าว เป็นการตัดต่อของชาวบ้าน
การพูดเช่นนี้ต้องถามว่า นางสดศรี เป็น กกต.มีหน้าที่กำกับดูแล ควบคุมจัดการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรม แต่การออกมาให้สัมภาษณ์ ของนางสดศรี กลับสร้างความไม่สบายใจให้กับกลุ่มชาวบ้านที่เป็นพยาน ดูเสมือนว่าประชาชนสร้างหลักฐานเท็จมาร้องเรียน และเป็นการชี้นำด้วย หากคิดว่าเป็นการตัดต่อคลิปก็ขอให้เชิญเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบได้ ทั้งที่ข้อเท็จจริงใน จ.ชลบุรี ไม่มีประชาชนคนไหน กล้าขัดขวาง ท้าทาย หรือวางตัวอยู่คนละฝ่ายกับตระกูลคุณปลื้ม แต่ที่มีชาวบ้าน หรือประชาชน รวมตัวออกมาเอาเงินของกลางที่ได้จากการซื้อเสียง เอาไปคืนที่สำนักงาน กกต. พร้อมทั้งกล้ายืนยันเป็นพยานบุคคลว่ามีการซื้อเสียงกันก็เพราะประชาชนคนชลบุรี ต่างทนไม่ได้ เพราะมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมีพฤติกรรมซื้อเสียงมากมาย ง่ายเสียกว่าไปซื้อของในตลาดสด ทั้งที่กกต.มีหน้าที่ดูแลแต่กกต.กลับไม่มีความสามารถที่จะรักษากฎหมาย
นายประมวลกล่าวว่า สำหรับตน จะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ที่ต้องออกมา เพื่อขอให้กกต.ทำหน้าที่ และย้ำว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ขอถามว่าทุกวันนี้ มีการข่มขู่พยานบุคคล อยากทราบว่ารายชื่อของพยาน เล็ดรอดออกมาได้อย่างไร ให้ผู้ถูกร้องมาข่มขู่พยานได้ถูกตัว หรือการที่นางสดศรีระบุว่า จะทำให้เป็นกรณีตัวอย่างเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กกต. และจริงหรือไม่ที่มีข่าวออกมาว่าสามารถซื้อกกต.ได้ และจริงหรือไม่ที่การพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงของกกต.ในอดีตของการลงมติต่างๆ กกต.ชุดก่อนๆ นี้มีการถกถึงประเด็นและพฤติกรรมว่าผิดกฎหมายอย่างไร แต่กกต.ชุดนี้ใช้วิธีติ๊กให้ใบเหลือง ใบแดง หรือใบขาว โดยไม่มีการเรียกเจ้าหน้าที่สอบสวนที่ทำการสอบสวนในพื้นที่มาสอบถามในรายละเอียด ดังนั้น อยากให้กกต.ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆ ต่อสังคม เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นการเรียกคืนความเชื่อมั่นของกกต.อย่างแท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินคดีกับ กกต.หรือไม่ นายประมวล กล่าวว่า กรณีนี้หลักฐานพยานชัดเจน ถ้ากกต.พิจารณายกคำร้อง ตนก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว และคิดว่าประชาชนอีกเป็นร้อยคน ก็พร้อมที่จะมาเป็นพยานเพิ่ม และไม่ยอมแน่นอน หากกกต.วินิจฉัยผิดไปจากข้อเท็จจริง ตนก็ต้องหารือกับฝ่ายกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และขอเน้นย้ำให้กกต.กลาง เรียกพยานบุคคล พยานเอกสารที่ได้สอบปากคำ รวมทั้งพยานวัตถุที่ไดลงบันทึกไว้แล้วทั้งหมดจากกกต.จังหวัด เพื่อนำมาพิจารณาให้ครบถ้วน อย่าหมกเม็ด หรือดองเรื่องไว้ เพราะตนเชื่อมั่นว่า พฤติการณ์เหล่านี้ ทำให้เชื่อได้ว่าการเลือกตั้งไม่สุจริต และโปร่งใส ซึ่งตนและประชาชน จะเฝ้าจับตาดู กกต.ว่าจะทำอย่างไรเพื่อประชาชนไว้วางใจสมกับที่คาดหวัง เพราะผ่านการเลือกตั้งมาคนเขารู้ว่ามีการทุจริตกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่กกต.กลับแจกใบเหลือง เพียง 2 ใบเท่านั้น แล้วจะเรียกความเชื่อมั่นให้กับกกต.ได้อย่างไร