ASTVผู้จัดการรายวัน – บิ๊กทีโอเอ ระบุขึ้นค่าแรง 300 บาทกระทบต้นทุนผู้รับเหมาทาสี ส่งผลค่าจ้างทาสีแพงขึ้นแน่ คาดผู้บริโภคหันทาสีเองเพิ่มขึ้น พร้อมยันแทบไม่กระทบต้นทุนผลิตสี ขณะที่ต้นทุนวัสดุดิบปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะไททาเนียม ด้านภาพรวมตลาดสีครึ่งปีแรก รายได้โตตามเป้า 10% หวั่นปัญหาเศรษฐกิจยุโรป-อเมริกากระทบทั่วโลก
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดสีในประเทศช่วงครึ่งปีแรกของทีโอเอมีการเติบโตที่ดี แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการเลือกตั้ง รวมไปถึงภาวะของสินค้าราคาแพง ต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้น ทำให้ต้องปรับขึ้นราคาประมาณ 5-7% แต่บริษัทยังสามารถรักษายอดขายไว้ได้โดยมีการเติบโตประมาณ 10% จากช่วงเดียวกันของปีที่มา โดยทั้งปีตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 10% หรือมียอดขาย 12,000 ล้านบาท
“ทั้งนี้ ยอมรับว่ายอดขายส่วนหนึ่งมาจากกระแสตอบรับของหนังโฆษณาที่มี “ปัญญา นิรันด์กุล” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัด ซึ่งผู้บริโภคบางรายถึงขั้นถามซื้อสีปัญญา จากดีเลอร์ อย่างไรก็ตามไม่สามารถระบุได้ว่าการนำคุณปัญญามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าตลาดสีของทีโอเอมีการขยายตัวออกไปในวงกว้างมากขึ้น ส่วนกรณีที่คุณมยุรา เศวษศิลา ที่อยู่บริษัทเดียวกัน ไปโฆษณาให้สีของอีกแบรนด์อาจทำให้เกิดความสับสนได้นั้น เชื่อว่าทำให้เราได้เปรียบมากกว่า เพราะการวางจำหน่ายของทีโอเอมีมากกว่า มีรูปคุณปัญญาตั้งอยู่ตามร้านของดีเลอร์ถึง 4,000 ราย ในขณะที่คู่แข่งมีเพียง 1,000 กว่าราย” นายจตุภัทร์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ดี ตามการเติบโตของเศรษฐกิจและความชัดเจนของรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภา อย่างไรก็ตามต้องรอดูว่านโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จะออกมาอย่างไร แต่จากนโยบายที่ใช้หาเสียงก็เชื่อว่าจะส่งผลในทางบวก
ส่วนนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน นั้น จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสีน้อยมากหรืออาจไม่กระทบเลย เพราะส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรในการผลิต แต่ยอมรับจะส่งผลกระทบต่อผู้รับเหมา ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและจะทำให้ค่าทาสีแพงขึ้น และอาจทำให้ผู้บริโภคบางส่วนหันมาทาสีเองเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาสีให้มีการใช้งานง่ายขึ้นสามารถเปิดฝาแล้วทาได้เลย อย่างไรก็ตาม การทาสีเองยังไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ซึ่งเชื่อว่าผู้บริโภคจะยอมจ่ายค่าจ้างทาสีแพงขึ้นแทนการทาสีเอง
แม้ว่าปัญหาเรื่องแรงงานจะไม่กระทบต่อการผลิตของบริษัท แต่ปัญหาในเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถือเป็นปัญหาใหญ่ของอุตสาหกรรมสีและปัจจุบันยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไททาเนียมและต้นทุนพลังงาน ส่วนจะส่งผลทำให้ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงครึ่งปีเหลือหรือไม่นั้นขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะในช่วงครึ่งปีแรกได้ปรับขึ้นไปแล้ว แต่บริษัทจะยังคงตรึงราคาไว้จนกว่าจะแบกรับไม่ไหว
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ ปัญหาภายนอกประเทศทั้งปัญหาวิกฤตหนี้ของกลุ่มประเทศยุโรปและวิกฤตเศรษฐกิจของอเมริกาที่เกรงว่าจะเกิดระลอก 2 ขึ้น แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะแก้ไข แต่หากแผนการแก้ไขไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ในระยะอันใกล้อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนทั่วโลก และหากแผนดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างแน่นอน
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดสีในประเทศช่วงครึ่งปีแรกของทีโอเอมีการเติบโตที่ดี แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการเลือกตั้ง รวมไปถึงภาวะของสินค้าราคาแพง ต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้น ทำให้ต้องปรับขึ้นราคาประมาณ 5-7% แต่บริษัทยังสามารถรักษายอดขายไว้ได้โดยมีการเติบโตประมาณ 10% จากช่วงเดียวกันของปีที่มา โดยทั้งปีตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 10% หรือมียอดขาย 12,000 ล้านบาท
“ทั้งนี้ ยอมรับว่ายอดขายส่วนหนึ่งมาจากกระแสตอบรับของหนังโฆษณาที่มี “ปัญญา นิรันด์กุล” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัด ซึ่งผู้บริโภคบางรายถึงขั้นถามซื้อสีปัญญา จากดีเลอร์ อย่างไรก็ตามไม่สามารถระบุได้ว่าการนำคุณปัญญามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าตลาดสีของทีโอเอมีการขยายตัวออกไปในวงกว้างมากขึ้น ส่วนกรณีที่คุณมยุรา เศวษศิลา ที่อยู่บริษัทเดียวกัน ไปโฆษณาให้สีของอีกแบรนด์อาจทำให้เกิดความสับสนได้นั้น เชื่อว่าทำให้เราได้เปรียบมากกว่า เพราะการวางจำหน่ายของทีโอเอมีมากกว่า มีรูปคุณปัญญาตั้งอยู่ตามร้านของดีเลอร์ถึง 4,000 ราย ในขณะที่คู่แข่งมีเพียง 1,000 กว่าราย” นายจตุภัทร์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ดี ตามการเติบโตของเศรษฐกิจและความชัดเจนของรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภา อย่างไรก็ตามต้องรอดูว่านโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จะออกมาอย่างไร แต่จากนโยบายที่ใช้หาเสียงก็เชื่อว่าจะส่งผลในทางบวก
ส่วนนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน นั้น จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสีน้อยมากหรืออาจไม่กระทบเลย เพราะส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรในการผลิต แต่ยอมรับจะส่งผลกระทบต่อผู้รับเหมา ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและจะทำให้ค่าทาสีแพงขึ้น และอาจทำให้ผู้บริโภคบางส่วนหันมาทาสีเองเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาสีให้มีการใช้งานง่ายขึ้นสามารถเปิดฝาแล้วทาได้เลย อย่างไรก็ตาม การทาสีเองยังไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ซึ่งเชื่อว่าผู้บริโภคจะยอมจ่ายค่าจ้างทาสีแพงขึ้นแทนการทาสีเอง
แม้ว่าปัญหาเรื่องแรงงานจะไม่กระทบต่อการผลิตของบริษัท แต่ปัญหาในเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถือเป็นปัญหาใหญ่ของอุตสาหกรรมสีและปัจจุบันยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไททาเนียมและต้นทุนพลังงาน ส่วนจะส่งผลทำให้ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงครึ่งปีเหลือหรือไม่นั้นขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะในช่วงครึ่งปีแรกได้ปรับขึ้นไปแล้ว แต่บริษัทจะยังคงตรึงราคาไว้จนกว่าจะแบกรับไม่ไหว
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ ปัญหาภายนอกประเทศทั้งปัญหาวิกฤตหนี้ของกลุ่มประเทศยุโรปและวิกฤตเศรษฐกิจของอเมริกาที่เกรงว่าจะเกิดระลอก 2 ขึ้น แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะแก้ไข แต่หากแผนการแก้ไขไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ในระยะอันใกล้อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนทั่วโลก และหากแผนดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างแน่นอน
